สรุปสเปค Xiaomi Pad 6/ Xiaomi Pad 6 Max แท็ปเล็ตสายทำงาน จอใหญ่ ใช้ลื่นเร็วแรง ราคาเริ่มต้น 10,990 บาท
หลังจากที่ได้มีการเปิดตัว Xiaomi Pad 6 Series ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทั้ง Pad 6/ Pad 6 Pro และเปิดตัว Global ไปเมื่อเดือนที่แล้วกับรุ่นปกติ ล่าสุดตอนนี้ Xiaomi Pad 6 ที่เข้ามาเปิดตัววางขายในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ดูรีวิวที่นี่) ซึ่งแท็บเล็ตตัวนี้ก็เป็นแท็บเล็ตตัวคุ้ม สายทำงานที่มีสเปคครบ พกพาได้สะดวก และมีหน้าจอใหญ่ไหลลื่นรองรับ ในราคาเริ่มต้นแค่หมื่นนิดๆ เท่านั้น ซึ่งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Xiaomi ก็ได้เปิดตัวรุ่นพี่ใหญ่ออกมาอีกหนึ่งรุ่นคือ Pad 6 Max ที่เป็นรุ่นจอใหญ่ แบตอึดที่สุดกว่าทุกรุ่น แต่ตอนนี้เปิดตัวแค่ที่จีน ยังไม่ได้มีข่าวว่าจะเข้ามาทำตลาดในไทยหรือไม่ สำหรับใครที่อยากรู้สเปคของแต่ละรุ่นว่าเป็นอย่างไรบ้าง เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาสรุปสเปค Xiaomi Pad 6/ Pad 6 Max/ Pad 6 Pro แต่ละรุ่นนี้ว่าเป็นอย่างไร กับแท็ปเล็ตสายทำงาน ที่มีหน้าจอใหญ่ ชิปตัวแรงใช้งานลื่นเร็ว ในราคาเริ่มต้น 10,990 บาทในปี 2023
Xiaomi Pad 6
เริ่มกันที่สเปครุ่นเริ่มต้นเปิดตัวพร้อมวางขายในบ้านเรากันก่อนเลยกับรุ่น Pad 6 ออกแบบและดีไซน์มาเพื่อคนทำงานโดยเฉพาะ ตัวเครื่องเป็นยูนิบอดี้แบบโลหะทั้งชิ้น มีขอบแบนและมุมโค้งกับฝาหลังแบบด้าน มีความหนา 6.51 มม. และหนัก 490 กรัม ส่วนโมดูลกล้องหลังเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีเลนส์หนึ่งตัวอยู่ด้านใน มีมาให้เลือกกัน 3 สีคือ Gravity Grey (เทา), Mist blue (ฟ้า) และ Gold (ทอง) ตัวหน้าจอนั้นเป็นแบบ LCD ความละเอียด 2.8K Ultra-HD (2880×1800) กว้าง 11 นิ้วขนาดใหญ่และมี Refresh Rate 144Hz (7 ระดับ) เล่นได้ลื่นๆ รองรับทั้ง Dolby Vision/ HDR10 และการถนอมสายตาขณะใช้งานด้วย
โดยรุ่นนี้มาพร้อมชิป Snapdragon 870 ที่มี RAM 8GB/ ROM 128/256GB มีให้เลือกกันถึง 2 รุ่นย่อยในราคาต่างกันนิดหน่อย สามารถใช้ทำงานได้สบายๆ หรือจะเอาไวเล่นเกม และดูหนังฟังเพลงได้ด้วย เพราะมีลำโพงอัลตร้าลิเนียร์สี่ตัวด้านบนและล่างรองรับ Dolby Atmos ใช้งานแบบ Muti-task/ แยกหน้าจอ และเลื่อนเนื้อหาเพื่อแบ่งปันข้อมูลข้ามแอพได้ด้วย ซึ่งหน้าจอก็รองรับ Xiaomi Smart pen (2nd generation) ที่ไวต่อแรงกดและการสัมผัสแปะด้านข้างได้ กับตัว Pad 6 Keyboard ที่เชื่อมต่อพร้อมให้ใช้งานอย่างรวดเร็ว ซึ่งรุ่นนี้ใส่ซิมไม่ได้ใช้ได้เพียง WiFi 4-6 เท่านั้น
ตัวกล้องหลังของรุ่นนี้มีกล้อง 1 ตัวที่ความละเอียด 13MP (f/2.2) ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K@30fps ถ่ายรูปทั่วไปได้คมชัด มีโหมดถ่ายกลางคืนมาให้ด้วย ทำได้ดีเลยในส่วนนี้ ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียด 8MP (f/2.2) ที่มีฟีเจอร์จัดให้เราอยู่กึ่งกลางภาพเสมอ ไม่ว่าจะขยับไปตรงไหนก็ตาม และยังมี AI ที่จัดแสงด้านหลังได้ด้วย เหมาะกับการประชุมทำงานเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีโหมดรับเสียงหลากหลายเพื่อการประชุม ด้วยระบบรับเสียงตามทิศทางที่มีไมค์ 4 ตัว รับเสียง 60 องศาสำหรับประชุมคนเดียวและ 360 องศาสำหรับการประชุมหลายคนได้ด้วย รุ่นนี้มีความจุแบตมาให้ที่ 8,840 mAh ชาร์จไวได้ 33W ดูรายละเอียดและสั่งซื้อที่นี่ มีราคาให้เลือกคือ
- รุ่น RAM 8/128GB: ราคา 10,990 บาท
- รุ่น RAM 8/256GB: ราคา 12,990 บาท
สรุปสเปค Xiaomi Pad 6
- หน้าจอ: LCD, 2.8K Ultra-HD (2880×1800) กว้าง 11 นิ้ว อัตรา Refresh Rate 144Hz
- ชิปประมวลผล: Qualcomm Snapdragon 870 Octa Core
- RAM: 8GB (LPDDR5)
- ROM: 128GB/256GB (UFS3.1)
- กล้องหลัง 1 ตัว ความละเอียด
- เลนส์หลัก 13MP (ƒ/2.2)
- วิดีโอ 4K@30fps
- กล้องหน้าความละเอียด: 8MP (ƒ/2.2)/ วิดีโอ 1080p@30fps
- การเชื่อมต่อ: WiFi 4-6, Bluetooth 5.2
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับ MIUI 14 สำหรับ Pad
- แบตเตอรี่ความจุ: 8,840 mAh/ ชาร์จไว 33W
- ราคา: รุ่นเริ่มต้น 10,990 บาท
- รีวิว Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตที่ดีไซน์มาเพื่อการทำงานเต็มประสิทธิภาพ | ราคาเริ่มต้น 10,990 บาท
- เปรียบเทียบ Tablet ของ Xiaomi Pad 6/ HUAWEI MatePad 11.5/ iPad 9 สามรุ่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน ซื้อรุ่นไหนดีในปี 2023
Xiaomi Pad 6 Pro
สำหรับรุ่นโปรรุ่นต่อมานี้ไม่ได้เปิดตัวแบบ Global หรือพูดง่ายๆ ขายอยู่ในจีนเท่านั้นในตอนนี้ สเปคโดยรวมแล้วจะคล้ายๆ กับรุ่นปกติ แต่จะมีความแรงกว่าในด้านการใช้งานและกล้องที่ดีกว่า ตัวเครื่องเป็นยูนิบอดี้แบบโลหะทั้งชิ้นที่มีขอบแบนและมุมโค้งเหมือนกัน มีความหนา 6.51 มม. และเบาถึง 490 กรัม กับสีเหมือนกันเป๊ะคือทอง, เทา และฟ้า โมดูลกล้องก็เหมือนกันแต่ว่าตัวนี้จะมีเลนส์ด้านในสองตัว หน้าจอเป็นแบบ LCD ความละเอียด 2.8K (2880×1800) กว้าง 11 นิ้วพร้อม Refresh Rate 144Hz และฟีเจอร์ที่เหมือนกับรุ่นปกติทั้งหมด รองรับ Dolby Vision/ HDR10 ด้วย
ส่วนชิปประมวลผลรุ่นนี้ก็ได้อัพเกรดมาเป็น Snapdragon 8+ Gen 1 ที่มี RAM 8/12GB กับความจุ ROM 128/256/512GB มีรุ่นย่อยให้เลือกถึง 4 รุ่น ใช้ทำงานหรือเอาไว้เรียน เล่นเกมและดูหนังได้ครบจบในเครื่องเดียว มีลำโพงเหมือนกันสี่ตัวด้านบน-ล่างรองรับ Dolby Atmos ใช้งานแบบแบ่งจอ/ แยกจอ หรือใช้ร่วมกันระหว่างแอพได้ปกติ ใส่ซิมไม่ได้ใช้ได้กับ WiFi 4-6 โดยรุ่นนี้มีแบตความจุ 8,600 mAh รองรับชาร์จไว 67W ชาร์จเต็มใน 62 นาที และสแจนบายได้นานสุด 47.9 วันเลยทีเดียว
จุดที่น่าสนใจของรุ่นนี้ก็คือกล้องหลังคู่ที่ความละเอียดหลัก 50MP และชัดลึก 2MP ถ่ายได้อย่างคมชัดมากขึ้น รวมไปถึงกล้องหน้าที่มีความละเอียด 20MP พร้อมฟีเจอร์จัดให้อยู่ตรงกลางเสมอ มีความคมชัดมากขึ้นกว่ารุ่นปกติ มีไมค์รองรับ 4 ตัวทั้งการประชุมเดี่ยวและประชุมแบบกลุ่ม นอกจากนี้ยังสามารถแปลภาษาออกมาขณะที่ประชุมได้ อีกทั้งยังมี Conference Toolbox เพื่อจัดการประสิทธิภาพในการประชุมได้เลยทันที รองรับทั้งปากกาและคีย์บอร์ดอัจฉริยะที่มี NFC ในตัวด้วย รุ่นนี้ไม่ได้วางขายในบ้านเรามีราคาเริ่มต้นที่ 2,399 หยวนหรือประมาณ 12,000 บาท ดูสเปค
สรุปสเปค Xiaomi Pad 6 Pro
- หน้าจอ: LCD, 2.8K Ultra-HD (2880×1800) กว้าง 11 นิ้ว/ Refresh Rate 144Hz
- ชิปประมวลผล: Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 Octa Core
- RAM: 8/12GB (LPDDR5)
- ROM: 128GB/256GB/512GB (UFS3.1)
- กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด
- เลนส์หลัก 50MP (ƒ/1.8)
- เลนส์ชัดลึก 2MP
- วิดีโอ 4K@30fps, 60fps
- กล้องหน้าความละเอียด: 20MP
- การเชื่อมต่อ: WiFi 4-6, Bluetooth 5.3
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับ MIUI 14 สำหรับ Pad
- แบตเตอรี่ความจุ: 8,600 mAh/ ชาร์จไว 67W
- ราคา: รุ่นเริ่มต้น 2,399 หยวนหรือประมาณ 12,000 บาท
Xiaomi Pad 6 Max
ปิดท้ายกันด้วยรุ่นพี่ใหญ่ที่เปิดตัวกันไปหมาดๆ ซึ่งรุ่นนี้ก็ยังไม่ได้เปิดตัวแบบ Global และมีวางขายอยู่ที่จีนเท่านั้น โดยตัวเครื่องรุ่นนี้จะใหญ่กว่าทุกรุ่นแต่มีดีไซน์ที่คล้ายกันคือแบบยูนิบอดี้โลหะทั้งอัน กับเสาอากาศที่ซ่อนในตัวและมีสองสีคือสีเทากับสีเงิน มีความหนา 6.5 มม. น้ำหนัก 750 กรัม ในส่วนของหน้าจอเป็นแบบ LCD ความละเอียด 2.8K (2880×1800) เท่ากันหมดทุกรุ่น แต่ตัวนี้มีหน้าจอกว้างถึง 14 นิ้วขนาดใหญ่มากกว่ารุ่นปกติ 62% และมี Refresh Rate 120Hz เล่นไหลลื่น สว่างได้สูงสุด 600nits สามารถดูหนังได้ 120fps ที่ผ่านการรับรอง FrameShare UHD ทำร่วมกับ Youku และมีโหมดถนอมสายตาให้ด้วยเช่นกัน
ส่วนชิปประมวลผลก็แน่นอนว่าได้ชิปตัวแรงแบบเดียวกับรุ่นโปรคือ Snapdragon 8+ Gen 1 ที่มี RAM 8/12/16GB และความจุ ROM 256/512GB/1TB มีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย ทำงานหรือเล่นเกมได้อย่างเต็ม Max เพราะมีการเพิ่มประสิทธิภาพมาพิเศษสำหรับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ใช้งานได้ลื่นขึ้น เล่นเกมได้เร็วแรงขึ้นด้วย นอกจากนี้ก็ยังมี MIUI Free Workbench ที่ทำงานได้เหมือนบนคอม ทำงานร่วมกันหลายจอได้ แยกจอหรือแบ่งจอเพื่อการทำงาน และจดบันทึกได้ตลอดเวลา รวมไปถึง WPS Office for Pad ที่ทำได้เหมือนในคอมด้วย รุ่นนี้มีแบตความจุ 10,000 mAh ชาร์จไว 67W ใช้งานได้เต็มที่ยาวนาน
ส่วนกล้องหลังของรุ่นนี้จะเป็นเหมือนกันกับรุ่นโปรเลยคือมีกล้องหลัง 2 ตัวที่ความละเอียดหลัก 50MP และชัดลึก 2MP ใช้ถ่ายรูปได้คมชัด กับกล้องหน้าสำหรับการประชุมโดยเฉพาะที่มีความละเอียด 20MP ที่มีฟีเจอร์จัดให้อยู่ตรงกลางเสมอ มาพร้อมไมค์ 4 ตัวรอบทิศทางสำหรับประชุมคนเดียวหรือแบบกลุ่ม และมีลำโพงมากถึง 8 ตัวคือเบส 4 ตัวและเสียงแหลม 4 ตัวให้เสียงกระหึ่มคมชัด นอกจากนี้ก็ยังมี AI ที่ช่วยลดเสียงรบกวน และสามารถแปลภาษาได้ทันทีขณะประชุมอยู่ด้วย รุ่นนี้รองรับปากกา Mi Focus และคีย์บอร์ดอัจฉริยะแยกตัวใช้งานได้ พร้อมฟีเจอร์ลูกเล่นอีกเพียบ มีราคาเริ่มต้นวางขายที่จีนในราคา 3,599 หยวนหรือประมาณ 17,500 บาท ดูสเปคที่นี่
สรุปสเปค Xiaomi Pad 6 Max
- หน้าจอ: LCD, 2.8K Ultra-HD (2880×1800) กว้าง 14 นิ้ว/ Refresh Rate 120Hz
- ชิปประมวลผล: Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 Octa Core
- RAM: 8/12/16GB (LPDDR5x)
- ROM: 256GB/512GB/1TB (UFS3.1)
- กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด
- เลนส์หลัก 50MP (ƒ/1.8)
- เลนส์ชัดลึก 2MP
- วิดีโอ 4K@30fps, 60fps
- กล้องหน้าความละเอียด: HD 20MP
- การเชื่อมต่อ: WiFi 4-6, Bluetooth 5.3/ Wi-Fi Direct
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับ MIUI 14 สำหรับ Pad
- แบตเตอรี่ความจุ: 10,000 mAh/ ชาร์จไว 67W
- ราคา: รุ่นเริ่มต้น 3,599 หยวนหรือประมาณ 17,500 บาท
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการสรุปสเปคของ Xiaomi Pad 6 Series ทั้งสามรุ่นที่เปิดตัวออกมาแล้วทั้งหมดคือรุ่นปกติ ที่วางขายในบ้านเรา ออกแบบมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะมีหน้าจอใหญ่ เล่นได้ลื่นๆ ใช้ทำงานหรือเล่นเกม ดูหนังได้ดีในราคาเบาๆ เริ่มต้นเพียง 10,990 บาทเท่านั้น ส่วนอีกสองรุ่นคือรุ่น Pro และรุ่น Max เป็นรุ่นอัพเกรดสเปคทั้งความแรงจากตัวชิป และกล้องหลังกับกล้องหน้าที่ตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า โดยเฉพาะรุ่น Max ที่มีจอใหญ่มากถึง 14 นิ้ว แต่ทั้งสองรุ่นนี้ก็ยังไม่ได้เปิดตัวแบบ Global ก็คือวางขายอยู่ในประเทศจีนเท่านั้น ก็ต้องมาดูกันว่าจะมีลุ้นเปิดตัววางขายทั่วโลกหรือไม่ สำหรับใครที่สนใจรุ่นที่วางขายในไทย สามารถเข้าสั่งซื้อได้แล้วที่ Xiaomi Thailand ได้เลย
ขอบคุณภาพและข้อมูลทั้งหมดจาก Xiaomi TH/ Xiaomi