เผลอแผล็บเดียวก็เข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 ไปเป็นที่เรียบร้อย และในเดือนเมษายนจะเป็นช่วงที่เว้นว่างจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ เนื่องจากได้ทยอยเปิดตัวกันไปแล้วก่อนหน้านี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจัดอันดับสมาร์ทโฟนปี 2019 ว่าที่เปิดตัวมานั้น รุ่นไหนปัง รุ่นไหนแป๊ก โดยเริ่มจากหัวข้อการถ่ายภาพ เพราะเป็นจุดที่หลายคนให้ความสนใจเป็นพิเศษ
จัดอันดับสมาร์ทโฟนเรือธงสำหรับถ่ายรูปที่ดีที่สุดในปี 2019 by SPECPHONE
ในหัวข้อสมาร์ทโฟนเรือธงสำหรับถ่ายรูป ผมเลือกมาด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น โดยเน้นรุ่นที่วางจำหน่ายช่วงไตรมาสที่ 3 – 4 ของปี 2018 จนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2019 ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนด้วยกัน แล้วก็เน้นที่รุ่นท็อปของแต่ละแบรนด์
- HUAWEI P30 Pro – มีนาคม 2019
- Samsung Galaxy S10+ – กุมภาพันธ์ 2019
- HUAWEI Mate 20 Pro – ตุลาคม 2018
- Apple iPhone XS Max – กันยายน 2018
- Xiaomi Mi 9 – มีนาคม 2019
ส่วนตัวผมได้ทดสอบสมาร์ทโฟนตามที่ได้กล่าวถึงในด้านบนทุกรุ่น โดยแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ถ้าต้องเลือกรุ่นที่เป็น “ที่สุด” สำหรับการถ่ายภาพ ณ ช่วงเวลานี้คงต้องยอมให้ HUAWEI P30 Pro เขาล่ะครับ เพราะได้ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีกับนวัตกรรมที่เหนือกว่ารุ่นอื่น อีกทั้งคุณภาพของรูปถ่ายที่ได้ก็อยู่ในระดับดีเยี่ยม ที่สำคัญคือผมให้น้ำหนักกับการที่ P30 Pro ทลายข้อจำกัดของการถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟน และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้
จุดเด่นของกล้อง HUAWEI P30 Pro
- สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบในทุกระยะการถ่ายภาพ
- ถ่ายกลางคืนได้สว่าง เก็บรายละเอียดได้ครบ
- ระบบโฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำ
- ระยะซูมที่หวังผลได้ ยังไม่มีสมาร์ทโฟนยี่ห้อไหนทำได้เทียบเท่า
- การเก็บระยะระหว่างวัตถุแม่นยำ ให้โบเก้ที่สมจริง เป็นธรรมชาติ
รูปด้านบนเป็นตัวเครื่อง HUAWEI P30 Pro เทียบกับกล้องที่ผมใช้เป็นประจำกับเลนส์ระยะต่าง ๆ ได้แก่ 24 – 105 mm, เลนส์ 100 mm macro, เลนส์ 50 f/1.4, 35 mm f/1.4 และเลนส์ 85 mm f/1.8 ยังไม่นับขาตั้งกล้องที่มีพกไปบ้างในบางครั้ง
สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจตรงกัน คือผมไม่ได้ต้องการจะสื่อว่า HUAWEI P30 Pro ให้ภาพที่ดีเทียบเท่า DSLR แต่สิ่งที่ HUAWEI P30 Pro ให้ได้ คือคุณภาพที่ผมมองว่า มันเกินพอสำหรับการใช้งานบนโลกโซเชียล และเพียงพอที่จะใช้ในการทำงาน แลกกับขนาดที่ใส่กระเป๋ากางเกงพกไปไหนก็ได้ ไม่ต้องแบกของหนักให้ปวดหลัง แล้วก็สะดวกในการหยิบใช้งานมากกว่า ที่สำคัญคือได้ระยะในการถ่ายภาพที่ครบช่วง ถ้าแบบคุณภาพเน้น ๆ ก็ที่ 16 มิลลิเมตร – 270 มิลลิเมตร (0.6x – 10x Hybrid Zoom) หรือถ้าจะให้มากกว่านั้นก็คือที่ระยะซูม 50 เท่า (Digital Zoom) 1,343 มิลลิเมตร แถมยังสามารถถ่ายมาโครได้ใกล้ถึง 2.5 เซนติเมตรอีกด้วย
การถ่ายภาพที่ระยะ 270 มิลลิเมตร ลำพังแค่เลนส์ก็น่าจะหนักกว่า HUAWEI P30 Pro หลายเครื่องแล้วล่ะครับ นี่คือสิ่งที่ HUAWEI ทำได้ และเป็นการทลายหนึ่งในข้อจำกัดของกล้องสมาร์ทโฟนเรื่องการซูม ที่เมื่อก่อนเป็นการซูมแบบดิจิทัล จนถึงการใส่กล้อง 2 ตัวสำหรับซูม 2 เท่า และก็มีผู้ผลิตบางรายไปทำอุปกรณ์เสริมเพื่อให้สมาร์ทโฟนซูมได้ไกลขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับความเทอะทะ ไม่จบในตัว กลายเป็นว่าพกขนาดนั้น พกกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ดีกว่า
10x Hybrid Zoom – ซูม 10 เท่า ใช้งานได้จริง
จริงอยู่ที่การซูม 10 เท่า ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสมาร์ทโฟน แต่การซูม 10 เท่าในแบบที่ผ่าน ๆ มานั้น เป็นการซูมแบบ Digital เหมือนการครอปภาพ ทำให้เรื่องของคุณภาพของรูปที่ซูมนั้นออกมาไม่ดี โดยเฉพาะการซูมในที่แสงน้อย จะเห็นภาพแตก ไม่มีความคมชัด แล้วก็เต็มไปด้วย Noise สุดท้ายแล้วถ่ายได้ แต่ก็ไม่สามารถใช้งานภาพได้อยู่ดี
แตกต่างจากเทคโนโลยีการซูมที่อยู่ใน HUAWEI P30 Pro ด้วยเลนส์เทเลโฟโต้แบบแบบใหม่ช่วยให้สามารถเก็บการซูมออปติคัลได้มากขึ้น สำหรับระยะแบบออปติคัลจะอยู่ที่ 5 เท่า หรือ 135 มิลลิเมตร และเมื่อใช้การซูมแบบไฮบริด จะสามารถซูมได้ถึง 10 เท่า (270 มิลลิเมตร) แบบไม่เสียรายละเอียด หรืออีกนัยหนึ่งคือได้ความคมชัดเทียบเท่ากับการซูมด้วยฮาร์ดแวร์
การออกแบบเลนส์เทเลโฟโต้แบบใหม่ และกระบวนการซูมแบบไฮบริด ทำให้ได้ระยะการซูมตามหน้าสเปคอยู่ที่ 270 มิลลิเมตร อีกหนึ่งสิ่งที่ยาก แต่ HUAWEI P30 Pro ทำได้ ก็คือระบบกันสั่นที่ใช้ทั้ง Dual OIS จากฮาร์ดแวร์ รวมกับระบบกันสั่นด้วย AI หรือ HUAWEI AIS ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพด้วย 10x Hybrid Zoom ได้ง่ายมาก ไม่ต้องกังวลว่าภาพจะสั่นไหว พอ AI ล็อกเป้าวัตถุได้ มุมกล้องก็จะนิ่งทันที
ToF Camera – โบเก้ในแบบที่ไม่เคยมีสมาร์ทโฟนรุ่นไหนทำได้
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมมองว่าเป็นจุดแข็งของ HUAWEI P30 Pro ก็คือกล้องตัวที่ 4 เป็นกล้อง ToF ถูกใส่มาเพื่อปิดอีกจุดอ่อนของกล้องสมาร์ทโฟน ในเรื่องของโบเก้ที่หลายคนบอกว่ามีความ “ปลอม” เพราะหลักการทำงานของกล้องคู่สำหรับถ่าย Bokeh สมาร์ทโฟนทั่วไป จะใช้การซ้อนภาพระหว่างกล้องหลัก กับกล้องรองที่ใช้วัดระยะ แล้วทำการละลายฉากหลักด้วยซอฟท์แวร์ เหมือนภาพ 2 เลเยอร์ซ้อนกัน
แต่ด้วยกล้อง ToF ที่สามารถวัดระยะความลึกของวัตถุได้อย่างแม่นยำ ทำให้โบเก้จากกล้องของ HUAWEI P30 Pro เป็นโบเก้ที่ค่อย ๆ เบลอตามระยะ มีความใกล้เคียงกับโบเก้ของกล้อง DSLR มากยิ่งขึ้น
ถ่ายกลางคืน สว่าง คมชัด รายละเอียดครบ ทั้งหมดทำได้ด้วยมือเปล่า
การถ่ายภาพกลางคืน หรือภาพถ่ายในที่แสงน้อยสำหรับ HUAWEI P30 Pro ดูจะเป็นงานง่ายขึ้นมาทันที เพราะจากที่ได้ทดลองใช้มาสักพัก น้อยครั้งนักที่จะเปิด Night Shot เพื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อย เพราะส่วนตัวผมมองว่าแค่โหมด Auto ที่มี Master AI ก็เพียงพอที่จะถ่ายภาพในที่แสงน้อยให้สว่าง และได้รายละเอียดที่คมชัดแล้ว ด้วยเซ็นเซอร์ตัวใหม่ HUAWEI SuperSpectrum ที่รับแสงได้มากขึ้น รวมกับกล้องที่รูรับแสงกว้างถึง f/1.6 และ ISP ของชิป Kirin 980
ความสามารถของ P30 Pro ในการถ่ายกลางคืนยังไม่หมดแค่นี้ ต้องบอกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทำได้มากกว่าการถ่ายกลางคืน แต่ไปไกลถึงการถ่ายภาพในห้องมืดที่แทบจะไม่มีแสง ด้วยความสามารถในการปรับ ISO ได้สูงถึง 409,600
สรุปแล้ว ทำไม HUAWEI P30 Pro ถึงเป็นที่สุดของสมาร์ทโฟนแฟลกชิปสำหรับการถ่ายภาพในปี 2019?
ตามที่ผมได้อธิบายมาข้างต้นล่ะครับ ถ้าจะต้องหาสมาร์ทโฟนถ่ายรูปที่เป็นที่สุดจริง ๆ ก็ต้องยกให้ HUAWEI P30 Pro วัดกันแค่เทคโนโลยี กับนวัตกรรมที่มีในกล้องสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็เหนือกว่าแฟลกชิปสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น ทั้งระยะการถ่ายภาพที่ครอบคลุมตั้งแต่มุมกว้าง 16 มิลลิเมตร ไปจนถึงระยะเทเลโฟโต้ 270 มิลลิเมตรแบบคมชัด เท่านี้ก็ไม่มีสมาร์ทโฟนแบรนด์ไหนให้คุณได้อย่างแน่นอน
รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ในการถ่ายภาพ เช่น มาโครระยะ 2.5 มิลลิเมตร ก็มีไม่กี่แบรนด์ที่ทำได้ หรือจะเป็น Bokeh Effect ที่มีความใกล้เคียงกับ DSLR มาก ๆ จากการใช้ ToF Camera ในการวัดระยะความลึกของวัตถุได้อย่างแม่นยำ และพลังของ AI ที่สร้างสรรค์ภาพถ่ายสวย ๆ ได้ในแบบฉบับของมืออาชีพ
ณ ตอนนี้ต้องยอมรับว่ากล้องของ HUAWEI P30 Pro แซงคู่แข่งไปไกลพอสมควร ไกลจนแอบคิดไม่ได้ว่า สุดท้ายแล้วรุ่นที่จะล้ม P30 Pro ได้ คงเป็น P Series รุ่นปี 2020 เหมือนอย่างที่ P30 Pro เคยทำไว้กับ HUAWEI P20 Pro เมื่อปี 2018 หรือเปล่า?