Snapdragon 8 Gen 2 เริ่มถูกใช้งานบนสมาร์ทโฟนที่มีการวางจำหน่ายบางรุ่นแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าหากเทียบกับชิปเซ็ทรุ่นก่อนหน้าอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 และ Snapdragon 8 Gen 1 นั้นจะแตกต่างกันและน่าสนใจกว่ามากแค่ไหน
Snapdragon 8 Gen 2 น่าจะเป็นชิปเซ็ตที่ดีที่สุดในวงการสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตตอนนี้อย่างไม่น่าแปลกใจเนื่องจาก Snapdragon 8 Gen 2 นั้น มาพร้อมกับจุดเด่นในหลายๆ ปัจจัยไม่ว่าจะเป็น GPU ที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อแถมใครจะไปรู้ว่า Qualcomm จะกล้าที่นำเอาเทคโนโลยี Ray-tracing ซึ่งเป็นของ GPU บนคอมพิวเตอร์พีซีมาให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้ใช้งานกัน นี่ยังไม่รวมถึงการพัฒนาความสามารถในการคำนวณของส่วนหน่วยประมวลผล(CPU) ของตัวชิปเซ็ทที่แข็งแกร่งจนคู่แข่งต้องหันมาเหลียวมองกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสเปคในกระดาษของ Snmapdragon 8 Gen 2 นั้นเหนือกว่ารุ่นพี่อย่าง Snapdragon 8 Gen 1 ไปหมดแต่ในการใช้งานจริงจะต่างกันมากขนาดไหนยังคงต้องรอการพิสูจน์กันอีกสักระยะ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุด(ตามสเปคบนกระดาษของ Snapdragon 8 Gen 2) นั้นก็คือเรื่องของการที่ตัวชิปเซ็ทได้รับการปรับปรุงในส่วนของการใช้พลังงานที่พบว่า Snapdragon 8 Gen 2 นั้นดีขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก จริงๆ แล้วตั้งแต่ตอนที่ Snapdragon 8+ Gen 1 เริ่มออกวางจำหน่ายนั้นก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Snapdragon 8+ Gen 1 ได้รับการปรับปรุงในส่วนของการใช้พลังงานซึ่งถือได้ว่าเป็นการปรับปรุงที่ค่อนข้างสำคัญเพราะ Snapdragon 8 Gen 1 นั้นมีประสิทธิภาพในการใช้งานลดลงเป็นอย่างมากหลังจากที่ใช้งานไปได้สักพักอันเนื่องมาจากการจัดการพลังงานของตัวชิปไม่ดีและตัวชิปมีความร้อนสูงมากขึ้น(และสะสม) เมื่อใช้ไปเป็นเวลานานๆ
แต่กับ Snapdragon 8 Gen 2 นั้นด้วยสเปคทางด้าน CPU และ GPU ที่สูงมากขึ้นพร้อมกับการโฆษณาของ Qualcomm ว่าตัวชิปเซ็ทรุ่นใหม่นี้นั้นจะมาพร้อมกับความสามารถในการจัดการพลังงานได้ดีกว่ารุ่นพี่เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากว่าเราจะได้เห็นแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนำเอา Snapdragon 8 Gen 2 มาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ทาง Qualcomm นั้นต้องการหรือไม่ นอกไปจากนั้นแล้วยังมีเรื่องของความร้อนสะสมของตัวสมาร์ทโฟนที่จะต้องรอดูกันว่าถูกจัดการอย่างไร
อย่างที่ได้กล่าวไปทั้งหมดแล้วนั้น Snapdragon 8 Gen 2 จึงถือได้ว่าเป็นการก้าวกระโดดเหนือ Snapdragon 8 Gen 1 ในหลาย ๆ ด้าน เอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่าว่าในแง่ของสเปคและประสิทธิภาพการใช้งานของ Snapdragon 8 Gen 2 นั้นจะเปลี่ยนไปจากรุ่นพี่อย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 และ Snapdragon 8 Gen 1 อย่างไร ว่าแล้วก็ไปติดตามกันได้เลย
- เปรียบเทียบสเปค Snapdragon 8 Gen 2 vs. Snapdragon 8+ Gen 1 vs. Snapdragon 8 Gen 1
- เปรียบเทียบประสิทธิภาพจากผลการทดสอบแอปพลิเคชันดัง
- เปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
เปรียบเทียบสเปค Snapdragon 8 Gen 2 vs. Snapdragon 8+ Gen 1 vs. Snapdragon 8 Gen 1
สำหรับสเปคของ Snapdragon 8 Gen 2, Snapdragon 8+ Gen 1 และ Snapdragon 8 Gen 1 จะเป็นดังต่อไปนี้
Category Snapdragon 8 Gen 2 Snapdragon 8+ Gen 1 Snapdragon 8 Gen 1 CPU 1 x 3.2GHz Cortex X3, 2 x 2.8GHz Cortex A715, 2 x 2.8GHz Cortex A710, 3 x 2.0GHz Cortex A510 1 x 3.19GHz Cortex X2, 3 x 2.75GHz Cortex A710, 4 x 1.8GHz Cortex A510 1 x 3.0GHz Cortex X2, 3 x 2.5GHz Cortex A710, 4 x 1.8GHz Cortex A510 GPU Adreno 740 Adreno 730 Adreno 730 Display 4K at 60Hz, QHD+ at 144Hz 4K at 60Hz, QHD+ at 144Hz 4K at 60Hz, QHD+ at 144Hz Memory LPDDR5X LPDDR5 LPDDR5 Connectivity Snapdragon X70 5G modem, up to 10Gbit downlink, FastConnect 7800 with Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3 Snapdragon X65 5G modem, up to 10Gbit downlink, FastConnect 6900 with Wi-Fi 6e, Bluetooth 5.2 Snapdragon X65 5G modem, up to 10Gbit downlink, FastConnect 6900 with Wi-Fi 6e, Bluetooth 5.2 Storage Type UFS 4.0, UFS 3.1 UFS 3.1 UFS 3.1 Camera 200MP single shot, 108MP zero shutter lag, 64MP + 36MP zero shutter lag, 10-bit HEIF 200MP single shot, 108MP zero shutter lag, 64MP + 36MP zero shutter lag, 10-bit HEIF 200MP single shot, 108MP zero shutter lag, 64MP + 36MP zero shutter lag, 10-bit HEIF Video 8K HDR video at 30fps, 4K at 120fps, 720p at 960fps 8K HDR video at 30fps, 4K at 120fps, 720p at 960fps 8K HDR video at 30fps, 4K at 120fps, 720p at 960fps Decode AV1, H.265, VP9 H.265, VP9 H.265, VP9 Manufacturing node TSMC 4nm TSMC 4nm Samsung 4nm
Snapdragon 8 Gen 2 มาพร้อมกับการกำหนดค่าคลัสเตอร์คอร์ใหม่จากเดิมที่จะถูกใช้งานอยู่ที่ 3 คลัสเตอร์แต่บน Snapdragon 8 Gen 2 นี้ได้ถูกเปลี่ยนคลัสเตอร์ของส่วนหน่วยประมวลผลใหม่เป็น 4 คลัสเตอร์โดยจะเน้นที่คลัสเตอร์ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ Snapdragon 8 Gen 2 ทำงานได้ดีขึ้นเมื่อต้องเจอกับงานปริมาณมากในเวลาเดียวกันหรืออธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นก็คือ Snapdragon 8 Gen 2 นั้นจะทำงานแบบมัลติคอร์ได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ Snapdragon 8 Gen 2 นั้นยังคงถูกตัดสินใจให้มีการใช้คอร์รุ่นเก่าอย่าง Cortex A710 และ A510 อยู่ ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องมาจากความจำเป็นที่จะต้องทำให้ Snapdragon 8 Gen 2 สามารถที่จะทำงานกับแอปพลิเคชันที่ถูกเขียนขึ้นภายใต้โค๊ดแบบ 32 บิต(ที่ยังมีอยู่หลายแอปพลิเคชันบน Play Store) นอกไปจากนั้นแล้วเมื่อมาพร้อมกับการแบ่งคลัสเตอร์แบบใหม่นี้นั้น Snapdragon 8 Gen 2 สามารถจัดการกับงานต่างๆ ที่ได้รับ(เวลาใช้งาน) ได้มากขึ้นกว่าเดิม
ชิปเซ็ท Snapdragon จากทาง Qualcomm นั้นถือได้ว่ามีจุดเด่นเป็นอย่างมากในส่วนของชิปกราฟิกแบบฝังซึ่งแน่นอนว่า Snapdragon 8 Gen 2 นั้นได้มาพร้อมกับชิปกราฟิกรุ่นใหม่อย่าง Adreno 740 ที่มีจุดเด่นที่เด่นมากที่สุดแบบเหนือกว่า Adreno 730 ของปีที่แล้ว(บน Snapdragon 8 Gen 1, Snapdragon 8+ Gen 1) ก็คือการรองรับเทคโนโลยี Ray-tracing ผ่านทางฮาร์ดแวร์(การให้แสงแบบเหมือนจริง)ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ได้มาจากเทคโนโลยีของกราฟิกชิปบนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นในปัจจุบันนี้ยังไม่มีเกมบนสมาร์ทโฟนรองรับเทคโนโลยีดังกล่าวนี้แต่เชื่อว่าอีกไม่นานเราๆ ท่านๆ น่าจะได้เห็นเกมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีดังกล่าวนี้กันมากขึ้น
อีกส่วนหนึ่งที่เรียกได้ว่า Snapdragon ตามหลังคู่แข่งมายุคหนึ่งก็คือเรื่องของการถอดรหัสไฟล์วีดีโอแบบใหม่อย่าง AV1 ซึ่งบน Snapdragon 8 Gen 2 นี้นั้นได้มีการเพิ่มเข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานนี้ถึงแม้ว่าจะมาช้าไปนิดแต่ทว่าก็ยังสามารถที่จะตามคู่แข่งได้แบบทันท่วงที อีกจุดเด่นหนึ่งที่ Snapdragon 8 Gen 2 น่าสนใจมากขึ้้นก็คือการที่ Snapdragon 8 Gen 2 นั้นรองรับแหล่งเก็บข้อมูลมาตรฐานใหม่อย่าง UFS 4.0 ซึ่งมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมากกว่า UFS 3.1 เดิมเป็นอย่างมาก
Snapdragon 8 Gen 2 ยังมาพร้อมกับชิปโมเดมรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon X70 ที่ถึงแม้ว่าในส่วนของความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ 5G นั้นจะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10Gbit/s แบบเดียวกับชิปโมเดม Snapdragon X65 ที่ถูกใช้งานอยู่บน Snapdragon 8 Gen 1 และ Snapdragon 8+ Gen 1 ก็ตาม ทว่าตัวชิปโมเดม Snapdragon X70 นั้นจะมาพร้อมกับ FastConnect 7800 ที่เป็นโมเดม Wi-Fi รุ่นใหม่ที่รวมมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 เข้ามาไว้ด้วย(แต่ด้วยเหตุการณ์ในปัจจุบันนั้นคิดว่าการที่ Snapdragon 8 Gen 2 รองรับ Wi-Fi 7 ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นมากเท่าไรนักเพราะในการใช้งานจริงนั้นผู้ใช้จะต้องใช้งานร่วมกับเราเตอร์ที่รองรับ Wi-Fi 7 ด้วยซึ่งพูดกันตามตรงแล้วนั้นพบว่ายังมีวางจำหน่ายไม่มากเท่าไรนักและที่มีวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันนี้นั้นก็ราคาแพงมากอีกด้วยต่างหาก)
ในส่วนของการรองรับเซนเซอร์การถ่ายรูปนั้น ดูเหมือนว่า Qualcomm จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงด้านการรองรับการถ่ายภาพให้กับ Snapdragon 8 Gen 2 มากนัก ดังจะเห็นได้ว่า Snapdragon 8 Gen 2 นั้นยังคงใช้พื้นฐานเดียวกับ Snapdragon 8 Gen 1 และ Snapdragon 8+ Gen 1 ของเมื่อปีที่แล้ว
เปรียบเทียบประสิทธิภาพจากผลการทดสอบแอปพลิเคชันดัง
ในปัจจุบันนี้นั้นยังมีสมาร์ทโฟนที่ใช้งานชิปเซ็ท Snapdragon 8 Gen 2 ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วไม่มากเท่าไรนัก โดยสำหรับในเมืองไทยของเรานั้นจะประกอบไปด้วย iQOO 11 5G, OnePlus 11, Samsung Galaxy S23 Series และ Xiaomi 13 ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้เองนั้นทำให้ผลการทดสอบของชิปเซ็ท Snapdragon 8 Gen 2 มีออกมาไม่มากเท่าไรนักแต่จากที่มีออกมานั้นก็พอที่จะสามารถเห็นภาพในระยะยาวได้แล้ว
สำหรับผลการทดสอบเฉลี่ยของ Snapdragon 8 Gen 2 เทียบกับ Snapdragon 8+ Gen 1 และ Snapdragon 8 Gen 1 นั้นสามารถที่จะจำแนกได้ดังต่อไปนี้
Category Snapdragon 8 Gen 2 Snapdragon 8+ Gen 1 Snapdragon 8 Gen 1 CrossMark (Overall) 1074 1008 999 Productivity 968 967 980 Creativity 1148 1042 990 Responsiveness 1202 1036 1087 Geekbench 5.1 (single-core) 1474 1311 1005 Geekbench 5.1 (multi-core) 4760 4286 3152 3DMark Wild Life Extreme (score) 2838 2801 2098 3DMark Wild Life Extreme (FPS) 17 16.75 12.5
มองในส่วนของประสิทธิภาพด้านการประมวลผลของชิปเซ็ทแล้วนั้นพบว่า Snapdragon 8 Gen 2 นั้นมีความแรงมากกว่า Snapdragon 8 Gen 1 ในการประมวลผลแบบ single-core อยู่ที่ราวๆ 12.6% ส่วนการประมวลผลแบบ multi-core นั้นจะแรงกว่าอยู่ที่ราวๆ 41.7% ทำให้เห็นได้ว่าการเปลี่ยนจำนวนคลัสเตอร์ของ Snapdragon 8 Gen 2 นั้นได้ผลเป็นอย่างยิ่ง
มาดูกันในส่วนของการประมวลผลด้านกราฟิกกันบ้างแล้วนั้นจะเห็นได้ว่า Snapdragon 8 Gen 2 มีประสิทธิภาพสูงมากกว่า Snapdragon 8 Gen 1 อยู่ที่ราวๆ 43% – 13% ขึ้นอยู่กับแต่ละการทดสอบ
เปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
จากกราฟทางด้านบนนี้นั้นจะเห็นได้ว่าทั้ง Snapdragon 8 Gen 2 และ Snapdragon 8 Gen 1 ใช้พลังงานในปริมาณที่ใกล้เคียงกันเมื่อถูกบังคับให้ทำงานอย่างหนักหน่วงแบบต่อเนื่องซึ่งการที่จะทำแบบนี้ได้นั้นจะต้องทำผ่านการใช้แอปพลิเคชันทดสอบประสิทธิภาพหรือไม่ก็ต้องเป็นการเล่นเกมแบบนานๆ ต่อเนื่อง ทั้งนี้จากการทดสอบนั้นพบว่าทั้ง 2 ชิปเซ็ทจะใช้พลังงานสูงสุดอยู่มากถึง 14W
Snapdragon 8 Gen 2 Snapdragon 8 Gen 1 Percentage change (from 8 Gen 1 to 8 Gen 2) CPU FPS (peak) 19.22 13.03 47% increase GPU FPS (peak) 27.47 15.34 79% increase Wattage (peak) 13.67W 13.29W 2.9% decrease
จะเห็นได้ว่า ณ จุดที่มีการใช้งานพลังงานไฟฟ้าใกล้เคียงกันนั้น Snapdragon 8 Gen 2 จะมีประสิทธิภาพดีกว่า Snapdragon 8 Gen 1 เป็นอย่างมากทั้งทางด้านการประมวลผลของหน่วยประมวลผล(CPU) และการประมวลผลในส่วนของกราฟิกของชิปกราฟิก(GPU) อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นหากนำเอา Snapdragon 8 Gen 2 ไปเทียบกับ Snapdragon 8+ Gen 1 แล้วนั้นจะพบว่ามีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากว่าตัวชิปเซ็ท Snapdragon 8+ Gen 1 นั้นได้รับการปรับปรุงในเรื่องของการจัดการพลังงานให้ดีขึ้นกว่า Snapdragon 8 Gen 1 อยู่แล้ว
ปิดท้ายด้วยการทดสอบการใช้หน่วยประมวลผล(CPU) เป็นระยะเวลานานๆ ด้วยแอปพลิชัน CPU Throttling Test เป็นระยะเวลา 30 นาทีจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า Snapdragon 8 Gen 2 นั้นสามารถให้ความคงที่ในการประมวลผลได้ดีกว่า Snapdragon 8 Gen 1 ที่จากกราฟนั้นจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้วนั้น Snapdragon 8 Gen 1 จะมีประสิทธิภาพตกลงจากเดิม ซึ่งสาเหตุหลักเลยนั้นก็คือเรื่องของการที่ Snapdragon 8 Gen 2 สามารถที่จะจัดการเรื่องการใช้พลังงานและจัดการเรื่องความร้อนที่เกิดขึ้นได้ดีกว่า Snapdragon 8 Gen 1 นั่นเอง
Snapdragon 8 Gen 2 ถูกที่ถูกทางถูกเวลา
Snapdagon 8 Gen 2 นั้นเรียกได้ว่าได้รับการปรับปรุงขึ้นเป็นอย่างมากจาก Snapdagon 8 Gen 1 งานนี้ดูเหมือนว่าทาง Qualcomm นั้นให้ความสำคัญในการพัฒนาเรื่องของประสิทธิภาพต่อพลังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นหากเทียบ Snapdagon 8 Gen 2 กับ Snapdagon 8+ Gen 1 แล้วอาจจะไม่ได้มีความแตกต่างกันแบบก้าวกระโดดมากนักเนื่องจาก Snapdagon 8+ Gen 1 เองนั้นก็ได้รับการประบปรุงในเรื่องของการใช้พลังงานมาได้ดีกว่า Snapdagon 8 Gen 1 อยู่แล้ว
ทั้งนี้หากมองตลาดในปัจจุบันนั้นพบว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปเซ็ท Snapdagon 8 Gen 2 นั้นมีราคาไม่ได้สูงแบบเกินเอื้อมมากเท่าไรนัก(อย่างเช่น iQOO 11 5G ที่ราคาไม่ถึง 3x,xxx) แต่ทว่าจากการใช้งานจริงของผู้ใช้งานหลายๆ คนนั้นพบว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ Snapdagon 8 Gen 2 บางรุ่นอย่างเช่น OnePlus 11 นั้นก็ยังคงมีการจัดการเรื่องของความร้อนที่ไม่ดีเท่าไรนัก โดยกลุ่มผู้ใช้พบว่าเมื่อใช้งานตัวเครื่องเล่นเกมไปนานๆ แล้วนั้นจะมีความร้อนสะสมเกิดขึ้นพอสมควร
ที่มา : xda-developers, nanoreview, phonearena, androidcentral