สำหรับการจะซื้อมือถือ สมาร์ตโฟนซักเครื่อง นอกจากสเปคเครื่องที่ตรงกับความต้องการ ราคาเหมาะกับเงินในกระเป๋าแล้ว การบริการหลังการขายก็เป็นอีกสิ่งที่หลายท่านให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งตรงจุดนี้ Samsung ก็จัดว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทำในเรื่องนี้ได้ค่อนข้างครอบคลุม หรือถ้าจำเป็นต้องซ่อมร้านจริง ๆ ก็พอจะหาร้านซ่อม หาอะไหล่ได้ไม่ยากนัก จึงทำให้มือถือ Samsung ยังคงครองใจตลาดมาได้เรื่อย ๆ เรียกได้ว่าถ้าอยากได้มือถือ Android ที่ใช้งานได้ชัวร์ ๆ ระบบค่อนข้างนิ่งซักเครื่อง ชื่อของ Samsung ก็คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายท่านให้ความไว้วางใจกันเป็นอันดับต้น ๆ แน่นอน
ในบทความนี้เราจะมาดูกันครับ ว่าในเดือนสิงหาคมนี้ มือถือ Samsung รุ่นไหนที่น่าซื้อมาใช้บ้าง เผื่อใครที่กำลังมองหาโทรศัพท์เครื่องใหม่อยู่ จะได้เก็บไปเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจได้
1) Samsung Galaxy A15 (ทั้งรุ่น 4G และ 5G)
สำหรับมือถือ Samsung ในช่วงราคาไม่ถึงหมื่น รุ่นที่น่าสนใจสุดก็คงจะเป็น Samsung Galaxy A15 ที่จะมีแบ่งสองรุ่นย่อยคือรุ่นที่รองรับ 4G และรุ่นรองรับ 5G โดยแต่ละรุ่นมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้
Samsung Galaxy A15
- ชิป MediaTek Helio G99
- แรม 8GB สตอเรจ 128GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
- จอ Super AMOLED 6.5″ FHD+ 90Hz
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 50MP f/1.8
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 5MP f/2.2
- กล้องมาโคร 2MP
- กล้องหน้า 13MP f/2.0
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จ USB-C รองรับ Super Fast Charging
- ราคาประมาณ 5,500 บาท
- หน้าเว็บไซต์ Samsung
ตัวของ A15 4G จะมาในสเปคที่ใกล้เคียงกันกับมือถือแบรนด์อื่น ๆ ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน แต่จะเด่นตรงที่ได้กล้องหลังแบบมีเลนส์อัลตร้าไวด์ด้วย ในขณะที่รุ่นอื่นมักจะให้มาเป็นชุดกล้องหลัก+มาโครเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้แรม 8GB เต็ม ๆ ทำให้สามารถใช้งานในระยะยาวได้แบบไม่ต้องกังวลมากนัก
Samsung Galaxy A15 5G
- ชิป MediaTek Dimensity 6100+
- แรม 8GB สตอเรจ 256GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
- จอ Super AMOLED 6.5″ FHD+ 90Hz
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 50MP f/1.8
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 5MP f/2.2
- กล้องมาโคร 2MP
- กล้องหน้า 13MP f/2.0
- รองรับ 5G
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จ USB-C รองรับ Super Fast Charging
- ราคาประมาณ 9,000 บาท
- หน้าเว็บไซต์ Samsung
ส่วนถ้าขยับมาเป็น A15 5G ก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นมาราว ๆ 4,000 บาท หรือบางทีในช่วงจัดโปรโมชันก็อาจจะใช้โค้ดส่วนลดทบ ๆ กันมาเหลืออยู่ที่ราคาราว 7,000 บาทเท่านั้นเอง จึงไม่แปลกที่รุ่นนี้จะได้รับความนิยมและมีคนเชียร์กันเยอะ สำหรับกลุ่มมือถือ Android ราคาไม่ถึงหมื่น สเปคโดยส่วนใหญ่แล้วจะเหมือนกับ A15 4G แทบทั้งหมด ต่างกันตรงที่ได้สตอเรจเก็บข้อมูลในเครื่องเพิ่มมาเป็น 256GB รวมถึงมีการเปลี่ยนชิปเซ็ตมาเป็น Dimensity 6100+ ที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G นั่นเอง
ทำให้ถ้าหากต้องการซื้อมือถือ Samsung ซักเครื่อง ในกรณีที่มีงบราว ๆ 5,000 บาท บวกได้นิดหน่อย และไม่จำเป็นว่าต้องใช้ 5G ก็จะแนะนำเป็น Samsung Galaxy A15 4G (หรืออาจเจอเขียนว่า A15 เฉย ๆ) แต่ถ้าอยากได้ 5G ด้วยและมีงบอยู่ที่ไม่เกินหมื่น ตัวของ A15 5G ก็น่าสนใจมาก แถมถ้าจับช่วงซื้อดี ๆ อาจจะได้ในราคาไม่ถึง 7,000 บาทอีกด้วย เรียกว่าเป็นมือถือ 5G สุดคุ้มในช่วงนี้เลยก็ว่าได้
2) Samsung Galaxy A55 5G
ในงบหมื่นต้น ๆ หากต้องการมือถือ Samsung ซักเครื่องก็จะมี Samsung Galaxy A55 5G ที่รออยู่ครับ โดยจะวางมาเป็นมือถือที่สเปคครบครันในหลาย ๆ ด้านทั้งเรื่องการกันน้ำกันฝุ่น กล้องสวย ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ ประสิทธิภาพดี จอคม 120Hz ทำให้สามารถซื้อไปใช้งานเป็นมือถือเครื่องหลักได้สบาย ๆ โดยให้สเปคมาดังนี้
- ชิป Exynos 1480
- แรม 8GB สตอเรจ 128GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
- จอ Super AMOLED 6.6″ FHD+ 120Hz
- กล้องหลัง 3 ตัว มีกันสั่น OIS ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K 30fps
- กล้องหลัก 50MP f/1.8
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2
- กล้องมาโคร 5MP
- กล้องหน้า 32MP f/2.2
- รองรับ 5G + Wi-Fi 6 (ax)
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จ USB-C รองรับ Super Fast Charging
- กันน้ำกันฝุ่น IP67
- ราคาประมาณ 14,000 บาท
- หน้าเว็บไซต์ Samsung
จุดเด่นหลักของ A55 5G ก็คือกล้องที่ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ภาพสดใส คมชัดและมี noise ต่ำ รองรับการถ่าย Super HDR ในบริเวณที่มีสภาพแสงค่อนข้างยากสำหรับการถ่ายวิดีโอปกติ เช่นการถ่ายย้อนแสง นอกจากนี้ยังมีกันสั่น OIS ให้อีกด้วย รวมถึงการถ่ายภาพนิ่งก็ทำได้ดีจากกล้องที่มีความละเอียดสูง และมีฟังก์ชันช่วยแต่งภาพที่ใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเบลอพื้นหลัง ลบภาพสะท้อน ไปจนถึงการตัดแปะองค์ประกอบในภาพก็ทำได้อีกด้วย
ตัวเครื่องก็สามารถกันน้ำ กันฝุ่นได้ตามมาตรฐานระดับ IP67 ทำให้สามารถมั่นใจได้ระดับหนึ่ง ในกรณีที่ต้องจับเครื่องขณะมือเปียก หรือจำเป็นต้องพบสถานการณ์ที่ตัวเครื่องต้องเปียกน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตรในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที นอกจากนี้ยังเลือกใช้กระจกจอ Gorilla Glass Victus ที่มีความทนทาน จึงสามารถพกพาเป็นมือถือเครื่องหลักได้แบบไม่ต้องกังวล ส่วนราคาก็จะมีราคาแนะนำอยู่ที่ 13,999 บาทสำหรับรุ่น 8/128GB ที่เป็นรุ่นยอดนิยม ส่วนรุ่น 12/256GB จะอยู่ที่ 15,999 บาท
3) Samsung Galaxy S23+
แม้ว่า S23+ อาจจะไม่ใช่รุ่นล่าสุดที่มีขายทั่วไปในตอนนี้แล้ว แต่ก็ยังมีบางร้านที่ยังวางขายเครื่องใหม่อยู่บ้าง หรือถ้าเป็นมือสองก็มีพอสมควร ซึ่งจุดที่ทำให้รุ่นนี้น่าสนใจก็คือราคาครับ เพราะเครื่องมือหนึ่งตอนนี้มีราคาอยู่ที่สองหมื่นต้น ๆ เท่านั้น ส่วนถ้าเป็นเครื่องมือสองสภาพดีหน่อยก็จะประมาณ 19,000 บาท ซึ่งในงบราวสองหมื่นต้น ๆ แต่ได้มือถืออดีตเรือธง ชิป Snapdragon 8 Gen 2 ก็จัดว่าเอาเรื่องเลย เพราะตัวชิปยังคงแรงอยู่ ในขณะที่สเปคในจุดอื่นก็ยังเหลือกินเหลือใช้อยู่
- ชิป Snapdragon 8 Gen 2
- แรม 8GB สตอเรจ 256GB (รุ่นยอดนิยม)
- จอ Dynamic AMOLED 2X 6.6″ FHD+ 120Hz
- กล้องหลัง 3 ตัว ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K 30fps
- กล้องหลัก 50MP f/1.8 มีกันสั่น OIS
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2
- เลนส์เทเล 10MP f/2.4 ซูมออปติคอลได้สูงสุด 3 เท่า มีกันสั่น OIS
- กล้องหน้า 12MP f/2.2
- รองรับ 5G + Wi-Fi 6E (ax)
- แบตเตอรี่ 4700 mAh ชาร์จ USB-C รองรับชาร์จเร็ว 45W และชาร์จไร้สาย 15W
- รองรับ Galaxy AI
- กันน้ำกันฝุ่น IP68
- ราคาประมาณ 18,000 – 23,000 บาท
- หน้าเว็บไซต์ Samsung
นอกเหนือจากการเป็นมือถือราคาประมาณ 20,000 แต่ยังได้ความแรงระดับ Snapdragon 8 Gen 2 แล้ว Samsung Galaxy S23+ ยังมาพร้อมกล้องหลังที่ไว้ใจได้ รองรับการซูมแบบออปติคอลที่ได้รายละเอียดภาพคมชัด สามารถซูมรวมได้สูงสุด 30 เท่า เรียกว่าเอาไปใช้ถ่ายระยะไกลก็ยังได้อยู่ แม้จะไม่ถึงระดับรุ่น Ultra ก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบ AI อย่าง Galaxy AI ได้เหมือนกับรุ่นใหม่ ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์การใช้ AI ช่วยแต่ภาพ ลบองค์ประกอบที่ไม่ต้องการในภาพ ฟีเจอร์การวงบนหน้าจอเพื่อหาข้อมูลจาก Google ไปจนถึงฟีเจอร์ช่วยในการแปลข้อความ แปลเสียงพูดขณะโทรศัพท์ก็ใช้บน S23+ ได้เช่นกัน ตรงนี้จึงสามารถตอบโจทย์คนที่อยากใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้ของ Galaxy AI ได้ โดยที่จ่ายราว 20,000 บาท พร้อมกับยังได้เครื่องสเปคแรง หน้าจอใหญ่พอตัวมาใช้งาน
4) Samsung Galaxy S24 Ultra
ส่วนถ้าต้องการซื้อมือถือ Samsung รูปทรงปกติแบบที่เน้นแรงสุด ใหม่สุดในตอนนี้ ก็หนีไม่พ้น Samsung Galaxy S24 Ultra ที่ให้สเปคมาระดับท็อปสุด ดังนี้
- ชิป Snapdragon 8 Gen 3
- แรม 12GB สตอเรจ 256GB / 512GB และ 1TB
- จอ Dynamic AMOLED 2X 6.8″ QHD+ (3120×1440) 120Hz
- กล้องหลัง 3 ตัว ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K 30fps
- กล้องหลัก 200MP f/1.7 มีกันสั่น OIS
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2
- เลนส์เทเล 50MP f/3.4 ซูมออปติคอลได้สูงสุด 5 เท่า ซูมรวม 100 เท่า มีกันสั่น OIS
- กล้องหน้า 12MP f/2.2
- รองรับ 5G + Wi-Fi 7
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จ USB-C รองรับชาร์จเร็ว 45W และชาร์จไร้สาย 15W
- รองรับ Galaxy AI
- กันน้ำกันฝุ่น IP68
- ราคา 42,900 (256GB) และ 48,900 บาท (512GB)
- หน้าเว็บไซต์ Samsung
เรียกว่าเป็นหนึ่งในมือถือสเปคท็อปสุดของ Samsung และของวงการสมาร์ตโฟน Android ในขณะนี้เลยก็ว่าได้ จุดเด่นก็คือเรื่องกล้องคุณภาพสูง ทำให้ไม่ว่าจะถ่ายปกติหรือถ่ายซูมก็ทำได้ดี ทั้งยังมีระบบประมวลผลภาพที่นำ AI เข้ามาช่วยงาน ทำให้ได้ภาพที่สีสันสด คมชัดแม้จะเป็นการซูมสุดก็ตาม จึงไม่แปลกใจที่ S24 Ultra จะเป็นมือถือขวัญใจสายถ่ายคอนเสิร์ตรุ่นล่าสุด
อีกสิ่งที่เป็นจุดขายของรุ่น Ultra ก็คือปากกา S Pen ที่มีช่องเก็บในตัวเครื่อง เรื่องของการใช้งานก็ต้องบอกว่าทำได้ดีมาก ตอบโจทย์ผู้ที่จำเป็นต้องหยิบของขึ้นมาจดแบบเร็ว ๆ เพราะสามารถหยิบ S24 Ultra ออกมา จากนั้นก็ดึงปากกา S Pen ออกมาเพื่อจดได้ทันที แม้จะยังปิดหน้าจออยู่ก็ตาม ประกอบกับตัวเครื่องที่มีขนาดกำลังลงตัวทั้งในด้านขนาดที่ไม่เล็ก ไม่ใหญ่เกินไปสำหรับทั้งพกพาและการจดบันทึก นอกจากนี้ปากกา S Pen ยังช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการใช้งานฟีเจอร์ Circle to Search ของ Galaxy AI เพื่อใช้วงบนจอเพื่อหาข้อมูลของสิ่งนั้น ได้แบบสะดวกมาก ๆ
ส่วนด้านประสิทธิภาพก็คงไม่ต้องสงสัย เพราะมาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวแรงสุดของวงการสมาร์ตโฟน Android ในขณะนี้อย่าง Snapdragon 8 Gen 3 ทำงานคู่กับแรม 12GB ทำให้ทั้งการใช้งาน การเล่นเกมเป็นไปได้อย่างลื่นไหล หรือถ้าต้องการใช้งานในรูปแบบคอมพิวเตอร์ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Samsung DeX กับหน้าจอคอม จอทีวีได้อีกด้วย
5) Samsung Galaxy Z Flip6
ปิดท้ายด้วยถ้าใครต้องการมือถือจอพับ แน่นอนว่า Samsung เองก็มีทำออกมาต่อเนื่องหลายรุ่นแล้ว โดยรุ่นล่าสุดก็จะเป็น Z Flip6 ที่เป็นแบบพับครึ่งตามแนวตั้งของจอ และ Z Fold6 ที่พับครึ่งตามแนวนอนของจอ ซึ่งสำหรับการใช้งานทั่วไป ตัวของ Z Flip6 จะได้รับความนิยมสูงกว่า โดยมาพร้อมสเปคดังนี้
- ชิป Snapdragon 8 Gen 3
- แรม 12GB สตอเรจ 256GB และ 512GB
- จอหลัก Dynamic AMOLED 2X 6.7″ FHD+ 120Hz
- จอนอก Super AMOLED 720×748
- กล้องหลัง 2 ตัว ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K 60fps ซูมออปติคอล 2 เท่า (Adaptive Pixel sensor)
- กล้องหลัก 50MP f/1.8 มีกันสั่น OIS
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2
- กล้องหน้า 10MP f/2.2
- รองรับ 5G + Wi-Fi 6 (ax)
- แบตเตอรี่ 4000 mAh ชาร์จ USB-C รองรับชาร์จเร็ว 25W และชาร์จไร้สาย 15W
- รองรับ Galaxy AI
- กันน้ำกันฝุ่น IP48
- ตัวเครื่องบางเพียง 6.9 มม. และขณะพับอยู่ที่ 14.9 มม.
- ราคา 42,900 (256GB) และ 47,900 บาท (512GB)
- หน้าเว็บไซต์ Samsung
ในแง่สเปคของ Z Flip6 ก็จะค่อนข้างใกล้เคียงกับ S24 Ultra เลย ทั้งชิปเซ็ต แรม สตอเรจ ทำให้ในแง่ของความเร็วในการทำงานก็จะไม่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมากนัก จะมีจุดที่ต่างกันก็คือความละเอียดจอหลักที่เลือกใช้ระดับ FHD+ แทน ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าเป็นความละเอียดที่เหมาะสมสำหรับมือถือในปัจจุบัน เพราะได้ภาพที่เนียนตาดีแล้ว ทั้งยังมีการใช้พลังงานน้อยกว่าจอที่ความละเอียดสูงกว่านี้ด้วย แต่จุดเด่นของ Z Flip6 ก็คือการที่หน้าจอสามารถพับครึ่งได้ และยังมีจอด้านหลังที่สามารถใช้งานได้จริง สามารถใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ใช้พรีวิวภาพขณะถ่ายรูป ใช้ควบคุมการเล่นสื่อบันเทิง รวมถึงยังสามารถตกแต่งให้เข้ากับสไตล์และความชอบส่วนบุคคลได้เหมือนเป็นจอหลักอีกด้วย เรียกว่าถ้าเป็นสายถ่ายเซลฟี่ เครื่องนี้เหมาะมาก ๆ เพราะสามารถพับจอ แล้วใช้กล้องหลังที่มีคุณภาพสูงในการถ่ายเซลฟี่ได้เลย โดยอาศัยจอนอกในการช่วยจัดองค์ประกอบภาพ
ด้านของดีไซน์ตัวเครื่อง รอบนี้ Samsung ก็มีการออกแบบส่วนที่ใช้ในการพับทั้งตัวจอ บานพับ ข้อต่อต่าง ๆ ให้มีความแข็งแรงทนทานยิ่งขึ้น กรอบเครื่องทำจากอะลูมิเนียมที่ให้ความแข็งแกร่งพร้อมกับน้ำหนักที่เบา ส่วนหน้าจอด้านนอกก็เลือกใช้กระจก Gorilla Glass Victus 2 ที่ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น และที่เป็นจุดขายคือความน่ารักที่อาจจะถูกใจสาว ๆ เพราะขนาดตัวเครื่องที่กำลังดี โทนสีสดใส เหมาะกับการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เคสลวดลายสวยงาม หรือจะหาสติกเกอร์มาติดก็ทำได้ง่าย เวลาหยิบออกมาก็ดูสวยงาม
ที่สำคัญคือ Samsung เองก็มีโปรนำเครื่องเก่ามาแลกรับส่วนลดในการซื้อเครื่องใหม่ได้ ลดสูงสุดได้ถึง 29,500 บาทเลยทีเดียว จึงน่าจะถูกใจคนที่ชอบเปลี่ยนเครื่องทุก 1-2 ปี หรือคนที่ต้องการย้ายค่ายมาซื้อมือถือ Samsung อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
สรุป แนะนำมือถือ Samsung น่าซื้อในช่วงเดือนสิงหาคม 2024
หากคุณต้องการซื้อมือถือ Samsung ในช่วงเดือนสองเดือนนี้ ทั้ง 5 รุ่นที่แนะนำไปข้างต้นน่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดีทีเดียว
Samsung Galaxy A15
เหมาะกับผู้ที่อยากได้มือถือ Samsung ราคาไม่แพง ถ้างบไม่เกิน 5,000 ก็จะมี A15 4G ส่วนงบราว ๆ 8,000 ก็จะพอหา A15 5G ในช่วงโปรโมชันได้
Samsung Galaxy A55 5G
เป็นมือถือราคาหมื่นต้น ๆ ที่ใช้งานได้ครบเครื่อง ประสิทธิภาพดี กล้องถ่ายคลิป 4K ได้ กันน้ำ กันฝุ่น แบตอึดชาร์จเร็ว เรียกว่าถ้าต้องการมือถือมาใช้งานเป็นเครื่องหลัก รุ่นนี้ตอบโจทย์ได้แน่นอน
Samsung Galaxy S23+
สำหรับรุ่นนี้อาจจะหาเครื่องใหม่มือหนึ่งยากซักหน่อย แต่ก็มีเครื่องมือสองสภาพดีให้เลือกในช่วงราคาหมื่นปลาย ๆ อยู่พอสมควรทีเดียว จุดที่ทำให้ S23+ น่าสนใจก็คือประสิทธิภาพสูงด้วยชิประดับท็อปของปีก่อน งานประกอบก็ดีตามสไตล์เครื่องรุ่นท็อป กล้องสวย ฟังก์ชันครบ รองรับ Samsung DeX และ Galaxy AI ด้วย ทำให้เป็นอีกหนึ่งในรุ่นสุดคุ้มในงบหมื่นปลายถึงสองหมื่นต้น ๆ และกำลังได้รับความนิยมในตลาดขณะนี้เลย
Samsung Galaxy S24 Ultra
ครบสุด ท็อปสุดในตอนนี้ก็ต้อง S24 Ultra เลย ทั้งเรื่องความเร็ว กล้องซูมไกลคุณภาพสูง การเชื่อมต่อต่าง ๆ ครบครันและเป็นเวอร์ชันล่าสุด ส่วนปากกา S Pen ก็ยังเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่หาใครโค่นยาก และเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนติดใจเป็นอย่างมาก เพราะทั้งสะดวกและใช้งานจริงได้ดี
Samsung Galaxy Z Flip6
หากต้องการมือถือจอพับซักเครื่อง Samsung Galaxy Z Flip6 ก็น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายท่านนึกถึง ส่วนหนึ่งก็คือการที่ซีรีส์นี้อยู่ในตลาดมาหลายปี หน้าตาก็ดูน่ารัก แถมยังใช้งานจริงได้ลงตัว พกพาสะดวก และสเปคเครื่องก็จัดอยู่ในระดับท็อปด้วย