ซัมซุง ครองอันดับ 5 ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่ 6.23 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นถึง 12 เท่า นับจากการประเมินครั้งแรกในปี 2000
ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ขึ้นแท่นอันดับ 5 แบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2020 จากผลสำรวจของอินเตอร์แบรนด์ (Interbrand’s Best Global Brands 2020) ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่ 62,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
แม้ว่าในโลกของธุรกิจจะเกิดความท้าทายที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของ โควิด-19 แต่ซัมซุงกลับเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ จาก 6.11 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 มาเป็น 6.23 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ ส่งผลให้ก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 5 ของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลกในรอบ 3 ปี หลังจากขึ้นเป็นอันดับที่ 6 มาตั้งแต่ปี 2017
บริษัทฯ ได้รับการบันทึกการเติบโตอย่างต่อเนื่องในแง่มูลค่าของแบรนด์มาตั้งแต่เริ่มต้นอันดับที่ 43 ในปี 2000 จากนั้นได้ติดหนึ่งในสิบแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2012 โดยรั้งตำแหน่งที่ 9 ก่อนจะไต่อันอับมาสู่อันดับที่ 6 ในปี 2017 และก้าวสู่อันดับที่ 5 ในปีนี้ ซึ่งการที่ซัมซุงได้อยู่ใน 100 แบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกจากผลสำรวจของอินเตอร์แบรนด์ ส่งผลให้แบรนด์สามารถดำเนินการแนะนำผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดบนเวทีระดับโลก
การตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19, CSR, นวัตกรรมในเชิงไลฟ์สไตล์ และการลงทุนอย่างต่อเนื่องในกลไกการเติบโตนั้นเป็นส่วนช่วยในการผลักดันมูลค่าแบรนด์
โดยปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของซัมซุงในปีนี้นั้น ประกอบไปด้วย
- การร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการต่อสู่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านกิจกรรมเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และเข้าร่วมกับแคมเปญระดับโลก
- กิจกรรมแบบรอบด้านขององค์กรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟนจอพับได้อย่าง Galaxy Fold (กาแลคซี่ โฟลด์), ทีวีสำหรับการใช้งานในบริเวณพื้นที่นอกอาคาร The Terrace (เดอะ เทอร์เรส) และ ตู้เย็น BESPOKE (บีสโปก)
- การลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้ง AI, 5G, และ IoT
เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้บริจาคเงินและสิ่งของให้ในบางประเทศที่มีความต้องการ เพื่อให้ชุมชนหลายแห่งสามารถเอาชนะความยากลำบากนี้ไปได้ ทั้งยังประสบความสำเร็จจากการรณรงค์ระดับโลกด้วยข้อความ “Get through this together” บนโซเชียลมีเดียและป้ายโฆษณากลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น ย่าน Times Square ในนิวยอร์ก Piccadilly Circus ในลอนดอน Duomo di Milano ในประเทศอิตาลี รวมถึงป้ายบนอาคารชื่อดังในประเทศฮ่องกง โดยบริษัทพยายามมีส่วนร่วมและสื่อสารกับผู้บริโภคในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ซัมซุงยังได้เข้าร่วมแคมเปญเชิงบวกที่รวบรวมภาพถ่ายและเรื่องราวของผู้คนที่ส่งผ่านมาทางโซเชียลมีเดีย เพื่อจัดทำเป็นวิดีโอโฆษณาให้กำลังใจคนดูทั่วโลก อย่างแคมเปญ The COVID-19 ก็ได้ถูกเปิดตัวควบคู่ไปกับโครงการรับผิดชอบต่อสังคมตามวิสัยทัศน์ของซัมซุง ในการช่วยให้ผู้คนเข้าถึงทุกหลักสูตรการศึกษาทั้งในยุคนี้รวมถึงเจเนเรชันต่อไป
ความทุ่มเทของซัมซุงต่อความยั่งยืนในการจัดการธุรกิจรอบด้านนี้ช่วยเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ให้สูงขึ้น เห็นได้จากบรรจุภัณฑ์ของทีวีซัมซุงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเคสสมาร์ทโฟนที่ใช้วัสดุรีไซเคิล
เหนือสิ่งอื่นใด บริษัทยังมีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ถึงแม้จะมีความท้าทายจากแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้บริษัทเติบโตเข้าสู่ 5 อันดับแรกของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก
ธุรกิจการสื่อสารเคลื่อนที่ของซัมซุง ได้ตอกย้ำความแข็งแกร่งในตำแหน่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟน 5G อีกทั้งยังตอบรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ด้วยสมาร์ทโฟนจากตระกูล Galaxy A รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดที่โดดเด่นอย่างแคมเปญ ‘Awesome’ อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้อย่าง Galaxy Z Flip (กาแลคซี่ ซี ฟลิป) นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจเครือข่าย ซัมซุงยังครองตำแหน่งผู้นำแห่งเทคโนโลยี 5G ด้วยการขยายตลาดและความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
ในภาคธุรกิจวิชวลดิสเพลย์ ซัมซุงได้ครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ในตลาดทีวีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สุดล้ำสมัยที่สะท้อนไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น The Sero (เดอะ เซโร่) และ The Terrace (เดอะ เทอเรส) ในขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้านโยบายการพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มการเข้าถึงสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายและภาวะความบกพร่องในการมองเห็นสี รวมถึงการประกาศใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซัมซุงจึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าระบบดิจิตอลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น BESPOKE (บีสโปค) และ เครื่องซักและอบผ้า Grande พร้อมเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ อีกทั้งแคมเปญทางการตลาดที่สร้างสรรค์จากความสนใจของผู้บริโภค เช่น ด้านการทำอาหาร กีฬา การตกแต่งภายใน รวมถึงการดูแลสัตว์เลี้ยง ต่างมีส่วนช่วยให้การสื่อสารระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคนั้นใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
ซัมซุงได้ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2030 ด้วยการเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจหน่วยความจำ โดยถือเป็นบริษัทแรกของโลกที่ทำการผลิตชิป DRAM ด้วยเทคโนโลยี EUV และพัฒนาหน่วยความจำแบนด์วิธความเร็วสูงอย่าง HBM2E Flashbolt พร้อมเทคโนโลยี AI รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์, IoT, AI และ 5G นอกจากนี้ จากสถิติการ Work-at-home ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการของเซิร์ฟเวอร์และบริการคลาวด์นั้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับชิป DRAM และแฟลช NAND ในตลาด และสำหรับธุรกิจ System LSI ซัมซุงยังคงมุ่งพัฒนานวัตกรรมโซลูชันของชิปประมวลผล Exynos และเซ็นเซอร์ ISOCELL รวมถึงการผนึกความแข็งแกร่งกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง Audi
“ย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 ซัมซุงได้เริ่มต้นที่อันดับ 20 ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่ 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในวันนี้ เราได้ยืนอยู่ใน 5 อันดับแรก ด้วยมูลค่าแบรนด์ถึง 62,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เราไม่สามารถก้าวถึงจุดนี้ได้หากปราศจากการสนับสนุนจากผู้บริโภคทั่วโลก และเพื่อเป็นการยกระดับความสำเร็จนี้ เราจะเดินหน้าพัฒนาการมีส่วนร่วมและการสื่อสารกับผู้บริโภคต่อไป” ยางฮี ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว
อินเตอร์แบรนด์ ได้ทำการสำรวจและประเมินมูลค่าแบรนด์ธุรกิจจากการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ผลประกอบการทางการเงิน อิทธิพลของแบรนด์ต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า ไปจนถึงศักยภาพการแข่งขันของแบรนด์
การเติบโตของมูลค่าแบรนด์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์
ปี 2010 2011 2012 2013 2014 2015 2016 2017 2018 2019 2020 มูลค่าแบรนด์
(ดอลลาร์สหรัฐ)19.5 B 23.4 B(20%↑) 32.9 B(40%↑) 39.6 B(20%↑) 45.5 B(15%↑) 45.3 B(-) 51.8 B(14%↑) 56.2 B(9%↑) 59.9 B(6.5%↑) 61.1 B(2%↑) 62.3 B(2%↑) อันดับของแบรนด์ 19 17 9 8 7 7 7 6 6 6 5