
แม้ว่า Samsung Galaxy S25 Ultra ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงต้นปี จะมาพร้อมราคาที่เท่ากับ S24 Ultra ซึ่งถือเป็นเรื่องที่โอเคสำหรับผู้บริโภคก็ตาม แต่ที่น่าสนใจคือ Samsung ใช้กลยุทธ์อย่างไรในการตรึงราคาไว้ ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนของหลายส่วนน่าจะสูงขึ้น
ซึ่งในประเด็นนี้ Counterpoint Research ได้เผยรายงานต้นทุนชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตเครื่องออกมา พบว่าต้นทุนชิ้นส่วนรวมของ S25 Ultra รุ่น 12/512GB จะสูงกว่า S24 Ultra อยู่ 3.4% โดยส่วนที่น่าจะส่งผลกับต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นอย่างชัดเจนสุดก็คือชิป Snapdragon 8 Elite ที่มีราคาสูงขึ้นกว่าชิปรุ่นก่อนหน้าถึง 21% ประกอบกับการที่ Samsung ไม่สามารถผลิตชิป Exynos 2500 เข้ามาช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนได้ทันด้วย จึงทำให้ต้นทุนในการผลิต S25 Ultra โดยรวมสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ส่วนของชิปหน่วยความจำก็มีการปรับราคาขึ้นด้วย จึงส่งผลกับราคามือถือที่สะท้อนออกมาถึงผู้บริโภคมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ก็มีบางชิ้นส่วนที่ราคาต้นทุนต่ำลงด้วย ได้แก่ ขอบเครื่องที่ผลิตจากไทเทเนียมซึ่งใช้มาตั้งแต่ตอน S24 Ultra ทำให้โรงงานสามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้นด้วย ในด้านของส่วนรับส่งสัญญาณก็มีการเปลี่ยนจากชิปรุ่นเก่าหลาย ๆ ตัว มาใช้เป็นชิปรุ่นใหม่ที่ทำได้หลายหน้าที่แทน ฝั่งของกล้องก็มีการปรับชุดเลนส์เทเลแบบเพริสโคปลงมาเหลือการซูมออปติคอลได้ 5 เท่าแทน จากเดิมใน S23 Ultra ที่ทำได้ 10 เท่า ซึ่งก็ช่วยในการลดต้นทุนการผลิตลง แม้ว่าจะมีการขยับสเปคของชุดกล้องอัลตร้าไวด์ขึ้นเป็นความละเอียด 50MP ก็ตาม
ทำให้ต้นทุนการผลิตในภาพรวมของ S25 Ultra จะสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าประมาณ 3.4% จากการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ภายในบางส่วน และการลดต้นทุนในบางส่วนลง จึงทำให้พอที่จะสามารถตรึงราคาขายปลีกไว้เท่าเดิมได้
ที่มา: GizmoChina