เทียบสเปค Samsung Galaxy S22 Ultra vs iPhone 13 Pro Max กับราคาเริ่มต้น 40,000 บาท เลือกซื้อเครื่องไหนดีถึงจะคุ้มกับเงินที่จ่าย ในเมื่อเราอยู่ในยุคที่เงินนั้นหายาก แถมราคาของหลายๆ อย่างก็แพงขึ้น การจะหามือถือให้ตรงกับความต้องการที่สุดเป็นอะไรที่ต้องคิดหนักกันไม่ใช่น้อยๆ เราก็เลยจับทั้งคู่มาเทียบสเปค Samsung Galaxy S22 Ultra vs iPhone 13 Pro Max กันคร่าวๆ ให้เห็นความแตกต่างกันในระดับหนึ่งก่อน สำหรับให้เพื่อนๆ เอาไว้ใช้เป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจ
เทียบสเปค Samsung Galaxy S22 Ultra vs iPhone 13 Pro Max
ตารางเทียบสเปค Samsung Galaxy S22 Ultra vs iPhone 13 Pro Max
Samsung Galaxy S22 Ultra | iPhone 13 Pro Max | |
---|---|---|
ขนาด | 163.3 x 77.9 x 8.9 มม. | 160.8 x 78.1 x 7.7 มม. |
น้ำหนัก | 228 กรัม | 240 กรัม |
หน้าจอ | Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว 3088 x 1440 พิกเซล Refresh Rate 120Hz HDR10+ Gorilla Glass Victus+ | Super Retina XDR (OLED) ขนาด 6.7 นิ้ว 2778 x 1284 พิกเซล ProMotion 120Hz HDR10 Dolby Vision |
ชิปประมวลผล | Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 | Apple A15 Bionic |
แรม / ความจุ | 8GB / 128GB 12GB / 256GB 12GB / 512GB | 6GB / 128GB 6GB / 256GB 6GB / 512GB 6GB / 1TB |
กล้องหลัง | 108 MP, f/1.8, OIS (wide) 10 MP, f/4.9, OIS (periscope telephoto) 10 MP, f/2.4, OIS (telephoto) 12 MP, f/2.2, 120˚ (ultrawide) | 12MP f/1.5 (wide) + Sensor Shift OIS 12MP f/2.8 (telephoto 3x) + OIS 12MP f/1.8 (ultrawide) LiDAR scanner |
กล้องหน้า | 40 MP, f/2.2 | 12MP f/2.2 |
แบตเตอรี่ | 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 45W | 4,352 mAh รองรับชาร์จเร็ว 27W |
ราคา | 128GB : 39,900 บาท 256GB : 43,900 บาท 512GB : 47,900 บาท | 128GB : 42,900 บาท 256GB : 46,900 บาท 512GB : 54,900 บาท 1TB : 62,900 บาท |
จากตารางเทียบสเปคแล้วจะมีเรื่องแรม, ความจุ, กล้องหลัก, แบตเตการไฮไลท์อรี่ และราคาที่ไม่ได้มีการไฮไลท์เอาไว้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ด้วยตัวเลข โดยเฉพาะเรื่องกล้องกับแบตเตอรี่ เนื่องจากความละเอียดกล้องนั้นต่อให้สูงแค่ไหน แต่ภาพที่ประมวลผลออกมาได้ก็จะมีความแตกต่างกัน ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าชื่นชอบภาพโทนไหนมากกว่ากัน ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้นถึงแม้จะให้แบตเตอรี่มาเยอะเท่าไร แต่ถ้าตัวชิปประมวลผลรวมถึงระบบปฏิบัติการกินพลังงานมากก็เท่านั้น สำหรับความแตกต่างที่ทั้ง 2 มีนั้นจะมีดังนี้
ดีไซน์ตัวเครื่อง
หนึ่งในจุดที่แตกต่างกันระหว่าง Galaxy S22 Ultra และ iPhone 13 Pro Max เลยก็คือการดีไซน์ตัวเครื่อง โดยตัว Galaxy S22 Ultra นั้นจะมีดีไซน์ตัวเครื่องขอบโค้งตัวเครื่อง ซึ่งช่วยให้การจับถือมีความกระชับมือมากขึ้น ในขณะที่ iPhone 13 Pro Max นั้นมาพร้อมขอบเครื่องแบบเหลี่ยมที่ลบคมออก ซึ่งจะช่วยให้การจับถือมีความสบายมือขึ้น แต่ทว่า ด้วยการที่ตัวเครื่องเป็นแบบเหลี่ยม ส่งผมให้การจับถือจะสบายมือน้อยกว่าขอบเครื่องแบบโค้งมน นอกจากนี้ตัว Galaxy S22 Ultra นั้นมาพร้อมหน้าจออัตราส่วน 20:9 ในขณะที่ iPhone นั้นมีหน้าจออัตราส่วน 19.5:9 ด้วยเหตุนี้ทำให้ตัวเครื่อง iPhone มีความกว้างมากกว่า Galaxy S22 Ultra เล็กน้อย ทำให้การจับถือลำบากกว่าเล็กน้อย
หน้าจอ
หน้าจอของทั้ง 2 เครื่องนั้นเป็นหน้าจอ OLED เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่าวกันก็คือหน้าจอของ Samsung เป็นหน้าจอที่พัฒนาต่อยอดมาจากหน้าจอ OLED แล้วใช้ชิ่อว่า Dynamic AMOLED 2X ที่ให้สีสันที่สวยสดและคมชัดยิ่งกว่าหน้าจอ OLED ปกติ นอกจากนี้ Galaxy S22 Ultra นั้นยังมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูงถึง QHD+ ในขณะที่ iPhone 13 Pro Max นั้นเป็นหน้าจอแบบ 2.8K ซึ่งในเรื่องความละเอียดนั้นทาง Samsung ดูจะชนะขาด อีกทั้งด้วยหน้าจอแบบ Punch-hole ทำให้มีพื้นที่แสดงผลเยอะกว่า iPhone ที่เป็น Notch (ถึงขนาดจะลดลงมาจากรุ่นก่อนแล้วก็ตาม) เรียกได้ว่าด้านความบันเทิงแล้ว Samsung Galaxy S22 Ultra เหนือกว่า iPhone 13 Pro Max ในระดับหนึ่ง
ชิปประมวลผล
สำหรับชิปประมวลผลนั้นทาง Samsung Galaxy S22 Ultra เลือกใช้เป็น Snapdragon 8 Gen1 ที่เป็นชิปประมวลผลตัวล่าสุดของ Qualcomm ส่วนทาง iPhone 14 Pro Max นั้นเป็นชิป Apple A15 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่เปิดตัวมาก่อน Snapdragon 8 Gen 1 ระยะหนึ่ง แถมยังผลิตด้วยสถาปัยกรรมขนาด 5nm ส่วน Snapdragon 8 Gen 1 ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมขนาด 4nm ซึ่งถ้ามองแค่นี้ก็จะคิดว่า Snapdragon 8 Gen 1 น่าจะดีกว่า ทว่าในผลการทดสอบ Benchmark ล่าสุดนั้นทาง Apple A15 Bionic สามารถทำคะแนน GPU ออกมาได้ดีกว่า Snapdragon 8 Gen 1 ทว่าก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากส่วนต่างคะแนนนั้นน้อยลงจะเกือบจะเทียบเท่าได้แล้ว เท่ากับว่า Apple A15 Bionic ยังสามารถครองอันดับ 1 ของชิปประมวลผลเอาไว้ได้ โดยมี Snapdragon 8 Gen 1 ไล่หลังมาติดๆ
กล้องถ่ายภาพ
สำหรับการถ่ายภาพนั้นทาง Samsung Galaxy S22 Ultra นั้นมาพร้อมกับกล้อง 4 ตัว ที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 108 MP, กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12 MP และกล้อง Telephoto 2 ตัวที่มีความละเอียด 10 MP เหมือนกัน แต่จะต่างกันที่ระยะซูม ส่วน iPhone 13 Pro Max นั้นมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว เป็นกล้องหลัก, กล้อง Ultrawide และกล้อง Telephoto ที่มีความละเอียด 12 MP เหมือนกันทั้งหมด โดยในการถ่ายภาพนั้นทาง Galaxy S22 Ultra จะทำการถ่ายภาพที่ความละเอียด 12 MP เช่นเดียวกัน แต่จะเป็นการถ่ายภาพออกมา 9 ภาพแล้วเอามาซ้อนกันเพื่อให้ได้รายละเอียดและความสว่างที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมี OIS มาช่วยให้การถ่ายภาพง่ายขึ้นด้วย ในขณะที่ทาง iPhone นั้นเป็นกล้องความละเอียด 12 MP อยู่แล้ว แต่ที่แตกต่าจากทาง Samsung ก็คือมี Sensor-shift OIS ที่จะช่วยเพิ่มระยะการสั่นไหลของเลนส์ ส่งผลให้ความสามารถในการกันสั่นนั้นเหนือกว่าไปด้วย
อีกกล้องที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยก็คือกล้อง Telephoto ซึ่งทาง Galaxy S22 Ultra นั้นมีกล้อง Telephoto 2 ตัวที่มีระยะซูมแบบ Optical 3x และ 10x และยังสามารถซูมได้สุงสุดถึง 100x อีกด้วย ในขณะที่ทาง iPhone 13 Pro Max นั้นกล้องซูมสามารถซูมแบบ Optical ได้ 3x ปละรองรับการซูมสูงสุดเพียง 10x เท่านั้น เรียกได้ว่าถ้าต้องการถ่ายภาพระยะไกลยังไง Galaxy S22 Ultra ก็กินขาด
แต่สิ่งที่ทำให้ iPhone 13 Pro Max น่าสนใจกว่าก็คือ LiDAR Scanner เนื่องจากเป็นเซ็นเซอร์ที่ช่วยในการวัดระยะได้อย่างแม่นยำ สามารถใช้ช่วยเหลือในการทำงานได้หลากหลาย แถมยังช่วยให้การถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอดูมีมิติมากยิ่งขึ้นด้วย
แบตเตอรี่
สำหรับในเรื่องของแบตเตอรี่และระยะเวล่ในการใช้งานนั้นทาง Galaxy S22 Ultra มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh และระบบชาร์จเร็วสุงสุด 45W ในขณะที่ทาง iPhone 13 Pro Max นั้นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,352 mAh และระบบชาร์จขนาด 27W (แต่ส่วนใหญ่จะใช้หัวชาร์จ 20W ชาร์จกัน) ซึ่งในเรื่องระยะเวลาในการใช้งานนั้น ตอนที่เขียนบทความนี้ได้มีผู้ทำการทดสอบความอึดของแบตเตอรี่ให้แล้ว โดยช่อง Mrwhosetheboss ได้ทำการทดสอบ Battery Life Drain Test ให้ดูกันแล้ว ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ iPhone 13 Pro Max ชนะ Galaxy S22 Ultra ไปอย่างขาดลอยด้วยเวลารวมทั้งหมด 10 ชั่วโมง 27 นาที ส่วนทาง Galaxy S22 Ultra นั้นทำเวลาไปได้ 8 ชั่วโมง 8 นาที ซึ่งต่างกันมากกว่า 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนในเรื่องของการชาร์จนั้นตอนนี้ยังมีผลการทดสอบออกมาให้เห็นกัน เพียงแต่ว่าทาง Galaxy S22 Ultra จะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยด้วยกำลังไปที่สูงกว่า และด้วยระบบชาร์จตัวใหม่ที่อยู่ใน Galaxy S22 Ultra จะทำให้เวลาชาร์จลดน้อยลงจากตอนของ Galaxy S21 Ultra อย่างแน่นอน ส่วนทาง iPhone 13 Pro Max นั้นด้วยการที่ใช้หัวชารืจขนาด 20W ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าพอสมควรในการจะชาร์จให้แบตเตอรี่เต็ม แต่เมื่อแลกมาด้วยความอึดของแบตเตอรี่แล้วก้ถือว่ายังอยู่ในจุดที่พอจะยอมรับกันได้
สรุปเลือกเครื่องไหนดีระหว่าง Samsung Galaxy S22 Ultra vs iPhone 13 Pro Max
ท้ายสุดหากถามว่าจะเลือกซื้อเครื่องไหนดีระหว่าง Samsung Galaxy S22 Ultra หรือ iPhone 13 Pro Max ดีนั้น สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงเลยก็คือลักษณะการใช้งานของเพื่อนๆ ว่าใช้งานในรูปแบบไหนมากกว่ากัน แต่ที่จะช่วยให้ตัดสินง่ายขึ้นก็คือในการใช้งานมีการจดบันทึกนอกสถานที่ซึ่งต้องการความคล่องตัวหรือไม่ ถ้าต้องการความคล่องตัวยังไง Samsung Galaxy S22 Ultra ก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะนอกจากสเปคที่แรงจนทำอะไรก็ได้แล้วยังมีปากกา S Pen มาในตัวอีกด้วย แต่ถ้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องความคล่องตีวอาจจะซื้อเป็น iPhone 13 Pro Max ควบกับ iPad สักเครื่องก็ได้ เนื่องจากสามารถรับส่งข้อมูลกันได้ง่ายสุดๆ เพียงแต่งบที่ต้องใช้จะพุ่งขึ้นไปอีกเยอะเลยทีเดียว
และสำหรับสายกล้องนั้นด้วยการอัพเกรดความสามารถในการถ่ายภาพกลางคืนให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ Samsung Galaxy S22 Ultra มีความน่าสนใจกว่ามาก แถมยังมีระยะซูมที่เยอะกว่ามากๆ อีกด้วย ส่วนของ iPhone 13 Pro Max นั้นกล้องที่ให้มานั้นเรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า แถมด้วย Sensor-shift ยังช่วยให้การถ่ายวิดีโอทำได้ง่ายขึ้น ถ้าให้สรุปก็คือถ้าเป็นสายถ่ายรูป Samsung Galaxy S22 Ultra จะเหนือกว่า ในขณะที่ iPhone 13 Pro Max จะทำไฟล์วิดีโอออกมาได้ดีกว่า
สรุปแล้วการจะเลือกซื้อเครื่องไหนใช้งานนั้นก็ต้องดูที่การใช้งานของเพื่อนๆ รวมถึงความชื่นชอบในตัวระบบปฏิบัติการด้วย เพราะจากที่เห็นๆ มา มีหลายครั้งที่ชื่นชอบสเปคของเครื่องหนึ่ง แต่พอซื้อมาใช้งานแล้วกลับชอบระบบปฏิบัติการของอีกเครื่องมากกว่า เป็นต้น ที่ทำได้ก็คืออย่างน้อยก็ไปหาเครื่องลองเล่นตามร้านต่างๆ ก่อนแล้วตัดสินใจซื้อก็ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง