เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตทีเดียว กับกรณีของ Samsung Galaxy Note 7 ที่กลายเป็นมือถือสุดฮอตแห่งปี จากการระเบิด ลุกไหม้หลายๆ เครื่อง จนส่งผลให้ Samsung ต้องประกาศระงับการผลิตและการขาย Note 7 ไปในเวลาต่อมา รวมถึงมีมาตรการเรียกคืนเครื่องทั้งหมดที่ได้จำหน่ายออกไปแล้วในหลายๆ ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ใช้นำเครื่องมาคืน และแลกเปลี่ยนเป็นข้อเสนอต่างๆ ในการซื้อเครื่องรุ่นอื่นจาก Samsung แทน อย่างเช่น S7 และ S7 Edge ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาเครื่องใหม่ รวมถึงของแถมมากมาย
แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยังมีผู้ใช้ที่ดื้อ ยังใช้งาน Note 7 อยู่ อาจจะเพราะไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาอะไร เพราะมันยังไม่ระเบิด หรือจะไม่รู้ข่าวการเรียกคืนก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมา ทาง Samsung ก็มีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารในหลายๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้สื่อ การประกาศของ Samsung เอง รวมถึงการยิงข้อความส่งตรงไปหาผู้ใช้ Note 7 เอง ล่าสุดนี้ถึงขั้นออกอัพเดตยิงตรงไปหา Note 7 ที่ยังเหลืออยู่ ให้สามารถชาร์จแบตได้แค่ 60% ก็แล้ว แต่ก็พบว่ายังมีผู้ยังไม่นำเครื่องมาคืนอีก อย่างในสหรัฐอเมริกาเอง พบว่ามีอัตราของผู้นำเครื่องมาคืนแล้วอยู่ที่ 93%
ส่งผลให้ Samsung เตรียมออกอัพเดตชุดใหม่ส่งตรงไปหา Note 7 ครับ โดยรอบนี้จะเป็นอัพเดตที่ทำให้เครื่องไม่สามารถชาร์จแบตเข้าได้อีกต่อไป ด้วยคาดหวังว่าผู้ใช้ที่ไม่สามารถชาร์จแบตได้ จะนำเครื่องมาคืนซักที โดยชุดอัพเดตดังกล่าวจะถูกปล่อยให้กับผู้ใช้ในสหรัฐฯ วันที่ 19 ธันวาคมนี้
สำหรับประเด็นนี้ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นข้อถกเถียงในโลกออนไลน์กันอยู่เหมือนกัน ถึงสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน เพราะถ้าหากผู้ผลิตสามารถยิงส่งอัพเดตที่ปิดกั้นการทำงานของเครื่องมาได้ตรงขนาดนี้ มิเท่ากับว่ามันยังอาจมีช่องโหว่อื่นๆ ที่บรรดาผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสร้างไว้สำหรับควบคุมฮาร์ดแวร์โดยตรงอีกหรือเปล่า
แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันก็เป็นการทำเพื่อความปลอดภัยของคนส่วนรวม ที่อาจได้รับผลกระทบได้ หาก Note 7 ที่ค้างอยู่ในมือผู้ใช้บางรายเกิดระเบิดขึ้นมาอีก รวมถึงยังอาจเป็นการป้องกันเหตุที่อาจเกิดจากความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์อื่นๆ ได้อีก เชื่อว่าหลังกรณี Note 7 ผ่านไป น่าจะมีการพูดคุยถึงประเด็นนี้กันอีกแน่ๆ ครับ
ที่มา: The Verge