สรุปสเปค iPhone 17, iPhone 17 Pro จากข่าวลือเท่าที่รู้ตอนนี้พร้อมรุ่นบางใหม่ iPhone 17 Air มีอะไรใหม่บ้าง
หลังจากที่เปิดตัว iPhone 16 และ iPhone 16 Pro พร้อมวางขายกันไปได้ไม่นานในปี 2024 ล่าสุดตอนนี้ก็มีข่าวหลุดและข่าวลือเกี่ยวกับสเปคของรุ่นถัดมาอย่าง iPhone 17 และ iPhone 17 Pro ตามออกมาติดๆ ซึ่งความจริงแล้วข้อมูลสเปคเหล่านี้ก็มีจอมเผยทั้งหลายออกมาบอกไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดตัว iPhone 16 เลยด้วย โดยหลักๆ แล้วยังไม่ได้มีข้อมูลเรื่องการดีไซน์หรือตัวเครื่องที่ชัดเจน แต่ก็มีเรื่องน่าสนใจอยู่บ้าง ทั้งรุ่นใหม่ที่จะบางลงอย่างรุ่น Air หรือ Slim ตัวใหม่ และยังมีหน้าจอ 120Hz เหมือนกันทุกรุ่น นอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ อีกด้วย ไปดูกันว่าตอนนี้มีข่าวลือสเปคอะไรออกมาบ้างแล้ว ลุย!
iPhone 17 จะมีกี่รุ่น มีรุ่นไหนบ้าง?
สำหรับรุ่นถัดไปอย่าง iPhone 17 นั้นมีข่าวออกมาว่าจะไม่ได้ทำรุ่น Plus และยกเลิกการผลิตที่เป็นรุ่นหน้าจอใหญ่แล้ว โดยรุ่นที่จะมาแทนที่ใหม่ก็คือรุ่นที่บางลงกว่าเดิม อาจอยู่กึ่งกลางระหว่างรุ่นปกติกับรุ่นโปรเหมือนเดิม หรือมีข่าวที่บอกว่าอาจจะเป็นรุ่นระดับ Hi-end ที่สูงพอๆ กับรุ่น Pro Max ก็ได้ เพราะราคาตั้งต้นที่คาดเดากันก็น่าเท่ากับรุ่นตัวท็อปได้เลย ดังนั้นรุ่นใหม่รุ่นถัดไปนี้ก็จะมีให้เลือกอยู่ 4 รุ่นเหมือนเดิมคือ
- iPhone 17 (จอ 6.3 นิ้ว)
- iPhone 17 Air (หรือ Slim) (จอ 6.6 นิ้ว)
- iPhone 17 Pro (จอ 6.3 นิ้ว)
- iPhone 17 Pro Max (จอ 6.9 นิ้ว) | มีข่าวใหม่ว่าอาจใช้ชื่อ iPhone 17 Ultra แทน
ดีไซน์ตัวเครื่องเป็นยังไงบ้าง?
iPhone 17 Air (หรือ Slim)
สำหรับรุ่นบางรุ่นใหม่ที่มีข่าวลือและมีคนให้ความสนใจกันเยอะ โดยคาดว่ารุ่นนี้จะมาแทนรุ่น Plus ที่จะตัดออกไปจาก Series ใหม่ในปี 2025 แล้ว และยังเป็นรุ่นระดับสูง แต่อาจจะยังแยกกับ Pro อยู่เหมือนเดิมในเรื่องของสเปค เบื้องต้นยังไม่มีข่าวออกมาอย่างชัดเจนว่าจะใช้ชื่อ Slim หรือ Air แต่ส่วนใหญ่จะมองไปทางชื่อ Air มากกว่า เพราะผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของ Apple ที่เป็นรุ่นบางจะใช้ชื่อนี้ทั้งหมด

ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับดีไซน์ของรุ่น Air นี้ก็คือความบางที่จะบางกว่า iPhone 16 และ iPhone 16 Plus ประมาณ 20% และบางกว่า iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ประมาณ 25% ทำให้ตัวเครื่องจะมีขนาดเหลือเพียงประมาณ 6 มม. เท่านั้น แต่ว่า Ming-Chi Kuo เชื่อว่า iPhone 17 Air จะมีความหนา 5.5 มิลลิเมตร ทำให้รุ่นนี้จะกลายเป็น iPhone รุ่นแรกที่มีความบางที่สุดของ iPhone เท่าที่เคยมีมา

นอกจากนี้ตัวเครื่องยังใช้วัสดุเป็นไทเทเนียมหรืออะลูมิเนียม ส่วนขนาดนั้นคาดว่าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่นโปร แต่เล็กกว่า Pro Max เป็นได้ว่าจะมีจอขนาด 6.6 นิ้ว พร้อมกับตัวกล้องหลังที่ย้ายไปอยู่ด้านซ้านบน และไมโครโฟนกับแฟลช LED จะอยู่ทางด้านขวา พร้อมกรอบที่เป็นแถบคาดกลางด้านบนไปทั้งแถบในแนวนอน โดยเป็นกล้องหลังตัวเดียว รวมไปถึงลำโพงที่มีตัวเดียวด้านบน (จากเดิมมีสองตัวบน-ล่าง)
iPhone 17
ทางด้านของ iPhone รุ่นมาตรฐานนั้นคาดว่าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย โดยเฉพาะหน้าจอที่อาจมีขนาด 6.3 นิ้ว จากเดิมที่มีขนาด 6.1 นิ้ว ทำให้มีขนาดเท่ากับรุ่นโปรในปัจจุบัน หรือไม่ก็อาจจะยังคงมีขนาดเท่าเดิม ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องนั้นยังคงคล้ายๆ กับ iPhone 16 เหมือนเดิม พร้อมกับกล้องหลังแนวตั้ง 2 ตัว และกรอบวงรีทรงเม็ดยา

iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max
มาดูที่รุ่นโปรกันบ้างที่ตอนนี้ก็มีข่าวลือออกมาอยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของการออกแบบตัวเครื่องใหม่ โดยทาง The Information ได้เผยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างการกลับไปใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมแทนไทเทเนียม ซึ่งการกลับมาใช้กรอบอลูมิเนียมในรุ่นโปรนี้ จะมีด้านเป็นแบบครึ่งกระจกครึ่งอลูมิเนียมแทนกระจกทั้งหมด จะทำให้ส่วนบนเป็นอลูมิเนียมเพื่อให้ทนต่อการตกหล่น และส่วนล่างเป็นกระจก เพื่อการชาร์จแบบไร้สาย
ทั้งนี้ Apple กำลังวางแผนสำหรับกล้องที่มีขอบโค้งมนขนาดใหญ่ขึ้น โดยทำจากอลูมิเนียมแทนที่จะเป็นกระจก ข้อมูลล่าสุดจาก Instant Digital ได้เผยว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ตัว iPhone 17 Pro อาจมีการวางเลย์เอาต์กล้องใหม่ แต่ยังอธิบายต่ออีกว่า “ยังคงเป็นรูปสามเหลี่ยม” เหมือนเดิม จากข่าวก่อนหน้านี้จะวางเป็นกล้องรูปทรงรียาว นอกจากนี้รุ่น Pro Max ยังอาจมี Dynamic Island เล็กลงจากการใช้ โลหะ เพื่อ Face ID ซึ่งจะทำให้ใช้พื้นที่น้อยลงด้วย

นอกจากนี้ทาง Jon Prosser ก็ได้แชร์ภาพเรนเดอร์กล้องด้านหลัง ที่เป็นกรอบกล้องหลังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ พร้อมกับการวางแฟลชและเซนเซอร์ LiDAR ห่างออกไป และเขายังบอกอีกว่า iPhone 17 Pro จะมีสีทูโทน โดยตัวกล้องจะมีสีเดียวและส่วนนูนของกล้องจะมีสีเข้มกว่า อาจใช้วัสดุทั้งโลหะและกระจกผสมกัน (อะลูมิเนียมครึ่งชิ้นและกระจกครึ่งชิ้น)

ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทาง Majin Bu ได้เผยภาพบน X ถึง CAD ของ iPhone 17 หมด ซึ่งจะเห็นได้ว่ารุ่นปกตินั้นยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ส่วนรุ่นบางจะมีกล้องวางตัวเดียวที่แถบด้านบน และรุ่นโปรทั้งสองรุ่นจะมีการวาง LiDAR ใหม่ให้ห่างออกไปทางด้านขวา โดยภาพเรนเดอร์นี้ทาง Fixed Focus Digital, Ice Universe และ Digital Chat Station ต่างก็บอกว่ามีความแม่นยำ
ได้อัพเกรดระบบระบายความร้อนใหม่
อีกหนึ่งอย่างที่มีข่าวออกมาล่าสุดก็คือการที่ iPhone 17 Pro และ Pro Max นั้น มีการใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ทำให้มีการระบายความร้อนดีขึ้นกว่าเดิม และยังสามารถกระจายความร้อนออกไปทั่วทั้งตัวเครื่อง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยังคงที่ไม่ร้อนเกินไป ตอบโจทย์ความแรงของชิปใหม่ และคุณสมบัติการใช้งานเฉพาะ หรือ AI ของ Apple เองด้วย ส่วนรุ่นปกติเป็นไปได้ว่าจะอัพเกรดเป็นแบบ Heatsink แทน
หน้าจอใหม่ อาจได้ใช้ ProMotion 120Hz เหมือนกันทุกรุ่น
สำหรับหน้าจอของ iPhone 17 Series นี้คาดว่าจะมีการเคลือบสารที่ทำให้ทนทานมากกว่าเดิม มีคุณสมบัติในการป้องกันแสงสะท้อนและกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่า Ceramic Shield ที่ใช้กับ iPhone รุ่นที่ผ่านมา โดยข้อมูลล่าสุดได้เผยออกมาว่า Apple จะเลือกใช้พาเนล OLED ที่ดีที่สุดจาก Samsung ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าพาเนลจอของ Samsung Galaxy S25 Ultra ที่ถือว่าเป็นมือถือรุ่นท็อปสุดของ Samsung อีกด้วย ซึ่งพาเนลจอรหัส M14 มาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุดและดีสุดของ Samsung ในปี 2025 ทั้งความสว่างที่มากกว่า 20-30%
โดยรุ่นปกติจะได้อัพขนาดหน้าจอเท่ากับรุ่นโปร ดังนั้นขนาดหน้าจอของแต่ละรุ่นที่จะออกมาก็คือ รุ่นปกติหน้าจอ 6.3 นิ้ว, รุ่น Air หรือ Slim ได้จอ 6.6 นิ้ว, รุ่นโปรได้จอ 6.3 นิ้วและรุ่น Pro Max มีหน้าจอ 6.9 นิ้วเหมือนเดิม

สิ่งที่ว้าวกว่าความกว้างของหน้าจอก็คือ มีข่าวว่ารุ่นปกตินั้นจะได้ใช้ ProMotion 120Hz ในรูปแบบ LTPO หลังจากที่ใช้หน้าจอแบบ Refresh Rate 60Hz มาอย่างยาวนานหลายปี และยังใช้จอที่เป็นแบบ Always-on Display ได้แล้วเหมือนกับรุ่นโปรทั้งหมด โดยหน้าจอแบบ ProMotion นั้นสามารถปรับความไหลลื่นได้ตั้งแต่ 1-120Hz ใช้งานได้ลื่นขึ้นเหมือนรุ่นโปรแล้ว ซึ่งเรื่องอัตราการรีเฟรช ProMotion 120Hz นี้ก็ยังเป็นข้อที่สรุปไม่ได้แน่ชัดว่าจะมาให้ครบทุกรุ่นหรือไม่
ชิปใหม่แรงขึ้น พร้อมแรมสูงสุดถึง 12GB
ทางด้านประสิทธิภาพการทำงานของ iPhone 17 และ iPhone 17 Pro นั้นก็คาดว่าจะใช้ชิปรุ่นใหม่รุ่นถัดไป โดยจะใช้เทคโนโลยีแบบ 3 นาโนเมตรอย่าง Apple A19 ในรุ่นปกติกับรุ่น Air และ Apple A19 Pro ในรุ่นโปรเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออาจใช้กระบวนการ N3P ที่ทำให้มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม แน่นอนว่าจะเร็วแรงมากกว่าเดิมด้วย (ตอนแรกมีรายงานว่าจะใช้แบบ 2nm แต่ดูเหมือนว่าจะไปใช้ในรุ่นถัดไปแทน) ส่วน iPhone 17 และ iPhone 17 slim คาดว่าจะใช้ชิป A19 ตัวมาตรฐานเหมือนเดิม

ส่วนแรมของรุ่นใหม่ในตอนนี้มีข่าวว่ารุ่นปกติจะใช้ RAM 8GB และจะมีการอัพเกรดขึ้นไปถึง RAM 12GB ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้แรมสูงสุดสำหรับรุ่นโปรขึ้นไป ซึ่งเรื่องนี้ทาง Ming-Chi Kuo คาดว่าจะใช้เฉพาะ iPhone 17 Pro Max เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ส่วนรุ่นอื่นๆ ทั้งรุ่นปกติและรุ่นโปรจะยังคงใช้ RAM 8GB เท่าเดิม ทั้งนี้รุ่น iPhone Air หรือ Slim นั้นอาจได้ใช้ชิปโมเด็ม 5G ของ Apple เป็นรุ่นแรก ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็ยังใช้โมเด็มของ Qualcomm ต่อไป
จากการเปิดตัว iPhone 16e ที่มีการเปิดตัวชิปโมเด็ม 5G รุ่น C1 ซึ่งเป็นชิปของ Apple เองเป็นครั้งแรก และคาดว่าน่าจะมีการพัฒนาต่อเพื่อใช้ทดแทนชิปจาก Qualcomm ใน iPhone รุ่นอื่นๆ ในอนาคต โดยตัวของ Ming-Chi Kuo ได้ระบุว่า iPhone 17 Air จะใช้ชิป ชิปโมเด็ม 5G Apple ส่วน iPhone 17, 17 Pro และ 17 Pro Max ยังเป็นชิปโมเด็ม 5G Qualcomm หรือถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะใส่มาให้ทุกรุ่นเลย ทั้งนี้ชิปของ Apple ยังไม่รองรับ 5G mmWave
ทั้งนี้ยังมีข่าวว่ารุ่นใหม่นี้จะมีแบตที่ถอดง่ายขึ้นกว่าเดิมอีก โดยใช้กาวที่สามารถเอาออกได้ง่ายขึ้น และจะไม่เสี่ยงต่อความเสียหายต่ออุปกรณ์อื่นๆ ในเครื่องด้วย พร้อมกับข่าวที่ว่าอาจรองรับการชาร์จเร็วได้ 35W ซึ่งก็ดูจะไม่ต่างกับ iPhone 16 Series อีกทั้งยังมีข่าวว่า iPhone 17 Pro อาจจะมาพร้อมกับการชาร์จย้อนกลับแบบไร้สาย (wireless reverse charging) ได้ด้วย (ยังไม่คอนเฟิร์ม) ส่วนรุ่น iPhone 17 Air จะไม่มีถาดใส่ซิม เพราะตัวเครื่องที่บางนั่นเอง
กล้องอัพเกรดใหม่ ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
มาดูที่เรื่องกล้องกันบ้าง ในตอนนี้มีข่าวลืออกมาว่าทาง Apple จะอัพเกรดกล้องหน้าใหม่สำหรับทุกรุ่น โดยจะใช้กล้องหน้าความละเอียด 24MP พร้อมเลนส์ 6 ชิ้น จากเดิมที่มีความละเอียด 12MP ทำให้การเซลฟี่นั้นมีรายละเอียดดีขึ้น และครอบภาพออกมาได้อย่างชัดเจน ส่วนรุ่น Air นั้นจะได้กล้องหลังตัวเดียวความละเอียด 48MP

ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง iPhone 17 Pro Max จากข้อมูลของ Digital Chat Station ได้เผยว่ากล้องของ iPhone 17 Pro จะประกอบด้วยเลนส์ Fusion 48MP ขนาด 1/1.3 นิ้ว (เซ็นเซอร์เล็กกว่าเดิมด้วย) กล้อง Ultra-Wide 48MP และกล้อง Tetraprism Telephoto 48MP ซึ่งเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่ที่ทั้งสามกล้องจะได้ความละเอียด 48MP ทุกตัว โดยกล้องเทเลและตัวหลักจะใช้เลนส์ไฮบริดกระจก-พลาสติก และมีกล้องหน้า 24MP พร้อมเลนส์ 6 ชิ้นอีกด้วย
และยังมีข่าวอีกว่าจะมีบางรุ่นได้ใช้รูรับแสงแบบกลไก ที่สามารถปรับขนาดรูรับแสงเองได้ จากเดิมที่เป็นรูรับแสงแบบคงที่ ทำสามารถถ่ายชัดตื้นได้ดีขึ้นนั่นเอง โดยรุ่นโปรทั้งสองรุ่นจะยังมีเลนส์ซูมออปติคอลเทเลโฟโต้ 5 เท่า และจำกัดไว้ที่รุ่นโปรเหมือนเดิม โดยรุ่นปกติและรุ่น Air จะไม่มีเลนส์ตัวนี้
iPhone 17 เปิดตัววันไหน ราคาเท่าไหร่บ้าง?
ปิดท้ายด้วยการเปิดตัวของ iPhone 17 ทุกรุ่น ที่คาดว่าจะเปิดตัวออกมาในช่วงเวลาเดียวกันกับรุ่นที่ผ่านมา นั่นก็คือช่วงเดือนกันยายน 2025 เหมือนเดิม ส่วนเรื่องราคาในตอนนี้ยังคาดเดาได้ยาก แต่จากที่ผ่านๆ มาก็ยังคงเริ่มต้นอยู่ที่ 799USD ในรุ่นปกติ และ iPhone 17 Pro มีราคาเริ่มต้น 999USD และรุ่น Pro Max จะมีราคาเริ่มต้น 1,099 โดยรุ่นบางที่เป็น iPhone Air หรือ Slim อาจมีราคาถูกกว่ารุ่นโปร ทั้งนี้ก็มีข่าวอีกว่าอาจมีราคาใกล้เคัยงกับ iPhone 6 Plus ที่เริ่มต้นอยู่ที่ 899USD เท่านั้น
จะซื้อ iPhone 16 หรือรอ iPhone 17 ดี?

สำหรับการซื้อ iPhone รุ่นใหม่ในตอนนี้ถ้าดูสเปคของ iPhone 16 ในตอนนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง ทั้งปุ่มและการใช้งาน รวมถึงสเปคภายในที่อัพเกรดให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าเยอะพอสมควร รวมไปถึงรุ่นโปรที่อัพเกรดกล้องให้ดีเท่ารุ่น Pro Max แล้ว และยังสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงถึง 4K@120fps ไปแล้ว ส่วนความเร็วแรงไม่ต้องพูดถึงเพราะดีกว่ารุ่นที่ผ่านมาแน่นอนแถมยังอัพเกรดจอให้ใหญ่และใช้งานได้สะดวกขึ้นอีก
ดังนั้นถ้าใครคิดว่าต้องเปลี่ยนมือถือใหม่แล้ว ก็แนะนำว่าให้ซื้อ iPhone 16 หรือ iPhone 16 Pro ไปตอนนี้เลยจะดีกว่า ส่วนรุ่นใหม่ในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรมาก ถ้าต้องการอัพเกรดใหม่จริงๆ ก็สามารถนำ iPhone 16 ไปแลกเครื่องใหม่ได้ไม่มีปัญหา
สรุปสเปค iPhone 16/ iPhone 16 Pro มีอะไรใหม่ มีสีอะไรบ้าง จองได้วันไหน ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลของ iPhone 17 และ iPhone 17 Pro จากข่าวลือทั้งหมดที่เผยออกมาล่าสุดในตอนนี้ ซึ่งข้อมูลและข่าวหลุดของ iPhone นั้นมักจะมีออกมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันเปิดตัวรุ่นใหม่ในปีหน้านู่นเลย ซึ่งเราจะนำข้อมูลจากข่าวลือต่างๆ มารวมไว้และอัพเดทให้อยู่เรื่อยๆ ว่าหน้าตาและสเปคจะเป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับรุ่นใหม่ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีรุ่น Air หรือ Slim ที่อาจบางถึง 5.x มม. โดยอาจไม่ได้เน้นเรื่องสเปค แต่เน้นขายดีไซน์ใหม่มากกว่า มีการตัดรุ่น Plus ออกไปแล้ว ส่วนรุ่นอื่นๆ ยังมีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหน้าจอ 120Hz ที่ใช้ได้เหมือนกันทุกรุ่น และยังได้ชิปใหม่ กับกล้องหน้าและกล้องหลังใหม่ที่ดีกว่าเดิมด้วย
ข้อมูลจาก macrumors, phonearena, tomsguide