Redmi 12C สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นจาก Xiaomi ประจำปี 2023 ที่เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นคือหน้าจอใหญ่ ชิปแรง กล้องความละเอียดสูง และแบตเตอรี่อึด ในราคาที่ไม่ได้แพงจนเกินไป สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นจอใหญ่ๆ แบตอึดๆ มาใช้งาน Redmi 12C ก็อาจจะกลายเป็นตัวเลือกหนึ่งได้ เพียงแต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตัวเครื่องจะเป็นอย่างไร เราจะมาทำการรีวิว Redmi 12C รุ่นนี้ให้กับเพื่อนๆ กัน
- สเปค
- ดีไซน์
- ระบบปฏิบัติการ
- การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
- การเล่นเกม
- การถ่ายภาพ
- สรุปการรีวิว
สเปคของ Redmi 12X
- หน้าจอ : Dot Drop Display (IPS-LCD), ขนาด 6.71 นิ้ว, ความละเอียด 1650 x 720 พิกเซล (HD+), อัตราส่วนหน้าจอ 20.6:9, ความสว่าง 500 nit
- ชิปประมวลผล : MediaTek Helio G85
- แรม : 4GB / 6GB แบบ LPDDR4x รองรับ Memory extension สูงสุด 5GB
- ความจุ : 64GB / 128GB แบบ eMMC 5.1
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.8 (wide)
- ตัวที่ 2 : Auxiliary lens
- กล้องหน้า : 5MP, f/2.2 (wide)
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับการชาร์จ 10W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13
- การเชื่อมต่อ :
- 4G LTE
- Wi-Fi 5
- Bluetooth 5.1
- GPS, Glonass, Galileo, Beidou
- ช่องหูฟัง 3.5 มม.
- MicroUSB
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint Sensor (ด้านหลังเครื่อง)
- Accelerometer
- Virtual Proximity
- ขนาด : 168.76 x 76.41 x 8.77 มม.
- น้ำหนัก : 192 กรัม
- สี : Graphite Gray, Ocean Blue, Mint Green, Lavender Purple
- ราคา :
- 4GB / 64GB : 4,499 บาท
- 6GB / 128GB : 5,499 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องนั้นที่ด้านหลังตัวเครื่องมีการออกแบบให้พื้นผิวด้านหลังเป็นลอนคลื่นเพื่อลดความลื่นเวลาจับถือ และยังมีการลงสีสลับเข้ม-อ่อน เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่องอย่างมีสไตล์ โดยดีไซน์นี้จะมีในทุกสีไม่ว่าจะเป็น Graphite Gray, Ocean Blue, Mint Green หรือ Lavender Purple ซึ่งเครื่องของเราเป็นสี Graphite Gray ที่ดูให้ความรู้สึกมีความดุดันแบบมีสไตล์ ที่ตัวโมดูลกล้องนั้นจะมาในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ภายในมีการแบ่งครึ่งเป็นฝั่งเลนส์กล้องและฝั่งที่สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งตัวเลนส์กล้องนั้นจะมีทั้งหมด 2 เลนส์ วางในแนวตั้ง ที่ด้านข้างจะมีโลโก้ Redmi และที่สแกนลายนิ้วมืออยู่
ในส่วนของหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอ Dot Drop display ซึ่งเป็น IPS ทำให้มีขอบจอที่ค่อนข้างกว้าง ขนาดหน้าจอแสดงผลจะอยู่ที่ 6.71 นิ้ว มีความละเอียดระดับ HD+ โดยที่ตัวหน้าจอแสดงผลนี้จะมีความสว่างอยู่ที่ 500 นิต ซึ่งเรียกได้ว่าค่อนข้างสว่างเลยถึงจะสู้แสงแดดไม่ค่อยได้เท่าไรก็ตาม ในติ่งรูปหยดน้ำจะมีกล้องหน้าอยู่ภายใน
ที่รอบตัวเครื่องนั้น ทางด้านบนจะมีช่องเสียงหุฟังขนาด 3.5 มม. อยู่ ปุ่มทั้งหมดไม่ว่าจะปุ่มปรับระดับเสียงหรือปุ่มเปิด-ปิดก็จะอยู่ที่ฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิมแบบ Triple-slot ส่วนด้านล่างจะมีลำโพงตัวเครื่อง, รูไมโครโฟน และพอร์ตแบบ MicroUSB อยู่
สำหรับสิ่งที่ให้มาในกล่องนั้นนอกจากตัวเครื่อง, คู่มือ และเข็มจิ้มซิมแล้ว ก็จะมีอะแดปเตอร์ชาร์จขนาด 10W (5V/2A) และสายชาร์จแบบ USB-A to Micro อยู่ ในกล่องไม่มีเคสแถมมาให้นะเออ
ระบบปฏิบัติการ
ในส่วนของระบบปฏิบัติการนั้นเป็น MIUI 13 แต่ทว่าเป็น MIUI ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 12 ไม่เหมือน MIUI 13 ปกติที่มีพื้นฐานมาจาก Android 13 ซึ่งเหตุที่เป็น Android 12 ก็เนื่องมาจากการที่ทาง Xiaomi ต้องการ MIUI รุ่นใหม่ที่กินสเปคน้อยกว่าสำหรับใช้ในสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นนั่นเอง ดังนั้น MIUI 13 ใน Redmi 12C เครื่องนี้นั้นจะมีฟีเจอร์ที่น้อยกว่า MIUI 13 ปกตินั่นเอง แต่ถ้าพูดถึงการใช้งานทั่วไปและความลื่นไหลแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร นอกจากนี้ทาง Xiaomi ยังมี Store แยกสำหรับเอาไว้ใช้ดาวน์โหลดธีม, วอลเปเปอร์ และฟอนต์ ให้เอาไว้ใช้ปรับแต่เครื่องได้อีกด้วย
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานนั้นสำหรับการจับถือนั้นต้องบอกว่าไม่เลวทีเดียวทั้งขนาดและน้ำหนักกำลังพอดีมือไม่ใหญ่เกินไปและไม่หนักเกินไป แถมด้วยการออกแบบพื้นผิวหลังเครื่องให้เป็นลอนคลื่นก็ช่วยให้ตัวเครื่องไม่ลื่นหลุดจากมือง่ายอีกด้วย สำหรับการเล่นโซเชียลนั้นก็ต้องบอกเลยว่าลื่นไหลดี แถมด้วยหน้าจอขนาด 6.71 นิ้ว ก็ช่วยให้เห็นภาพได้เต็มตาอีกด้วย ในส่วนของความบันเทิงนั้นอันนี้ก็ต้องบอกว่าสมราคาแล้ว ตัวเครื่องรองรับ Widevine ระดับ L3 ทำให้รองรับการสตรีมมิ่งสูงสุดแค่ระดับ SD เท่านั้น ทำให้อาจเสียอรรถรสในการรับชมไปพอสมควร แต่ก็จะมีข้อดีตรงที่ว่าไม่เปลืองค่าเน็ต แถมยังสามารถโหลดข้อมูลได้รวดเร็วอีกด้วย ตัวลำโพงเองก็เป็นลำโพงเดี่ยวที่เสียงไม่ได้ดังมากมายนัก อาจจะไม่สามารถใช้งานในที่ๆ มีเสียงดังมากๆ ได้ แต่ข้อดีของเครื่องนี้ก็คือยังมีการใส่ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ ทำให้ไม่เรื่องมากในการหาหูฟังนั่นเอง
สำหรับตัวแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องมีแบตเตอรี่อยู่ 5,000 mAh ซึ่งถ้าพูดถึงการใช้ทั่วๆ ไป ไม่ได้เล่นเกม เล่นแต่โซเชียล ตัวแบตเตอรี่สามารถอยู่ถึงวันที่ 2 ได้สบายๆ เลย แต่ถถึงจะมีการเล่นเกมด้วยก็สามาถรอยู่ครบวันได้สบายๆ เพียงแต่ในเรื่องของการชาร์จนั้นเครื่องนี้มาพร้อมระบบชาร์จแบบ 10W หรือ 5V/2A ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการชาร์จนานพอสมควรเลยทีเดียว อย่างน่อยๆ ต้องมี 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และยิ่งถ้ามีการเล่นไปด้วยชาร์จไปด้วยก็จะยิ่งนานขึ้นไปอีก ดังนั้นหากคิดว่าไม่น่าจะสามารถรักษาแบตเตอรี่เอาไว้ได้ก่อนหมดวัน แนะนำให้เสียบสายชาร์จตั้งแต่ตอนที่แบตเตอรี่เหลือแบตเตอี่อย่างน้อย 30% จะได้สามารถยืดเวลาใช้งานออกไปได้
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นด้วยการที่ตัวเครื่องมาพร้อมชิป MediaTek Helio G85 ที่เป็นชิปเกมมิ่งราคาประหยัดทำให้สามารถเอามใช้เล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจไม่สามารถปรับกราฟิกให้สูงๆ และไม่เหมาะกับการเล่นเกมกินสเปคหนักๆ อย่าง Gemshin Impact ได้ โดยที่เราได้ลองนั้นจะมีเกม RoV และ Free Fire Max ซึ่งก็สามารถเล่ไนด้ลื่นดี ไม่ว่าจะปรับกราฟิกให้สูงสุดเท่าที่จะสามารถปรับได้แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เราพอก็คือความร้อนที่ขึ้นค่อนข้างไว และต้องใช้เวลาพอสมควรนกว่าความร้อนจะคลายจนหมด ซึ่งความร้อนที่เกิดขึั้นนั้นจะหนักไปทางส่วนบนของเครื่อง ทำให้เวลาจับถือไม่ค่อยสบายมือเท่าไร แถมด้วยการที่ช่องหูฟังอยู่ที่มุมเครื่องด้านล่างเวลาถือแนวนอน ทำให้หากต่อหูฟังเล่นเกมอาจจะจับไม่ถนัดมือเท่าไรนัก วิธีแก้ก็จะมีแค่ 2 รูปแบบก็คือหมุนเครื่องไปถือเล่นอีกด้านไม่ก็ใช้หุฟังไร้สายเอาเท่านั้น
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นตัวเครื่องมาพร้อมเลนส์กล้องหลังทั้งหมด 2 เลนส์ แต่ที่ใช้จริงๆ จะมีแค่เลนส์เดียว เป็นเลนส์หลักที่มีความละเอียด 50MP ส่วนกล้องหน้าจะเป็นกล้องความละเอียด 5MP ซึ่งจากทีไ่ด้เอาไปลองถ่ายมาทั้งในสภาพแสงปกติและแสงน้อยแล้ว ผลก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ก็คือในสภาพแสงปกติ ทั้งรายละเอียดต่างๆ และการละลายหลังสามารถทำออกมาได้ดี อาจจะมีบ้างที่เกิดสภาพแสงโอเวอร์ในส่วนของฉากหลัง แต่ก็ยังนับว่าดีที่ไม่ได้ทำให้แสงที่ตัวแบบโอเวอร์ไปด้วย แต่ในการถ่ายภาพกลางคืนหรือในที่แสงน้อยนั้นบอกเลยว่าค่อนข้างลำบาก ถึงแม้ในเรื่องของการเก็บรายละเอียดจะทำออกมาได้ดีเช่นกัน แต่จะมีปัญหาเรื่องที่ว่าเวลาถ่ายมือต้องนิ่งมากๆ เพราะหากไม่นิ่งสนิท ภาพที่ถ่ายออกมาจากมีอาการภาพสั่นเล็กน้อยเสมอ อีกทั้งเวลาถ่ายแสงไฟก็จะมีบางครั้งที่แสงนั้นจะโอเวอร์ขึ้นมาจนไปกลบรายละเอียดอื่นๆ ของภาพ บอกได้เลยว่าในการถ่ายกลางคืนนั้นไม่ค่อยเหมะเท่าไรนัก ซึ่งก็ถือเป็นเรืองปกติของมือถือระดับเริ่มต้นแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว
สรุปการรีวิวจากที่ได้เอาไปลองใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่า Redmi 12C เป็นมือถือที่เหมาะกับคนที่ต้องการมือถือมาไว้ใช้งานทั่วไปมากกว่า เหมาะจะซื้อมาไว้ให้พ่อ-แม่, ผู้สูงอายุ หรือจะซื้อมาไว้ให้เด็กใช้ก็ยังได้ เพราะตัวเครื่องเองก็สามารถเอามาใช้เล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากคาดหวังถึงภาพคมๆ หรือกล้องดีๆ แล้ว Redmi 12C อาจจะไม่ตอบโจทย์คุณสักเท่าไร
จุดเด่น
- ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อให้ไม่ลื่นหลุดมือเวลาใช้งาน
- ได้หน้าจอนาดใหญ่ 6.71 นิ้ว
- ได้ชิปประมวลผล MediaTek Helio G85
- รุ่นความจุ 128GB ได้แรมเยอะขึ้นกว่าเดิม
- แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่อึด ถึก ทน สุดๆ
- ยังให้ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. มาอยู่
ข้อสังเกต
- ชิปประมวลผลด้อยลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
- ราคาแพงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย
- ไม่มีชาร์จเร็ว
- กล้องถ่ายภาพไม่เหมาะกับการเอาไปถ่ายในที่แสงน้อย
- ไม่มีเคสมาให้ในกล่อง
สำหรับคนที่สนใจอยากดูรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้ที่ mi.com ซึ่งถ้าซื้อตอนนี้จะมีของแถมมูลค่า 890 บาทให้ด้วย โดยของแถมที่จะได้คือ Redmi 12C Gift Box ที่ประกอบไปด้วย ขาตั้งโทรศัพท์, เคสโทรศัพท์ และฟิล์มกันรอย
หากต้องการซื้อสามารถหาซื้อได้ที่ Xiaomi Store, Shopee, Lazada และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ได้ และหากอยากรู้ว่าสเปคของ Redmi 12C เมื่อเทียบกันรุ่นก่อนหรือรุ่นราคาใกล้เคียงเป็นอย่างวไร สามารถเข้าไปดูได้ที่ สรุปสเปค Redmi 12C ก่อนเปิดตัว พร้อมเทียบสเปค