ที่ผ่านมา แม้ว่ากระแสแท็บเล็ต Android จะซา ๆ ลงไปบ้างพอสมควร แต่ทาง Samsung ก็ยังเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีแท็บเล็ตรุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็มาถึง Samsung Galaxy Tab S5e ที่ได้รับการยกเครื่องสเปคในหลายจุด พร้อมกับความสามารถในการใช้งานได้เสมือนเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย ซึ่งในรีวิวนี้ก็จะมาพูดถึงฟังก์ชันดังกล่าวด้วยเช่นกันครับ เผื่อเป็นทางเลือกให้คนที่กำลังมองหาแท็บเล็ตซักเครื่อง ที่ใช้ได้ทั้งเป็นแบบแท็บเล็ต Android ปกติ และเครื่องที่ใช้สำหรับทำงานในระดับที่มีความจริงจังเพิ่มขึ้นจากโหมดปกติ
ก่อนอื่น มาดูสเปคของ Samsung Galaxy Tab S5e กันก่อนครับ
- ชิปประมวลผล Snapdragon 670 มี 8 คอร์ ความเร็วพื้นฐาน 1.7 GHz
- แรม 4 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB รองรับ microSD ได้สูงสุด 512 GB
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 10.5″ ความละเอียด 2560 x 1600 อัตราส่วน 16:10
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- ใช้งานได้ 1 ซิม (นาโนซิม) รองรับ 4G LTE ทุกเครือข่ายในไทย ใช้โทรศัพท์ได้
- Android 9.0 Pie
- Bluetooth 5.0 + WiFi a//b/g/n/ac dual band
- พอร์ตชาร์จ USB-C 3.1 Gen 1
- ลำโพง 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ 7040 mAh
- น้ำหนัก 400 กรัม
- ราคา 18,900 บาท (ราคากลางจาก Samsung)
ด้านของสเปค ก็ต้องบอกเลยว่าจัดอยู่ในระดับกลาง ๆ ใช้ทำงานได้ ใช้เพื่อความบันเทิงก็ดีครับ ตอนก่อนจะทดสอบ ทางผมเองก็ติดนิดหน่อยตรงที่น่าจะเลือกชิป Snapdragon ซีรีส์ 800 ขึ้นไป เพื่อความชัวร์ แต่จากที่ผมได้ใช้งานจริงแล้ว ก็พบว่า Snapdragon 670 ก็ตอบสนองการใช้งานทั่วไปได้สบายมาก แถมยังมีข้อดีตรงประหยัดแบตแบบสุด ๆ อีกต่างหาก
อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 400 กรัม ซึ่งถือว่าเบากว่า iPad Pro 10.5″ ที่ตัวเลขขนาดหน้าจอเท่ากันอยู่เล็กน้อย ทำให้การพกพาเป็นไปได้อย่างสะดวก ถือใช้งานได้แบบไม่เมื่อยมือมากหนัก จุดนี้ถือว่า Samsung ทำมาได้ดีเลย
ดีไซน์ หน้าตาของ Samsung Galaxy Tab S5e
ทีนี้มาดูหน้าตากันบ้างครับ มาในทรงแท็บเล็ตจอ 16:10 ที่คุ้นเคย ให้พื้นที่การแสดงผลในแนวกว้างที่มากกว่าจอ 16:9 พอสมควร ขอบจอทั้ง 4 ด้านมีความหนาเท่า ๆ กัน ซึ่งก็เป็นจุดดีอย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะช่วยให้สามารถวางนิ้วตรงขอบจอเวลาถือเครื่องได้แบบไม่ต้องกลัวว่าจะไปรบกวนการใช้งาน
การจับถือเครื่องก็ทำได้ไม่ยากนัก ด้วยความหนาของเครื่องเพียง 5.5 มม. และน้ำหนักที่เบา ทำให้สามารถถือเครื่องมาใช้งานได้ไม่ลำบาก จะแนวตั้ง แนวนอนก็สบายมาก ส่วนปุ่มสั่งงานทั้ง 3 ปุ่มก็จะอยู่ที่ด้านล่างของจอ ขึ้นอยู่กับการแสดงผลว่าเป็นแนวตั้งหรือแนวนอน
Samsung Galaxy Tab S5e กับแอปสายทำงาน ถือเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างลงตัวเลยครับ ทั้งด้วยหน้าจอที่ใหญ่ถึง 10.5″ และอัตราส่วน 16:10 ที่ทำให้เห็นภาพรวมของชิ้นงานได้ง่ายกว่า ยิ่งถ้าใช้งานร่วมกับเคสฝาพับที่มีคีย์บอร์ดในตัวก็ยิ่งเหมาะกับการใช้ทำงานขึ้นไปอีก (จำหน่ายแยก ราคา 3,490 บาท)
ส่วนการใช้ด้านความบันเทิงก็หายห่วงครับ ดูหนังฟังเพลงได้สบายมาก ด้วยจอ Super AMOLED ที่ให้สีสันสวยงาม คอนทราสต์กำลังดี ไม่ซีด และก็ไม่จัดจนปวดตาเกินไป ส่วนเรื่องเสียงก็จัดว่าสุดอยู่เหมือนกัน ด้วยลำโพงในเครื่องถึง 4 ตัว แบ่งเป็นบน 2 ล่าง 2 พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่ให้เสียงมีมิติ มีพลัง ช่วยเสริมประสบการณ์ความบันเทิงได้เต็มอิ่มมาก ๆ แต่ในการรับชมวิดีโอ ภาพยนตร์ ก็อาจจะมีขอบดำตามแนวยาวด้วยนะครับ เนื่องจากวิดีโอส่วนใหญ่จะใช้อัตราส่วนภาพ 16:9 แต่จอเป็นแบบ 16:10
ด้านหลังก็เป็นฝาอลูมิเนียมทั้งชิ้น กล้องหลังตรงมุมซ้ายบนจะนูนขึ้นมาจากฝาหลังเล็กน้อย
โลโก้ AKG ด้านล่าง การันตีได้ว่าแท็บเล็ตรุ่นนี้ผ่านการจูนเสียงจากทาง AKG มาเรียบร้อย
ฝั่งข้างขวาของเครื่องก็จะมีส่วนสำคัญอยู่หลายจุดเหมือนกันครับ ไล่จากทางซ้ายสุดก็จะเจอกับถาดใส่ซิม+microSD และก็ช่องรับเสียงของไมค์ ถัดมาก็เป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และก็ปุ่ม Power แบบกดได้ ที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย
ตัวของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะเป็นแบบสัมผัสครับ สามารถแตะที่ปุ่มเพื่อปลดล็อกหน้าจอได้โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มลงไป ความเร็วในการสแกนก็จัดว่าเร็วเลยทีเดียว
ส่วนถาดใส่ซิม+microSD ก็จะเป็นแบบซิมเดียว ส่วนช่อง microSD นั้นไม่สามารถใส่นาโนซิมได้นะครับ
อีกฝั่งหนึ่งก็จะมีช่องสลักสำหรับล็อกตัวเครื่องติดกับเคสฝาพับคีย์บอร์ด ส่วนตรงกลางก็จะมีหน้าสัมผัสทองเหลือง 4 จุด ไว้สำหรับเชื่อมต่อกับเคสฝาพับคีย์บอร์ดเช่นเดียวกัน
ด้านล่างมีลำโพงสองฝั่ง ตรงกลางเป็นช่อง USB-C
ด้านบนก็ใกล้เคียงกันครับ คือมีลำโพงอีก 2 ฝั่ง ส่วนตรงกลางก็เป็นช่องรับเสียงของไมค์
ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะไม่มีช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม. ก็ตาม แต่ในกล่องก็ยังแถมสายแปลง USB-C เป็นช่อง 3.5 มม. มาให้ด้วยนะครับ แต่ถ้าไม่สะดวกก็คงต้องหาหูฟัง Bluetooth มาใช้แทนแหละนะ
ไหน ๆ ก็มีเครื่องอยู่แล้ว เลยจับเอา Samsung Galaxy Tab S5e มาเทียบขนาดกับ iPad mini 5 ซักหน่อยครับ เหมือนพ่อกับลูกเลยทีเดียว
ซอฟต์แวร์ของ Samsung Galaxy Tab S5e
Samsung Galaxy Tab S5e มาพร้อมกับ Android 9.0 Pie ครอบมาด้วย One UI 1.1 ของทาง Samsung เอง ทำให้ประสบการณ์การใช้งานโดยรวมจะไม่ต่างกับมือถือ Samsung รุ่นใหม่ ๆ มากนัก ส่วนแอปติดเครื่องจัดว่าไม่เยอะจนเกินไปครับ มีแอปของ Samsung เองนิดหน่อย แอปจาก Google ที่เป็นพื้นฐานา ส่วนแอปอื่นก็มีมาแค่ Spotify กับ Netflix เท่านั้น ส่วนแอปสาย Microsoft จะมีให้มาแค่ OneDrive เท่านั้น ถ้าอยากใช้ตัวอื่นก็ต้องโหลดมาติดตั้งเพิ่มเติมเองจากใน Play Store ตามปกติ
พื้นที่เก็บข้อมูลของตัวเครื่องตามสเปค 64 GB เหลือให้ใช้งานได้จริงประมาณ 48 GB ครับ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ฟีเจอร์เด่นสุดก็คือ Desktop Mode ในชื่อ Samsung DeX ที่สามารถใช้สายหรืออะแดปเตอร์แปลงจาก USB-C ของเครื่อง ไปต่อกับจอผ่าน HDMI ได้ทันที ซึ่งจากที่ผมลองใช้งานจริงกับจอ Ultrawide (21:9) ที่ผมใช้กับคอมพิวเตอร์อยู่ด้วยสาย USB-C to HDMI พบว่าถ้าเป็นสายที่มียี่ห้อหน่อย ก็สามารถใช้งานได้ไหลลื่น อัตราส่วนภาพถูกต้อง แต่ถ้าเป็นสายจากจีนราคาไม่แพง (บางตัว) พบว่าภาพก็ขึ้นบนจอเหมือนกันครับ แต่อัตราส่วนภาพจะเพี้ยนไปเลย กลายเป็นภาพถูกยืดตามความละเอียดจอ และมีอาการกระตุกบ้างขณะใช้งาน
ดังนั้น หากต้องการใช้งานโหมด DeX แนะนำว่าควรเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมแท้จาก Samsung หรือไม่ก็หาสายแปลงที่ได้คุณภาพจะดีที่สุดครับ
ในการสั่งงานเมื่อใช้งาน Samsung DeX หากเป็นการใช้งานที่ต้องใช้คีย์บอร์ด หน้าจอของแท็บเล็ตก็จะมีคีย์บอร์ดปรากฏขึ้นมาให้ใช้งานได้ทันที ส่วนการเลือก การจิ้มนั้น จะใช้เป็นลักษณะเดียวกับคอมพิวเตอร์ครับ คือมีเคอร์เซอร์เป็นลูกศรปรากฏบนหน้าจอ สามารถเชื่อมต่อกับเมาส์ Bluetooth เพื่อใช้งานได้ทันที
หรือถ้าไม่สะดวกใช้เมาส์ Bluetooth ก็สามารถเปิดโหมดแปลงหน้าจอเป็นทัชแพดได้จากไอคอนตรงแถบด้านล่างจอได้เหมือนกันครับ
กล้องถ่ายรูป
กล้องตามสเปคก็จัดว่าอยู่ในระดับทั่วไปเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ส่วนของฟังก์ชันก็ถือว่าให้มาแทบไม่น้อยหน้ามือถืออยู่เหมือนกันครับ มีโหมดหลัก ๆ มาให้ใช้งานค่อนข้างครบ มีโหมด Pro มาให้ปรับแต่งก่อนถ่ายได้ รวมถึงมี AI ช่วยแต่งรูปให้สวยงามอีกด้วย
รับชมตัวอย่างภาพที่ได้จากกล้องจากในแกลเลอรี่ด้านล่างเลยครับ
ประสิทธิภาพและการเล่นเกมบน Samsung Galaxy Tab S5e
สำหรับในแง่ของประสิทธิภาพ Samsung Galaxy Tab S5e ที่ให้สเปคโดยรวมมาแบบกลาง ๆ แต่ถ้าเอามาเทียบกับสเปคของฝั่งมือถือจริง ๆ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามือถือรุ่นกลางเกือบค่อนบนเลยทีเดียวครับ ด้วยชิปประมวลผล ชิปกราฟิก แรม และความละเอียดหน้าจอ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปต่าง ๆ ก็ตามภาพด้านบนเลย ได้คะแนน AnTuTu ประมาณ 130,000 คะแนน คะแนนกราฟิกก็ไม่แย่ รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันได้อยู่ ส่วนแอป CPU-Z ในขณะที่ทดสอบนั้นยังแสดงชื่อรุ่นผิดอยู่นิดหน่อย ขึ้นเป็น Snapdragon 845 ซะงั้น แต่พอตรงหัวข้อ Model ก็แสดงได้ถูกต้องดี
ในการเล่นเกม ผมทดสอบเกมแรกด้วย PUBG Mobile เมื่อเปิดขึ้นมาครั้งแรก ตัวเกมก็แนะนำการตั้งค่ากราฟิกระดับสูงมาให้เลย ส่วนในตัวรายละเอียดเกมจริง ๆ ก็สามารถปรับระดับสูง+HD แล้วเล่นได้อย่างไหลลื่น แต่อาจจะไม่ค่อยถนัดอยู่บ้าง เพราะหน้าจอที่ค่อนข้างใหญ่ไปนิด
เกมถัดมาก็คือ RoV ครับ แน่นอนว่าปรับสุดได้สบาย เฟรมเรต 60 fps แบบนิ่ง ๆ เลย
ปิดท้ายด้วย Speed Drifters ที่ต้องเน้นความไหลลื่นของภาพ ซึ่งแม้ว่าตัวเกมจะแนะนำการปรับกราฟิกระดับกลาง และปิดโหมดเฟรมเรตสูงก็ตาม แต่ผมก็ลองปรับเป็นระดับสูงสุด พร้อมเปิดโหมดเฟรมเรตสูง ก็พบว่าเกมยังเล่นได้อย่างไหลลื่นอยู่ดี
ด้านของแบตเตอรี่ Samsung Galaxy Tab S5e เองให้แบตเตอรี่มาถึง 7040 mAh ประกอบกับสเปคที่ไม่ได้กินไฟมากนัก ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมาก ๆ อย่างต่ำคือได้ 1 วันแบบไม่ต้องกังวล ส่วนการชาร์จก็ทำได้รวดเร็วเช่นกันครับ เพราะอะแดปเตอร์ในกล่องรองรับ Adaptive Fast Charging ด้วย
Overall
Samsung Galaxy Tab S5e คือแท็บเล็ต Android อีกหนึ่งรุ่นที่เพรียบพร้อมสำหรับทั้งการใช้ทำงาน และการใช้เพื่อความบันเทิง ด้วยหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 10.5″ ที่ไม่ลำบากเกินไปสำหรับการพกพา ลำโพงที่มีมาถึง 4 ตัว รองรับ Samsung DeX สำหรับการใช้งานในแบบของเดสก์ท็อป รวมถึงยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นเคสฝาพับคีย์บอร์ดให้เลือกซื้อ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอีก โดยรวมแล้ว หากใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ต Android สำหรับใช้งานจริงจังซักเครื่อง Samsung Galaxy Tab S5e ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจในยุคนี้เลยครับ