Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»รีวิว Redmi K Pad (2025) แท็บเล็ตไซส์เล็ก สเปคเรือธง ได้ชิป Dimensity 9400+ จอ 3K 165Hz
    Phone Review

    รีวิว Redmi K Pad (2025) แท็บเล็ตไซส์เล็ก สเปคเรือธง ได้ชิป Dimensity 9400+ จอ 3K 165Hz

    ACHI-SPBy ACHI-SP14 กรกฎาคม 2025
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email
    Redmi K Pad

    Redmi K Pad แท็บเล็ตไซส์เล็กเปิดตัวในจีนไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2025 โดยตัว Redmi K Pad นั้นเป็นแท็บเล็ตขนาดกะทัดรัดที่ไม่ได้มีดีแค่พกพาง่าย แต่มาพร้อมสเปคระดับ “เรือธง” ที่พร้อมท้าชนทุกรุ่นในตลาด และที่น่าจะถูกมองเป็นคู่แข่งมากที่สุดคงไม่พ้น iPad mini อย่างแน่นอน แต่ ๆ เรื่องนั้นไว้ก่อน ในบทความนี้เราจะมาทำการรีวิว Redmi K Pad กัน

    ซึ่งบอกไว้ก่อนเลยว่า Redmi K Pad นั้นไม่มีขายในไทยนะครับ แต่มีข่าวลือมาว่าอาจจะมีการเปิดตัวแบบ Global ในชื่อ POCO F Pad ก็เป็นได้ครับ ใครที่สนใจก็อาจจะต้องรอลุ้นกันไปก่อนนะครับ

    สารบัญ

    • ดีไซน์
    • ประสิทธิภาพและการเล่นเกม
    • การใช้งานทั่วไป
    • การถ่ายภาพ
    • แบตเตอรี่และการชาร์จ
    • สรุปการรีวิว
    • สเปคเครื่องอย่างละเอียด

    ดีไซน์

    Redmi K Pad เป็นแท็บเล็ตที่เน้นไปที่ด้านการพกพาและการใช้งานมือเดียวด้วยขนาดหน้าจอที่ 8.8 นิ้วและน้ำหนักเพียง 326 กรัม ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดไม่ใหญ่มากและสามารถจับถือด้วยมือเดียวได้สบาย ทั้งยังมาพร้อมความละเอียดที่สูงถึง 3K รองรับการแสดงผล HDR Vivid และ Dolby Vision นอกจากนี้ยังมีอัตรารีเฟรชสูงถึง 165Hz อีกด้วย สำหรับการปกป้องหน้าจอนั้นทาง Redmi K Pad ใช้กระจก Gorilla Glass 5 ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนและทนทานต่อการตกกระแทกในระดับหนึ่งครับ

    สำหรับตัวเครื่องด้านหลังนั้นจะมาด้วยวัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอยแบบ Unibody ทั้งชิ้น ทำให้ตัวเครื่องมีความทนทานสูงและยังช่วยในเรื่องการระบายความร้อนได้ด้วย ที่มุมบนซ้ายของตัวเครื่องจะมีโมดูลกล้องหลัง, ไฟแฟลช และไมโครโฟนรับเสียงอยู่ครับ ซึ่งตัว Redmi K Pad นั้นจะมีสีสันให้เลือกอยู่ทั้งหมด 3 สีคือ สีดำ Deep Black, สีม่วง Smoky Purple และสีเขียว Spruce Green และที่เราซื้อมาทำรีวิวก็คือสีเขียว Spruce Green นั่นเองครับ

    สำหรับขอบรอบตัวเครื่องนั้น (เมื่อถือแนวตั้ง) จะมีปุ่ม Power อยู่ที่ด้านบนริมฝั่งขวา ปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ที่ฝั่งขวา มีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C อยู่ที่ฝั่งซ้ายและด้านล่าง ซึ่งทั้ง 2 พอร์ตนี้รองรับการชาร์จเร็วที่ 67W เท่ากัน (ช่องชาร์จที่อยู่ด้านล่าง (ฝั่งสั้น) จะไม่รองรับการถ่ายโอข้อมูลนะครับ) นอกจากนี้ยังมีลำโพงคู่และไมโครโฟนคู่อยู่ที่ด้านบนและล่างด้วยครับ

    หรือถ้าใครอยากเห็นตัวเครื่องแบบภาพเครื่องไหวก็สามารถดูได้ที่


    ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

    เมื่อพูดถึงการใช้งานสิ่งแรกที่เราต้องพูดถึงเลยก็คือประสิทธิภาพของตัวเครื่องและการเล่นเกมที่เป็นจุดเด่นที่สุดของ Redmi K Pad โดย Redmi K Pad นั้นใส่ชิปประมวลผลหลักมาเป็น MediaTek Dimensity 9400+ ชิปเรือธงของ MediaTek ที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลขั้นสูง และสามารถจัดการพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมที่ต้องใช้กราฟิกสูง ๆ ได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วย Vapor Chamber ขนาดใหญ่ถึง 12,050 ตร.มม. ที่ทำจากอลูมิเนียมอัลลอย ทำให้มีน้ำหนักที่เบากว่า Vapor Chamber ทั่วไปอีกด้วย

    โดยตัวชิป MediaTek Dimensity 9400+ นั้นจากการทดสอบ Geekbench ทำคะแนนไปได้อยู่ที่ 2648 คะแนนในแบบ Single-core และ 8222 คะแนนในแบบ Multi-core รวมถึงได้คะแนน AnTuTu สูงถึง 2,749,793 คะแนนเลยครับ

    ในด้านการเล่นเกม เราได้ทดสอบกับเกมยอดนิยมอย่าง RoV, PUBG Mobile, Genshin Impact และ Delta Force ซึ่งทุกเกมสามารถปรับตั้งค่ากราฟิกระดับสูงสุดและเล่นได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งด้วยระบบระบายความร้อนที่ดีมาก ทำให้ตัวเครื่องมีความร้อนสะสมที่น้อยจนสามารถถือเล่นยาว ๆ ได้อย่างสบายเลย โดยตอนที่ทดสอบเล่นนั้นได้ทดลองเล่นแต่ละเกมต่อเนื่องเกมละ 1 ชั่วโมง ความร้อนที่เกิดขึ้นมานั้นอยู่ในระดับที่ไม่ได้ร้อนมากนัก ยังสามารถถือเล่นต่อได้อยู่ เนื่องจากความร้อนนั้นจะสะสมอยู่บริเวณกลางเครื่อง เลยทำให้มือได้รับความร้อนไม่มากนักนั่นเอง

    ในเรื่องการตั้งค่าต่าง ๆ นั้นตัวเกม RoV และ Genshin Impact ผมปรับกราฟิกที่สูงสุดและเปิดเฟรมเรทสูงสุดได้ที่ 60fps ครับ ส่วน PUBG Mobile และ Delta Force นั้นผมปรับกราฟิกลงมาที่ต่ำสุดเพื่อให้สามารถเปิดเฟรมเรทที่ 120fps ได้ ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่สามารถดันเฟรมเรทของเกม Delta Force ขึ้นไปที่ 144Hz ได้ก็ตาม

    แต่หนึ่งฟีเจอร์ที่ทำให้ผมค่อนข้างประทับใจเลยก็คือฟีเจอร์ปรับขนาดหน้าจอ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะทำการลดขนาดหน้าจอลงมา ทำให้พื้นที่ระยะสัมผัสลดลงด้วย สำหรับบางเกมแล้วช่วยให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ โดยตัวระบบนั้นมีให้เลือกปรับอยู่ 4 รูปแบบคือ แบบเต็มจอ, ชิดบน, อยู่กลางจอ และชิดล่าง ครับ

    อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยให้การเล่นเกมลื่นขึ้นและช่วยอำนวยความสะดวกให้ก็คือ Ultimate Mode ที่จะซ่อนอยู่ด้านข้างของหน้าจอ ซึ่งวิธีการเรียกก็ไม่ได้ยาก แค่ปัดขวาตรงบริเวณกลาง ๆ ริมขอบจอด้านขวาที่มีขีดเล็ก ๆ อยู่ โดยตัว Ultimate Mode นี้จะมีตัวเลือกว่าจะใช้งานแบบปกติหรือแบบ Wild Boost ที่จะรีดประสิทธิภาพของเครื่องออกมาทั้งหมด พร้อมทั้งยังแสดงค่าเฟรมเรทแบบเรียลไทม์ขณะนั้นให้ด้วย ส่วนด้านล่างก็จะมีให้ตั้งค่าสัญญาณ, ความเร็วในการตอบสนองต่อการสัมผัส เป็นต้น, โหมดเปลี่ยนเสียง, Screenshot, บันทึกหน้าจอ, ตั้งค่าปุ่มมาโคร, แชร์หน้าจอ เป็นต้น


    การใช้งานทั่วไป

    ในส่วนของการใช้งานทั่วไปทั้งการเล่นโซเชียลและความบันเทิงต่าง ๆ ทั้งการดูหนังหรือการอ่าน E-Book ตัว Redmi K Pad ก็สามารถใช้งานได้ดีทุกด้าน โดยเฉพาะการอ่าน E-Book นี่น่าสนใจที่สุดเลย เพราะขนาดหน้าจอ 8.8 นิ้วนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถือหนังสืออยู่เลย แถมภาพที่แสดงก็มาแบบเต็ม ๆ จอพอดี นอกจากจะเอามาเล่นเกมแล้ว เหมาะจะเอามาใช้อ่าน E-Book ด้วยจริง ๆ ครับ

    สำหรับในเรื่องการเล่นโซเชียลนั้นหากเป็นการเล่นแบบแนวตั้งนั้นภาพที่ได้จะเต็มตาแบบสะใจมากเลย แต่หากเปลี่ยนมาเล่นแบบแนวนอนแล้ว แอปฯ Facebook นั้นจะให้ภาพที่ใหญ่เกินไปหน่อย ส่วนแอปฯ อื่น ๆ ก็จะอยู่ในสภาพที่แสดงเป็นแนวตั้งพร้อมขอบข้าง (ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วก็เป็นกับแท็บเล็ต Android ทุกเครื่องอยู่แล้ว)

    ส่วนเรื่องการดูหนังนั้นภาพที่ได้นั้นให้ภาพเต็มตา คมชัด สีสันสวยสด มีขอบดำบน-ล่างน้อยและด้วยความที่มีลำโพงคู่แบบสเตอริโอ ทำให้เสียงที่ได้นั้นดังกระหึ่มสะใจมาก โดยเรื่องคุณภาพเสียงเท่าที่ฟังก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเพราะมาครบทุกย่านเสียง แค่เสียงเบสจะดูเบาไปหน่อย (แต่ก็ยังพอได้ยินอยู่นะ) สำหรับคนที่เป็นสายเปิดลำโพงผมว่าลำโพงในตัว Redmi K Pad ก็นับว่าใช้ได้อยู่นะครับ ไม่จำเป็นต้องพึ่งลำโพงเสริมก็ได้ (แต่ถ้าจะต่อเพิ่มก็ได้นะ)


    การถ่ายภาพ

    ในด้านการถ่ายภาพนั้นโดยปกติกล้องของแท็บเล็ตนั้นจะคาดหวังอะไรไม่ได้มาก แต่สำหรับ Redmi K Pad แล้วส่วนตัวมองว่าค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ ถึงความละเอียดกล้องที่ให้มาจะไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร ด้วยกล้องหลังความละเอียด 13MP และกล้องหน้าความละเอียด 8MP แต่พอได้ลองเอาไปใช้จริงนี่ผมถึงกับว้าวมากเลย เพราะรายละเอียดของภาพ ความคมชัด สีสัน นี่เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยครับ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือตัวกล้องมีโหมด Portrait ให้เลือกด้วยครับ ทั้งที่ปกติแท็บเล็ตจะไม่ค่อยให้มากันเท่าไร

    ส่วนเรื่องการบันทึกวิดีโอนั้นกล้องหลังสามารถบันทึกได้ความละเอียดสูงสุดที่ 4K 30fps ส่วนกล้องหน้าบันทึกได้สูงสุดที่ 1080P 30fps ซึ่งก็นับว่าสูงสุดเท่าที่ตัวเซ็นเซอร์จะทำได้แล้วครับ

    ตัวอย่างภาพถ่าย


    แบตเตอรี่และการชาร์จ

    ในเรื่องของแบตเตอรี่และการชาร์จนั้น ตัว Redmi K Pad ให้แบตเตอรี่มาขนาด 7,500 mAh ซึ่งถือว่าเยอะกว่าแท็บเล็ตในขนาดเดียวกันมาก ซึ่งจากที่ได้ลองใช้ดูแล้วบอกเลยว่าแบตเตอรี่ถึกใช้ได้เลย หากไม่เล่นเกมต่อเนื่องนาน ๆ อย่างเล่นเกมบ้าง เล่นโซเชียลบ้าง ดูหนังบ้าง อย่างละนิดอย่างละหน่อย ตัวแบตเตอรี่สามารถอยู่จนจบวันได้สบาย ๆ เลย ทั้งนี้ก็เพราะชิปประมวลผล Dimensity 9400+ ที่แรงจนไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถทั้งหมดในการประมวลผล แถมยังมีความสามารถในการจัดการพลังงานได้ดีอีกด้วย

    ในเรื่องของการชาร์จนั้นตัว Redmi K Pad รองรับการชาร์จเร็วที่ 67W และด้วยความที่มีพอร์ตชาร์จถึง 2 จุด ทำให้สามารถชาร์จไปเล่นไปได้โดยไม่เกะกะมือเลยครับ แถมยังรองรับฟีเจอร์ Bypass Charging ด้วย ทำให้สามารถชาร์จไปเล่นไปได้เลย ส่วนเรื่องระยะเวลาในการชาร์จนั้นผมทดลองชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลืออยู่ 5% ในช่วง 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 22% และเมื่อครบ 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 54% ส่วนระยะเวลาชาร์จรวมตั้งแต่เริ่มชาร์จที่ 5% จนเต็ม จะใช้เวลารวมทั้งหมด 61 นาที หรือ 1 ชั่วโมง 1 นาที ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้นานเลยสำหรับแบตเตอรี่ขนาด 7,500 mAh แถมในระหว่างการชาร์จ ความร้อนสะสมระหว่างชาร์จก็น้อยด้วยครับ


    สรุปการรีวิว

    สรุปรีวิว Redmi K Pad จากที่ได้ลองเอาไปใช้งานมาบอกเลยว่าติดใจครับ ตัวเครื่องขนาดพกพามาก พกไปไหนมาไหนก็ง่าย และด้วยชิปเรือธงที่แรงสุด ๆ ทำให้สามารถเอาไปใช้เล่นเกมได้ทุกเกมที่มีตอนนี้ได้หมดเลย หรือจะเอาไปอ่าน E-Book ก็ได้ สามารถเอาไปใช้งานให้ความบันเทิงได้ค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว เชื่อว่าสายเล่นเกมน่าจะชอบเครื่องนี้ไม่น้อยเลยครับ และหากว่า Redmi K Pad นั้นเหมาะกับใคร ก็ต้องบอกเลยว่าเหมาะกับคนที่กำลังหาแท็บเล็ตแรง ๆ ที่พกพาง่าย ๆ ในราคาไม่แรง, ชาวเกมเมอร์ที่ชื่นชอบการเล่นเกมมือถือ, น้อง ๆ นักเรียน-นักศึกษา เป็นต้น

    สำหรับคนที่สนใจนั้น Redmi K Pad ไม่ได้มีขายในประเทศไทยนะครับ ขายแค่ในประเทศจีนเท่านั้น แต่ก็มีข่าวลือแว่วมาว่าอาจจะมีการเปิดตัวเวอร์ชั่น Global ด้วย แต่อาจจะมาในชื่อ POCO F Pad ทั้งนี้อาจจะต้องรอติดต่ามข่าวสารกันต่อไปพร้อมาช่วยกันลุ้นให้มีการเปิดตัวแบบ Global ด้วยสเปคเดียวกันนี้ด้วย แต่ถ้าใครรอไม่ไหวก็จะเหลือแค่ 2 ตัวเลือกคือไปซื้อที่จีนเองเลย หรือจะให้ร้านช่วยรับหิ้วให้แทนครับ สำหรับราคาที่ขายในจีนแปลงเป็นเงินไทยก็จะเริ่มที่ราว ๆ 14,000 บาทครับ


    สเปคเครื่องอย่างละเอียด

    สเปคRedmi K Pad
    สีสัน Deep Black, Spruce Green, Smoky Purple
    ขนาด205.13 x 132.03 x 6.46 มม.
    น้ำหนัก326 กรัม
    หน้าจอ– พาแนล IPS-LCD
    – ขนาด 8.8 นิ้ว
    – ความละเอียด 3008 x 1880 พิกเซล (3K)
    – Refresh Rate: สูงสุด 165Hz
    – Finger Touch Sampling Rate: สูงสุด 372Hz
    – Instantaneous Touch Sampling Rate: สูงสุด 1080Hz
    – Stylus Touch Sampling Rate: 240Hz
    – ความสว่างสูงสุด 700nits
    – ขอบเขตสี P3
    – ความลึกสี 12bit
    – รองรับการแสดงผล HDR Vivid, Dolby Vision
    – กระจก CORNING GORILLA GLASS 5
    ชิปประมวลผลMediaTek Dimensity 9400+
    แรม / ความจุ– 12GB+256GB (LPDDR5X/UFS4.1)
    – 12GB+512GB (LPDDR5X/UFS4.1)
    – 16GB+512GB (LPDDR5T/UFS4.1)
    – 16GB+1TB (LPDDR5T/UFS4.1)
    กล้องหลัง– 13MP, f/2.2, PDAF (เซ็นเซอร์ OV13B, 1/3.06″, 1.12μm)
    – รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K 30fps
    กล้องหน้า– 8MP, f/2.28, PDAF (เซ็นเซอร์ OV08F 1/4″ 1.12μm)
    – รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 1080P 30fps
    แบตเตอรี่7,500 mAh
    ระบบชาร์จ– 67W Ultra-Fast Charging
    – 18W Wired Reverse Charging
    – Protocol PD3.0 / PD2.0
    – รองรับ Bypass Charging
    ระบบปฏิบัติการXiaomi HyperOS 2
    การเชื่อมต่อ– Wi-Fi 7,802.11 a/b/g/n/ac/ax/be
    – Bluetooth 5.4
    – USB-C 3.2 Gen1 (5 Gbps)
    – USB-C 2.0 (480 Mbps)
    เซ็นเซอร์– Accelerometer
    – Gyroscope
    – Front ambient light (color temperature) sensor
    – Hall sensor
    – Geomagnetic sensor
    – Distance sensor
    – X-axis linear motor
    ระบบเสียง– Stereo Dual Speakers
    – Hi-Res & Hi-Res Wireless Audio Certification
    – Dolby Atmos
    – Spatial Audio
    ระบบระบายความร้อนอลูมิเนียมอัลลอยด์ Vapor Chamber ขนาด 12,050 ตร.มม.

    Android Redmi Redmi K Pad tablet Xiaomi
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ACHI-SP

    Related Posts

    Xiaomi เตรียมเปิดตัว Xiaomi Q200 รหัส “Pandora” มีจอเล็กติดกล้องด้านหลัง พร้อมกับ Xiaomi 16 Series

    14 กรกฎาคม 2025

    ดูหนังจักรวาล Marvel เรียงตาม Timeline ยังไง? ดูแบบไหนได้บ้าง? ที่นี่มีคำตอบ! อัพเดท 2025

    12 กรกฎาคม 2025

    Xiaomi อาจเลิกใช้แบรนด์ Leica กับสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่

    7 กรกฎาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    อัพเดทราคา iPhone 16/ iPhone 16 Pro ราคาล่าสุดทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรมีราคาเท่าไหร่บ้างในปี 2025

    14 กรกฎาคม 2025

    ราคา iPhone 15 ราคาล่าสุดทุกรุ่นปี 2025 ทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรมีราคาเท่าไหร่บ้าง

    14 กรกฎาคม 2025

    อัพเดทราคา iPhone 14 ราคา 2025 ล่าสุดทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรจาก AIS, true – dtac

    14 กรกฎาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท กรกฎาคม 2025

    14 กรกฎาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X