ถ้าพูดถึงแบรนด์มือถือที่เปิดตลาดไทยได้อย่างน่าสนใจ ชื่อของ realme นับเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทำได้ดี ด้วยตัวของผลิตภัณฑ์เองที่มีจุดเด่นในด้านความคุ้มค่าของสเปคต่อราคา ในขณะเดียวกันก็ยังมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่น้อยหน้าเครื่องรุ่นอื่น ๆ ในตลาดอีกด้วย อย่างล่าสุดก็ส่งมือถือรุ่นใหม่อย่าง realme 5 และ realme 5 Pro ออกมาอีก โดยในบทความรีวิวนี้จะเป็นการรีวิว realme 5 รุ่นปกติที่มีจุดเด่นในด้านของแบตเตอรี่ 5,000 mAh กล้องหลัง 4 ตัว เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกที่มีกล้องหลัง 4 ตัวและมีสเปคที่ดีที่สุดในเรทราคาระดับเดียวกัน
สำหรับสเปค realme 5 (เครื่องที่รีวิว) ก็มีตามนี้
- ชิปประมวลผล Snapdragon 665 AIE มี 8 คอร์ ความเร็วสูงสุด 2.0 GHz พร้อมชิปกราฟิก Adreno 610
- RAM 3/ 4 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 64/ 128 GB รองรับ microSD เพิ่มได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอ LCD IPS แบบ mini-drop fullscreen ขนาด 6.5″ ความละเอียดระดับ HD+ (1600×720)
- กล้องหลัง 4 ตัว พร้อมการประมวลผลจาก AI
- กล้องหลัก 12MP f/1.8
- กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.25 มุมกว้าง 119 องศา
- กล้อง depth สำหรับช่วยถ่าย portrait 2MP
- กล้องมาโคร 2MP ถ่ายได้ใกล้สุด 4 ซม.
- กล้องหน้า 13MP f/2.0 AI
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง + สแกนใบหน้า
- Bluetooth 5.0
- รองรับ 4G LTE ทุกเครือข่าย ใช้ได้ 2 ซิม Dual VoLTE / VoWIFI แต่ไม่มี CA
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จได้สูงสุด 10W ผ่านช่อง Micro USB
- มีช่อง 3.5 มม.
- Android 9.0 ครอบด้วย ColorOS 6 realme edition
- มีให้เลือก 2 สี คือสีน้ำเงิน Crystal Blue และสีม่วง Crystal Purple
- ราคาเริ่มเพียง 4,599 บาท (รุ่น 3+64GB) และ 5,999 บาท (รุ่น 4+128GB)
สเปครวม ๆ ของ realme 5 จัดว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ กำลังดี พอเหมาะทั้งกับการใช้งานทั่วไป รวมถึงการเล่นเกมได้สบาย แม้ว่าอาจจะต้องลดระดับกราฟิกในเกมลงมาเล็กน้อย แต่มั่นใจได้เลยว่าสามารถเล่นได้ยาวนานแน่นอน เพราะแบตที่ให้มาถึง 5000 mAh แถมตัวชิปเองก็จัดว่าค่อนข้างประหยัดพลังงานพอดู
ส่วนของกล้องถ่ายรูปก็ถือว่าให้เลนส์ที่น่าสนใจมาครับ ทั้งเลนส์อัลตร้าไวด์สำหรับถ่ายให้ได้ภาพมุมกว้าง ๆ และก็เลนส์มาโครสำหรับการถ่ายเจาะวัตถุขนาดเล็กในระยะใกล้มาก ๆ เพื่อให้ได้ภาพที่ใหญ่ขึ้น น่าจะถูกใจเซียนส่องพระกันบ้างไม่น้อยเลยทีเดียว
ดีไซน์ หน้าตาของ realme 5
รูปทรงของ realme 5 ก็จะออกมาเป็นแนวพิมพ์นิยมของสมาร์ทโฟนประจำปีนี้ คือจอแบบเกือบเต็มขอบด้านบน มีติ่งสำหรับวางกล้องหน้าในทรงหยดน้ำขนาดเล็ก ด้านล่างมีคางเล็กน้อย ซึ่งหน้าจอขนาด 6.5″ ความละเอียดระดับ HD+ ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างพอดี จับถือสะดวก ภาพเต็มตา ส่วนสีสันของภาพก็จัดอยู่ในระดับมาตรฐานของมือถือในยุคปัจจุบัน ด้วยการเลือกใช้พาเนล IPS ที่ให้สีสันได้ดี มุมมองภาพกว้าง แม้ว่าสีสันอาจจะไม่จัดจ้านเหมือนมือถือรุ่นราคาสูง ๆ แต่ก็ถือว่ากำลังดีสำหรับมือถือราคาครึ่งหมื่นเลย
ตรงขอบจอด้านบนนอกจากจะมีกล้องหน้าแล้ว ยังมีลำโพงสนทนาอยู่ตรงขอบบนสุด ใกล้ ๆ กันนั้นก็จะเป็นพวกเซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจอ เซ็นเซอร์วัดระยะห่างสำหรับปิดจอขณะสนทนาตามปกติ โดยขอบจอทั้งด้านบน และฝั่งซ้ายขวาจะมีขนาดเท่ากันครับ มีเพียงคางด้านล่างเท่านั้นที่หนากว่าด้านอื่นเล็กน้อย กระจกขอบจอก็ไม่ได้เป็นแบบขอบโค้งด้วย น่าจะถูกใจร้านติดฟิล์ม/กระจกกันรอยแน่นอน การสแกนใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วมาก
งานประกอบก็ทำได้เกินราคา แม้ตัวเครื่องจะหนักมือไปนิดนึง (น้ำหนัก 198 กรัม) แต่ก็ทำมาได้แน่นจริง จับแล้วรู้สึกมั่นใจ ไม่กรอบแกรบ
ส่วนด้านหลังก็ยังคงสไตล์ realme ไว้อยู่ คือมีการเล่นลวดลายที่พื้นฝาหลัง โดยออกแบบมาให้ฝาหลังแต่ละจุดสะท้อนแสงที่มุมแตกต่างกัน คล้าย ๆ กับพวกเหลี่ยมเพชร ส่วนพื้นผิวก็เป็นพลาสติกผิวเรียบเสมอกันทั้งแผ่น ตัดขอบโค้งเล็กน้อย มีโลโก้ realme อยู่ตรงมุมซ้ายล่าง ส่วนมุมซ้ายบนก็เป็นแถบกล้องหลังทั้ง 4 ตัวกับแฟลช LED ตรงกลางเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือตามปกติ
ซึ่งที่บริเวณกล้องหลังจะมีจุดสังเกตที่ช่วยให้สามารถแยกระหว่าง realme 5 และ realme 5 Pro ได้ โดยของ realme 5 จะเขียนว่า F 1.8 ส่วนของ realme 5 Pro จะเขียนว่า 48 MP
ซึ่งตรงกล้องหลังนี้จะนูนขึ้นมาจากฝาหลังพอสมควร แนะนำว่าควรใส่เคสครับ
ถาดใส่ซิมจะอยู่ตรงฝั่งซ้ายของเครื่อง โดยสามารถใส่นาโนซิมได้ 2 ใบ และก็ใส่ microSD ได้อีก 1 ใบ
ด้านบน: ไม่มีช่องอะไรเลย
ด้านล่าง: ช่อง 3.5 มม. / ช่องรับเสียงของไมค์ / ช่อง Micro USB / ลำโพง
ด้านขวา: ปุ่ม Power
ด้านซ้าย: ถาดใส่ซิม / ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมี
- ตัวเครื่อง realme 5
- เคสใสรมดำ
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- สาย Micro USB
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟหัว USB-A
ตัวอะแดปเตอร์สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 5V 2A (10W) ครับ แต่ตัวขาปลั๊กจะเป็นแบบอินเดีย คือเป็นขากลม 2 ขา ถ้าลองเสียบกับปลั๊กตัวเมียแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ อาจจะต้องหาตัวแปลงขาปลั๊กมาใช้เพิ่มนิดนึงครับ
สำหรับเคสที่ให้มา จัดว่าเป็นเคสแถมที่ดีเลย ตัวเนื้อซิลิโคนไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ยืดหยุ่นให้ถอด/ใส่ได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกันก็คงตัวได้ดี ตรงขอบของช่องที่เว้นไว้สำหรับกล้องหลังก็ทำมาสูงดี ช่วยปกป้องตัวกล้องได้สบาย
ซอฟต์แวร์ของ realme 5
realme 5 มาพร้อมกับ Android 9.0 Pie ที่ครอบมาด้วย ColorOS 6.0.1 realme edition หน้าตาโดยรวมก็จัดว่าใช้งานง่าย แอปติดเครื่องมีมาให้พอสมควร ทั้งแอปอำนวยความสะดวกจากทาง realme เอง และก็แอปเสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งก็สามารถลบออกได้เหมือนกัน โดยพื้นที่เก็บข้อมูลจากสเปคที่ให้มา 128 GB นั้น เหลือให้ใช้งานได้จริงประมาณ 111 GB หรือถ้าจะเพิ่ม microSD ก็จัดไปได้เช่นกัน ส่วน Widevine DRM นั้น จากที่ตรวจสอบด้วยแอป DRM Info ก็ได้เพียง L3 เท่านั้นนะครับ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ realme 5
ใครที่อยากเล่น Line 2 ไอดี Facebook 2 ไอดีในเครื่องเดียว realme 5 ก็สามารถทำได้ด้วยการโคลนแอปจากในเครื่องเลย ไม่ต้องติดตั้งแอปเสริมใด ๆ แถมแอปที่สามารถโคลนได้ก็ครอบคลุมพวกแอปโซเชียลหลัก ๆ ที่คนไทยใช้ค่อนข้างครบถ้วน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ Game Space ที่เป็นกล่องรวมไอคอนเกมในเครื่อง ซึ่งเมื่อรันเกมจากใน Game Space ระบบก็จะไปช่วยจัดการเคลียร์แรม เพิ่มประสิทธิภาพ จัดการเน็ตเวิร์ค และก็จัดการพวกระบบการแจ้งเตือนต่าง ๆ ไม่ให้รบกวนการเล่นเกมด้วย
กล้องถ่ายรูปของ realme 5
ด้านของกล้องหลัง realme 5 ก็จัดให้มาถึง 4 ตัวเรียงลงมาในแนวตั้ง ซึ่งกล้องแต่ละตัวก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป ตามภาพด้านล่างนี้ครับ
เรียงจากบนสุดลงมาก็จะเป็นกล้องอัลตร้าไวด์ ถัดลงมาเป็นกล้องหลัก 12MP จากนั้นก็เป็นเลนส์เก็บระยะความลึก สำหรับช่วยในการเบลอฉากหลังในการถ่าย portrait / ถ่ายภาพบุคคล ส่วนด้านล่างสุดก็คือเลนส์สำหรับถ่ายภาพมาโครในระยะประชิดโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถถ่ายได้ใกล้สุด ดีสุดที่ระยะ 4 เซนติเมตรจากวัตถุ
ชุดภาพด้านบนนี้ ภาพซ้ายคือภาพจากเลนส์กล้องหลัก ส่วนภาพขวาคือภาพจากเลนส์อัลตร้าไวด์ที่ถ่ายจากในมุมเดียวกันครับ ซึ่งสามารถกดสลับใช้งานได้จากปุ่มในแอปกล้องได้เลย ตัวเลนส์อัลตร้าไวด์สามารถแตะเพื่อเลือกจุดวัดแสงได้
สำหรับคุณภาพของภาพที่ถ่ายจากเลนส์อัลตร้าไวด์นั้นถือว่าทำได้ดีเลย ทั้งความคมชัด สีสัน แถมในบางช็อตยังได้ภาพที่สว่างกว่า สีสันสวยกว่าเลนส์ปกติอยู่นิดนึงด้วยซ้ำ
ต่อมาก็เป็นเลนส์มาโครกันบ้างครับ เลนส์ตัวนี้จะค่อนข้างมีการใช้งานที่เฉพาะตัวนิดนึง คือมันสามารถโฟกัสได้ระยะห่างจากวัตถุประมาณ 4 เซนติเมตรเท่านั้น สามารถเปิดใช้งานได้ที่โหมด Ultra Macro ในแอปกล้อง โดยภาพที่ได้มาก็จะเน้นชัดที่บริเวณตรงกลางภาพ ส่วนขอบ ๆ ออกไปจะมีเบลอนิดหน่อยครับ แนะนำว่าถ้าต้องการถ่ายให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด ก็ควรจะหาขาตั้งกล้อง หรือวางมือถือให้นิ่งตอนถ่ายรูปด้วย
ภาพด้านบนนี้คือความแตกต่างระหว่างการถ่ายภาพในระยะ 4 เซนติเมตรด้วยเลนส์ปกติ (ภาพซ้าย) ส่วนภาพขวาเป็นภาพที่ได้จากเลนส์มาโครที่ถ่ายในระยะห่างเท่า ๆ กัน (แต่ตำแหน่งที่ถ่ายต่างกันเล็กน้อย)
ปิดท้ายด้วยโหมด Nightscape สำหรับการถ่ายภาพกลางคืนบ้างครับ สำหรับกระบวนการของโหมดนี้ก็จะเน้นที่การเปิดชัตเตอร์ให้นานขึ้น ร่วมกับมีการประมวลผลภาพเพื่อลด noise ที่เกิดจากการเร่ง ISO สำหรับถ่ายภาพในที่มีแสงน้อย ซึ่งเมื่อเทียบความแตกต่างระหว่างภาพชุดบนที่ถ่ายด้วยกล้องหลักโหมด Auto (ซ้าย) กับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องหลักในโหมด Nightscape (ขวา) ก็จะเห็นความแตกต่างของความคมชัดที่มากขึ้น และก็ noise ในภาพที่น้อยลง ส่วนมุมภาพก็จะแคบเข้ามานิดนึง
ส่วนภาพชุดล่าง ก็คือการนำภาพชุดบนมา crop 150% ครับ จะเห็นว่าภาพทางซ้ายมี noise สีชมพูในภาพแบบชัดเจน ในขณะที่ภาพขวานั้น noise หายไปเยอะมาก รวมถึงความคมชัดของใบตองก็มากขึ้น มองเห็นรายละเอียดได้มากขึ้น
ถ้าดูรายละเอียดจากค่า exif ของทั้งสองภาพ ก็จะออกมาเป็นดังนี้
ภาพโหมด Auto
- ความละเอียด 4,000 x 3,000 (12 ล้านพิกเซล)
- ขนาดไฟล์ 2.1 MB
- focal length 4.04 mm.
- f/1.8
- ISO 6928
- ความเร็วชัตเตอร์ 1/15 s
ภาพโหมด Nightscape
- ความละเอียด 3,264 x 2,448 (8 ล้านพิกเซล)
- ขนาดไฟล์ 1.6 MB
- focal length 4.04 mm.
- f/1.8
- ISO 1600
- ความเร็วชัตเตอร์ 1/10 s
ส่วนด้านล่างนี้ก็เป็นตัวอย่างภาพที่ได้จากกล้องของ realme 5 ครับ สำหรับภาพที่มุมใกล้เคียงกัน ภาพแรกจะเป็นภาพจากเลนส์/โหมดปกติ ส่วนภาพสองที่อยู่คู่กัน จะเป็นภาพจากเลนส์อัลตร้าไวด์ หรือภาพจากโหมดมาโคร หรือภาพจากโหมด Nightscape นะครับ
ประสิทธิภาพและการเล่นเกมบน realme 5
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ realme 5 ก็คือความสามารถในการเล่นเกมครับ เนื่องจากสเปคที่ให้มานั้นค่อนข้างน่าสนใจ ด้วยชิประดับกลางที่รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันได้ แต่ไม่กินแบตมากเกินไป แรมกำลังดี พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะ ลงเกมได้จุใจ ที่สำคัญคือแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5000 mAh นั่นเอง
มาดูที่ผลทดสอบประสิทธิภาพกันก่อนครับ สำหรับแอป CPU-Z ที่ใช้ดูสเปคชิปประมวลผล ตอนนี้อาจจะยังแสดงข้อมูลได้ไม่ถูกต้อง 100% ครับ เพราะชื่อด้านบนสุดยังเป็น Snapdragon 636 อยู่เลย ของจริงต้องเป็น Snapdragon 665 แต่ตรงชื่อโมเดลนั้นกลับแสดงได้ถูกต้อง เจอแบบนี้ก็คงต้องรอแอปอัพเดตแหละนะ
ส่วนคะแนนการทดสอบด้วย AnTuTu ก็ทำได้ประมาณ 140,000 คะแนน จัดอยู่ในกลุ่มมือถือสเปคกลาง ๆ ลงมานิดนึง แต่ก็เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกม
แต่ฝั่งของการเชื่อมต่อ 4G LTE นั้น น่าเสียดายที่ตัวเครื่องไม่รองรับการรวมคลื่น (CA) นะครับ ยังดีที่รองรับ Dual VoLTE / VoWIFI และก็สามารถแชร์ hotspot ได้ทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz เลย (เลือกได้ทีละคลื่น)
ด้านของการใช้งานแบตเตอรี่ จากที่ผมทดสอบด้วยการเล่นเกมมา จากแบตประมาณ 80% เปิดแอปเล่นโซเชียลนิดหน่อย จากนั้นนำมาเล่น PUBG ประมาณ 10 นาที เล่น RoV จบหนึ่งตา แล้วก็เริ่มเล่น Honkai Impact 3 ตั้งแต่แรก (โหลดไฟล์เกมที่ขนาดใหญ่มาก ๆ ด้วย) รวมเวลาทั้งหมดประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า แบตลดลงมาเหลือประมาณ 50% ส่วนการชาร์จก็ทำได้ค่อนข้างดีครับ กับอะแดปเตอร์ 10W ที่แถมมาในกล่อง
ในเกม PUBG Mobile ระดับของกราฟิกที่สามารถปรับได้ก็จะสูงสุดแค่ระดับ Balanced เฟรมเรตระดับ Medium นะครับ ความไหลลื่นก็จัดว่าอยู่ในระดับเล่นได้ อาจจะมีกระตุกเล็กน้อยเป็นบางช่วง เช่น ช่วงหันหน้าเร็ว ๆ แนะนำว่าควรรันเกมจากใน Game Space จะดีที่สุด
ส่วน RoV ก็สบายหายห่วงครับ เปิดกราฟิกได้ระดับเกือบสุด เฟรมเรตอยู่ที่ประมาณ 59 fps แบบค่อนข้างนิ่ง
ปิดท้ายด้วยเกม Honkai Impact 3 ที่มีกราฟิกค่อนข้างเอาเรื่อง ก็สามารถเล่นเกมที่กราฟิกระดับ 4 โดยเปิดโหมดเฟรมเรต 60fps ได้ด้วย แต่จากที่ดูด้วยสายตา พบว่าเฟรมเรตจริง ๆ น่าจะไม่ถึง 60 แต่ยังไงก็ไม่ต่ำกว่า 30 fps ค่อนข้างตลอดเวลา
Overall
realme 5 เป็นมือถือรุ่นราคาไม่แพงอีกหนึ่งเครื่องที่ทำออกมาได้ดีทั้งส่วนของหน้าตา สเปคและความคุ้มค่า ด้วยจุดเด่นทั้งแบตเตอรี่ความจุสูง กล้องหลัง 4 ตัว และสเปคที่มีความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ กับการประหยัดพลังงาน ซึ่งเมื่อมองว่าราคาตัวเครื่องอยู่ในระดับประมาณครึ่งหมื่นเท่านั้น ทำให้ realme 5 เหมาะที่จะเป็นได้ทั้งมือถือเครื่องหลัก หรือจะเป็นเครื่องรองที่ไว้เน้นสแตนด์บายได้นาน ๆ เอาไว้เล่นเกมฆ่าเวลาได้สบาย กล้องถ่ายรูปก็อยู่ในระดับไว้ใจได้
ถ้าจะให้หาจุดที่ตัดคะแนนของ realme 5 ซักหน่อย ก็คงเป็นเรื่องการที่ตัวเครื่องไม่ได้รองรับระบบการชาร์จเร็ว ด้วยแบตเตอรี่ที่ความจุถึง 5000 mAh แต่กลับให้อะแดปเตอร์มาแค่ 10W แบบไม่มีระบบชาร์จเร็วมาให้ ซึ่งก็พอเข้าใจได้ครับว่าเก็บไว้ให้กับ realme 5 Pro ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องความไหลลื่นในการเล่นเกมบางเกม ที่อาจจะเจอจังหวะกระตุกเล็กน้อยอยู่บ้าง เช่นในเกม PUBG Mobile ตามที่รีวิวไปข้างบน ก็อาจจะต้องใช้การปรับระดับกราฟิกลงมาเพื่อลดภาระการประมวลผลลงครับ