Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»รีวิว realme 13 Series 5G นัมเบอร์ซีรี่ส์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมโหมด GT เพื่อการเล่นเกมขั้นกว่า
    Phone Review

    รีวิว realme 13 Series 5G นัมเบอร์ซีรี่ส์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมโหมด GT เพื่อการเล่นเกมขั้นกว่า

    ACHI-SPBy ACHI-SP17 ตุลาคม 2024Updated:17 ตุลาคม 2024
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email
    realme 13

    realme 13 Series 5G นัมเบอร์ซีรี่ส์รุ่นใหม่ซึ่งต่อยอดมาจาก realme 12 Series 5G ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดย realme 13 Series 5G นั้นจะประกอบไปด้วย realme 13 5G และ realme 13+ 5G มาพร้อมสเปคที่แรงยิ่งขึ้นและระบบระบายความร้อนใหม่ที่ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนเวลาใช้งาน โดยทางทีมงาน Spepchone นั้นได้รับ realme 13 Series มาครบทั้ง 2 รุ่นเลย

    สำหรับ realme 13 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นที่เราได้รับมานั้นต้องบอกเลยว่า realme 13+ 5G นั้นมีการเปลี่ยนแปลงแบบสุดๆ เลยทีเดียว เพราะสเปคที่ได้มานั้นถ้าเทียบกับรุ่นก่อนๆ จะต้องเป็นระดับ Pro แล้ว ส่วน realme 13 5G นั้นจะเป็นการอัปเกรดจาก realme 12 5G ให้ทันสมัยขึ้น


    realme 13+ 5G

    อย่างแรกขอเปิดตัว realme 13+ 5G ที่เรียกได้ว่าน่าสนใจก่อนเลย โดยตัว realme 13+ 5G นั้นมีการอัปเกรดสเปคขึ้นมาจากเดิมพอสมควร รวมถึงมีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านการเล่นเกมเข้าไปอย่างเต็มที่เลยด้วยครับ


    สเปคของ realme 13+ 5G

    • หน้าจอ : E4 AMOLED, ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (FHD+), Refresh Rate สูงสุด 120Hz, Touch Sampling Rate สูงสุด 1200Hz, ขอบเขตสี 100% DCI-P3, รองรับการแสดงผล Pro-XDR, ความสว่างสูงสุด 2000 นิต, รองรับฟีเจอร์ Rainwater Smart Touch
    • ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 7300 Energy
    • แรม : 12GB ชนิด LPDDR5
    • ความจุ : 256GB / 512GB ชนิด UFS 3.1 รองรับ MicroSD Card
    • กล้องหลัง :
      • ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.8, OIS (wide) | เซ็นเซอร์ Sony LYT-600
      • ตัวที่ 2 : 2MP, f/2.4 (mono)
    • กล้องหน้า : 16MP, f/2.4 (wide)
    • แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge
    • ระบบปฏิบัติการ : realme 5.0 บนพื้นฐาน Android 14
    • การเชื่อมต่อ :
      • 5G SA/NSA
      • Wi-Fi 6 Dual-band
      • Bluetooth 5.4
      • GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS
      • NFC
      • USB Type-C 2.0
    • เซ็นเซอร์ :
      • Fingerprint Sensor (ใต้หน้าจอ)
      • Accelerometer
      • Gyroscope
      • Proximity
      • Compass
      • Light Sensor
      • Flicker sensor
    • มาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น : IP65
    • ขนาด : 161.1 x 74.7 x 7.6 มม.
    • น้ำหนัก : 185 กรัม
    • สี : Victory Gold และ Dark Purple
    • ราคา :
      • รุ่น 256GB ราคา 11,999 บาท
      • รุ่น 512GB ราคา 13,999 บาท

    ดีไซน์ตัวเครื่อง

    ในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องนั้น realme 13+ 5G จะมีดีไซน์ที่ชื่อ Victory Speed Design โดยจะได้แรงบันดาลใจมาจากคำว่า “Victory” และ “Speed” มี Speedy Curve อยู่ที่บริเวณด้านล่างของกล้อง และส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีลวดลายเหมือนฟ้าผ่า ซึ่งทั้งคู่สื่อถึงความเร็วนั่นเอง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีการออกแบบมาเพื่อการเล่นอีกด้วย โดยการทำฝาหลังโค้ง 2.8D ทำให้ตัวเครื่องมีความเรียบเสมอ ทั้งยังช่วยให้ดูบางมากขึ้นด้วย บางเพียงแต่ 7.6 มม. เท่านั้นเอง

    สำหรับสีสันตัวเครื่องนั้นจะมีการวางจำหน่ายทั้งหมด 2 สีคือสี Victory Gold และ Dark Purple โดยสีที่ทางทีมงาน Spepchone ได้มานั้นจะเป็นสี Victory Gold และจากที่ตาเห็นจะออกแนว Rose Gold ซึ่งค่อนข้างสวยเลยทีเดียว

    ในส่วนของหน้าจอนั้นจะมาเป็นหน้าจอแบบ Punch hole ที่เป็นพาแนล AMOLED ขอบบางขนาด 6.67 นิ้ว มีความละเอียดระดับ FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz และรองรับอัตราการตอบสนองสูงสุดถึง 1200Hz แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือหน้าจอของ realme 13+ 5G นั้นรองรับการแสดงผลแบบ Pro-XDR อีกด้วยครับ

    สำหรับขอบรอบตัวเครื่องนั้นจะมาด้วยดีไซน์ขอบเหลี่ยม โดยที่ปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายจะไม่มีอะไรอยู่เลย ที่ด้านบนตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ลำโพงตัวเครื่องและช่องไมโครโฟนสำหรับตัดเสียง ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีลำโพงตัวเครื่อง (ลำโพงคู่สเตอริโอ) ไมโครโฟนรับเสียง พอร์ต USB-C และช่องใส่ซิม


    การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ

    ในด้านการใช้งานทั่วไปเรียกได้ว่าหายห่วงด้วยสเปคที่ให้มาแบบจัดเต็มทั้งหน้าจอ OLED ที่ตอบสนองเร็ว ชิปประมวลผลที่มีความแรง ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ แบตเตอรี่ที่อึด ถึก ทน ทำให้สามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ อีกทั้งด้วยบอดี้ที่ออกแบบมาให้จับถือได้สบายมือ ทำให้สามารถจับถือได้อย่างยาวนานโดยไม่เจ็บมือเลย

    ในด้านการชาร์จนั้น realme 13+ 5G นั้นจะมาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge ซึ่งเมื่อนำไปชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ที่มีแบตเตอรี่เหลือเพียง 1% แล้ว ใน 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 30% และเมื่อครบ 30 นาที จะได้แบตเตอรี่ถึง 73% ส่วนระยะเวลารวมตั้งแต่เริ่มชาร์จจนแบตเตอรี่เต็มจะใช้เวลารวมทั้งสิ้นเพียง 43 นาทีเท่านั้น นับว่าเป็นการชาร์จที่เร็วพอสมควร อีกทั้งตัวเครื่องยังไม่ค่อยร้อนอีกด้วย


    การเล่นเกม

    ในด้านการเล่นเกมรอบนี้ทาง realme ได้จัดเต็มให้กับ realme 13+ 5G อย่างมากเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 120Hz ที่ตอบสนองเร็วสุด ๆ ชิปประมวลผล Dimensity 7300 Energy ที่สามารถเล่นได้ทุกเกม พร้อมด้วย GT Mode ที่จะมาช่วยรีดประสิทธิภาพตัวเครื่องให้ออกมาถึงที่สุด (GT Mode ปกติจะมีแค่ใน GT Series เท่านั้นนะ) อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนใหม่อย่าง Stainless Steel Vapor Cooling System ที่เป็นระบบระบายความร้อนตัวเดียวกับที่อยู่ใน realme GT 6 โดยจะมีพื้นที่ระบายความร้อนขนาด 6050 ตร.มม. ซึ่งใหญ่ที่สุดในกลุ่มเลย

    สำหรับในการทดสอบเกมเราได้ทดสอบด้วยเกม RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact ซึ่งบอกเลยว่าน่าสนใจ เพราะต่อให้เล่นเกมนาน ๆ ตัวเครื่องก็แทบไม่ร้อนเลย อย่างมากก็แค่อุ่น ๆ เท่านั้น อีกทั้งเกมไหนที่รองรับการเล่นแบบ 90fps หรือมากกว่านั้นก็สามารถเล่นได้ โดยเกม RoV นั้นไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่หนักขนาดไหน fps ก็ 60fps ตลอด ไม่มีการลดเลยสักนิด ส่วนเกม PUBG Mobile นั้นถ้าตั้งค่าแบบ 90fps เวลาเล่น fps จะอยู่ที่ราวๆ 86fps – 89fps ไม่ว่าจะเล่นนานแค่ไหนก็จะไม่มีต่ำไปกว่านี้เลย ส่วน Genshin Impact นั้นถ้าเล่นแบบลื่น ๆ สามารถปรับสุดได้ที่ระดับกลาง แต่ต้องบอกเลยว่าความร้อนจะขึ้นค่อนข้างเร็วกว่าเกมอื่น หากว่าสามารถเบล่นเกม Genshin Impact ได้แบบลื่น ๆ แล้วก็แทบจะการันตีได้เลยว่าสามารถเล่นได้แทบทุกเกมเท่าที่มีตอนนี้


    การถ่ายภาพ

    ในด้านการถ่ายภาพนั้นก็นัยบว่าไม่เลวเลยสมกับที่เป็นจุดเด่นของนัมเบอร์ซีรี่ส์มายาวนาน เพราะภาพที่ได้ออกมาก็เรียกได้ว่าสวยคมชัดสมชื่อ ถึงจะน่าเสียดายที่ปีนี้มีการตัดเลนส์อัลตร้าไวด์ออกไปก็ตาม โดยกล้องใน realme 13+ 5G นั้นจะมีทั้งหมด 3 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP ที่เป็นเซ็นเซอร์ LYT-600 กล้อง Depth ความละเอียด 2MP และกล้องหน้าความละเอียด 16MP ซึ่งด้วยเทคโนโลยี Light Fusion Engine ที่อยู่ใน realme 13+ 5G ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูสวยคมชัด รายละเอียดครบ ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม

    ตัวอย่างภาพถ่าย


    realme 13 5G

    ต่อกันด้วยรุ่นเล็กกับการอัปเกรดเบา ๆ อย่าง realme 13 5G ที่เปิดตัยมาพร้อมกัน โดยเมื่อเทียบกับ realme 12 5G ที่เป็นรุ่นก่อนหน้าแล้วต้องบอกเลยว่าเป็นการอัปเกรดแบบนิด ๆ ปรับสเปคให้ทันสมัยขึ้น พร้อมด้วยดีไซน์ใหม่ที่สวยงามขึ้น


    สเปคของ realme 13 5G

    • หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 6.72 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (FHD+), Refresh Rate สูงสุด 120Hz, Touch Sampling Rate สูงสุด 240Hz, รองรับฟีเจอร์ Rainwater Smart Touch
    • ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 6300
    • แรม : 12GB ชนิด LPDDR4X
    • ความจุ : 256GB ชนิด UFS 202 รองรับ MicroSD Card
    • กล้องหลัง :
      • ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.8, OIS (wide) | เซ็นเซอร์ Samsung S5KJNS
      • ตัวที่ 2 : 2MP, f/2.4 (mono)
    • กล้องหน้า : 16MP, f/2.4 (wide)
    • แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W Ultra Charge
    • ระบบปฏิบัติการ : realme 5.0 บนพื้นฐาน Android 14
    • การเชื่อมต่อ :
      • 5G SA/NSA
      • Wi-Fi 5 Dual-band
      • Bluetooth 5.3
      • GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS
      • NFC
      • USB Type-C 2.0
    • เซ็นเซอร์ :
      • Fingerprint Sensor (ใต้หน้าจอ)
      • Accelerometer
      • Gyroscope
      • Proximity
      • Compass
      • Light Sensor
      • Flicker sensor
    • มาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น : IP64
    • ขนาด : 165.6 x 76.1 x 7.79 มม.
    • น้ำหนัก : 190 กรัม
    • สี : Speed Green และ Dark Purple
    • ราคา : 8,999 บาท

    ดีไซน์ตัวเครื่อง

    ในเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องนั้นจะเป็น Victory Speed Design แบบเดียวกับ realme 13+ 5G แต่จะมีจุดที่แตกต่างกันก็คือขอบริมตัวเครื่องที่ไม่มีความโค้งเหมือน realme 13+ 5G ส่วนในเรื่องสีสันนั้นจะมา 2 สีเช่นเดียวกับ realm 13+ 5G และมีสีที่เหมือนกันคือสี Dark Purple ส่วนอีกสีที่แตกต่างกันคือสี Speed Green ซึ่งจะเป็นสีเขียวแบบสว่าง ๆ แนวพาสเทล

    ในส่วนของหน้าจอนั้น realme 13 5G จะมาเป็นหน้าจอแบบ Punch hole พาแนล IPS ขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มาพร้อมอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz แต่ความดีงามของหน้าจอใน realme 13 5G ก็คือถึงแม้จะเป็นจอ IPS แต่ขอบจอเรียกได้ว่าบางมาก บางกว่าจอ IPS ในรุ่นอื่น ๆ

    สำหรับขอบตัวเครื่องนั้นจะมาด้วยขอบเหลี่ยมแบบลบมุมที่มีปุ่มทั้งหมดอยู่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายจะโล่ง ๆ ไม่มีอะไรเลย ที่ด้านบนจะมีรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียง ลำโพงตัวเครื่อง และช่องใส่ซิม ส่วนด้านล่างจะมีลำโพงตัวเครื่อง พอร์ต USB-C ไมโครโฟนรับเสียง และช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.


    การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ

    ในเรื่องของการใช้งานนั้นเรียกได้ว่าหายห่วง ด้วยชิปประมวลผล Dimensity 6300 ที่มีทั้งความแรงและการจัดการพลังงานที่ดี ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้อย่างยาวนาน แถมด้วยการที่มีลำโพงคู่ก็ช่วยให้การดูหนังหรือฟังเพลงได้อรรถรสมากขึ้นด้วย สำหรับคนที่มองว่าตัวเครื่องใช้จอเป็น IPS แล้วสีจะไม่ค่อยสดสวย บอกเลยไม่ต้องห่วง เพราะสีสันจอสวยสดพอสมควรเลย หนึ่งความน่าสนใจของ realme 13 5G ก็คือมาพร้อมฟีเจอร์ Mini Capsule ด้วย (realme 13+ 5G ไม่มีนะ) ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การใช้งานได้ง่ายขึ้นพอสมควร เพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยแจ้งเตือนสถานะต่าง ๆ ให้เราได้รู้แบบง่าย ๆ ด้วยครับ

    ส่วนในด้านการชาร์จนั้น realm 13 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh พร้อมด้วยระบบชาร์จเร็ว 45W Ultra Charge เราได้ทดลองด้วยการจัดเวลาชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือ 1% ในช่วง 10 นาทีแรกแบตเตอรี่จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 20% พอครบ 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่ 48% ส่วนระยเวลาชาร์จรวมตั้งแต่ 1% – 100% จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 21 นาที ซึ่งระยะเวลาระดับนับว่าเป็นมาตราฐานของสมาร์ทโฟนที่มีระบบชาร์จเร็วในปัจจุบันนี้


    การเล่นเกม

    ในด้านการเล่นเกมนั้น realme 13 5G สามารถทำได้ดีเช่นกัน ถึงแม้จะปรับกราฟิกสูงไม่ได้ในบางเกมก็ตาม แต่ในเรื่องความเสถียรและความร้อนก็ทำออกมาได้ดี เพราะใน realme 13 5G นั้นจะมี GT mode ที่จะช่วยรัดประสิทธิภาพตัวเครื่องออกมาแล้วคงความเสถียรให้คงที่ได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling System แบบเดียวกับที่มีใน realme 13+ 5G เพียงแต่ขนาดพื้นที่ระบายความร้อนจะมีเล็กกว่าอยู่ที่ 2249 ตร.มม. ถึงอย่างนั้นก็นับว่าใหญ่มากเมื่อเทียบกับในเรทราคาเดียวกัน

    สำหรับการทดลองเล่นเกมเราทดลองด้วยเกม RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact เช่นเดียวกับที่ลองใน realme 13+ 5G เลย โดยตัวเครื่องสามารถเล่นได้ทุกเกม ทว่าจะไม่สามารถปรับกราฟิกสูงได้ในบางเกม อย่างเช่น PUBG Mobile นั้นสามารถปรับได้แค่กราฟิกกลาง 30fps ส่วน Genshin Impact นั้นต้องเล่นด้วยการตั้งต่าที่ต่ำที่สุดเพื่อความลื่นไหล ส่วน RoV นั้นสามารถปรับสุด 60fps เล่นได้สบาย ซึ่งความเจ๋งก็คือไม่ว่าจะเกมอะไร fps ก็แทบไม่สวิงเลย อย่างเช่น RoV นี่ติดเลข 60fps ตลอดเวลาเลยทีเดียว


    การถ่ายภาพ

    สำหรับในเรื่องการถ่ายภาพบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนอยู่พอสมควร โดยที่ realme 13 5G จะมาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 50MP กล้อง Depth ความละเอียด 2MP และกล้องหน้าความละเอียด 16MP ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้ว ตัวกล้องหลักจะลดความละเอียดจาก 108MP เหลือ 50MP และกล้องหน้าจะเพิ่มความละเอียดจาก 8MP เป็น 16 MP

    โดยจากที่ได้เอาไปลองถ่ายภาพมาแล้วนั้นบอกเลยว่าใช้ได้เลยทีเดียว ทั้งแสง-เงา รายละเอียด และความคมชัดก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี แถมในการถ่ายวิดีโอก็นับว่าดีงามขึ้น เพราะสามารถบันทึกวิดีโอที่ความบละเอียด 2K 30fps ได้แล้ว เนื่องจากในรุ่นก่อนบันทึกได้แค่ 1080p 30fps เท่านั้น นับว่าเป็นการก้าวกระโดดพอสมควรเลย

    ตัวอย่างภาพถ่าย


    สรุปการรีวิว realme 13 Series 5G

    จากการที่ได้ลองเอา realme 13 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นไปลองเล่นมาบอกเลยว่า realme 13+ 5G คราวนี้น่าสนใจมาก เพราะอัดสเปคมาให้แบบจัดเต็มพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือการถ่ายภาพก็ทำออกมาได้ดี แถมราคาก็ถือว่าไม่ได้แพงเกินไปด้วย ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ราคากลาง ๆ แต่เล่นเกมได้ดี ถ่ายภาพได้สวย realme 13+ 5G นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

    ส่วน realme 13 5G นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่เรียกได้ว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ในเรทราคาเดียวกัน เพราะได้ทั้งจอ 120Hz ชิปที่เล่นได้เฟรมเรทนิ่ง ๆ ความจุสูง ๆ และแบตเตอรี่อึด ถึก ทน ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาไม่ถึงหมื่นแต่เล่นเกมได้นิ่ง ๆ ไม่ค่อยร้อน realme 13 5G ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ

    สำหรับผู้ที่สนใจ realme 13 Series 5G นั้นจะมีการเปิดพรีออเดอร์ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศ* ตั้งเเต่วันที่ 17 – 24 ต.ต. 2567 รับฟรี!* ของแถมสุดพิเศษมากมายมูลค่ากว่า 10,497.-* รายละเอียดเพิ่มเติมที่ realme Thailand และสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 25 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป

    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด


    รุ่นจุดเด่นข้อสังเกต
    realme 13 5G– ราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย
    – มาพร้อมหน้าจอ 120Hz
    – ชิป Dimensity 6300 ที่ทั้งแรงและประหยัดพลังงาน
    – มาพร้อมความจุ 256GB และสามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ด้วย
    – กล้อง 50MP มีกันสั่น OIS และสามารถบันทึกวิดีโอ 2K ได้
    – มาพร้อมระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling System ที่เป็นเทคโนโลยีเดียวกับใน realme GT 6
    – มี GT Mode ช่วยให้เล่นเกมได้เสถียร
    – สเปคหลายส่วนไม่ค่อยแตกต่างจากรุ่นก่อนเท่าไร
    – ไม่สามารถปรับกราฟิกสูง ๆ ได้ในหลาย ๆ เกม
    realme 13+ 5G– มาพร้อมจอ AMOLED 120Hz
    – ได้ชิป Dimensity 7300 Energy ที่แรงน้อง ๆ เรือธง
    – มีความจุ 512GB ให้เลือกด้วย
    – ได้ระบบชาร์จเร็ว 80W
    – มาพร้อมระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling System ที่เป็นเทคโนโลยีเดียวกับใน realme GT 6
    – มี GT Mode ช่วยให้เล่นเกมได้เสถียร
    – รองรับการเล่นเกม 90/120fps
    – มีการตัดเลนส์ Ultrawide ออก

    Realme realme 13 5G realme 13 Series 5G Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ACHI-SP

    Related Posts

    เตรียมพบ “realme 14T 5G” จอเทพ เกมลื่น แบตอึดยันเช้า! Performance Dominator น้องใหม่ของสายเกมตัวจริง เปิดตัว 15 พฤษภาคมนี้

    9 พฤษภาคม 2025

    Power That Never Stops! เตรียมเปิดตัว realme GT 7 Series สร้างนิยามใหม่ของ Flagship Killer 2025 ครั้งแรกในโลก 27 พฤษภาคมนี้ที่กรุงปารีส

    8 พฤษภาคม 2025

    รีวิว Alldocube iPlay 50 mini และ iPlay 60 Pad Pro แท็บเล็ตตัวคุ้มที่มาขายไทยอย่างเป็นทางการ

    7 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    เตรียมพบ “realme 14T 5G” จอเทพ เกมลื่น แบตอึดยันเช้า! Performance Dominator น้องใหม่ของสายเกมตัวจริง เปิดตัว 15 พฤษภาคมนี้

    9 พฤษภาคม 2025

    ลือ Snapdragon 8 Elite 2 จะใช้คอร์ Oryon Gen 2 พร้อม NPU ระดับ 100 TOPS

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X