realme 13 Series 5G นัมเบอร์ซีรี่ส์รุ่นใหม่ซึ่งต่อยอดมาจาก realme 12 Series 5G ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดย realme 13 Series 5G นั้นจะประกอบไปด้วย realme 13 5G และ realme 13+ 5G มาพร้อมสเปคที่แรงยิ่งขึ้นและระบบระบายความร้อนใหม่ที่ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนเวลาใช้งาน โดยทางทีมงาน Spepchone นั้นได้รับ realme 13 Series มาครบทั้ง 2 รุ่นเลย
สำหรับ realme 13 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นที่เราได้รับมานั้นต้องบอกเลยว่า realme 13+ 5G นั้นมีการเปลี่ยนแปลงแบบสุดๆ เลยทีเดียว เพราะสเปคที่ได้มานั้นถ้าเทียบกับรุ่นก่อนๆ จะต้องเป็นระดับ Pro แล้ว ส่วน realme 13 5G นั้นจะเป็นการอัปเกรดจาก realme 12 5G ให้ทันสมัยขึ้น
realme 13+ 5G
อย่างแรกขอเปิดตัว realme 13+ 5G ที่เรียกได้ว่าน่าสนใจก่อนเลย โดยตัว realme 13+ 5G นั้นมีการอัปเกรดสเปคขึ้นมาจากเดิมพอสมควร รวมถึงมีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านการเล่นเกมเข้าไปอย่างเต็มที่เลยด้วยครับ
สเปคของ realme 13+ 5G
- หน้าจอ : E4 AMOLED, ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (FHD+), Refresh Rate สูงสุด 120Hz, Touch Sampling Rate สูงสุด 1200Hz, ขอบเขตสี 100% DCI-P3, รองรับการแสดงผล Pro-XDR, ความสว่างสูงสุด 2000 นิต, รองรับฟีเจอร์ Rainwater Smart Touch
- ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 7300 Energy
- แรม : 12GB ชนิด LPDDR5
- ความจุ : 256GB / 512GB ชนิด UFS 3.1 รองรับ MicroSD Card
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.8, OIS (wide) | เซ็นเซอร์ Sony LYT-600
- ตัวที่ 2 : 2MP, f/2.4 (mono)
- กล้องหน้า : 16MP, f/2.4 (wide)
- แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge
- ระบบปฏิบัติการ : realme 5.0 บนพื้นฐาน Android 14
- การเชื่อมต่อ :
- 5G SA/NSA
- Wi-Fi 6 Dual-band
- Bluetooth 5.4
- GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint Sensor (ใต้หน้าจอ)
- Accelerometer
- Gyroscope
- Proximity
- Compass
- Light Sensor
- Flicker sensor
- มาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น : IP65
- ขนาด : 161.1 x 74.7 x 7.6 มม.
- น้ำหนัก : 185 กรัม
- สี : Victory Gold และ Dark Purple
- ราคา :
- รุ่น 256GB ราคา 11,999 บาท
- รุ่น 512GB ราคา 13,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องนั้น realme 13+ 5G จะมีดีไซน์ที่ชื่อ Victory Speed Design โดยจะได้แรงบันดาลใจมาจากคำว่า “Victory” และ “Speed” มี Speedy Curve อยู่ที่บริเวณด้านล่างของกล้อง และส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีลวดลายเหมือนฟ้าผ่า ซึ่งทั้งคู่สื่อถึงความเร็วนั่นเอง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีการออกแบบมาเพื่อการเล่นอีกด้วย โดยการทำฝาหลังโค้ง 2.8D ทำให้ตัวเครื่องมีความเรียบเสมอ ทั้งยังช่วยให้ดูบางมากขึ้นด้วย บางเพียงแต่ 7.6 มม. เท่านั้นเอง
สำหรับสีสันตัวเครื่องนั้นจะมีการวางจำหน่ายทั้งหมด 2 สีคือสี Victory Gold และ Dark Purple โดยสีที่ทางทีมงาน Spepchone ได้มานั้นจะเป็นสี Victory Gold และจากที่ตาเห็นจะออกแนว Rose Gold ซึ่งค่อนข้างสวยเลยทีเดียว
ในส่วนของหน้าจอนั้นจะมาเป็นหน้าจอแบบ Punch hole ที่เป็นพาแนล AMOLED ขอบบางขนาด 6.67 นิ้ว มีความละเอียดระดับ FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz และรองรับอัตราการตอบสนองสูงสุดถึง 1200Hz แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือหน้าจอของ realme 13+ 5G นั้นรองรับการแสดงผลแบบ Pro-XDR อีกด้วยครับ
สำหรับขอบรอบตัวเครื่องนั้นจะมาด้วยดีไซน์ขอบเหลี่ยม โดยที่ปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายจะไม่มีอะไรอยู่เลย ที่ด้านบนตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ลำโพงตัวเครื่องและช่องไมโครโฟนสำหรับตัดเสียง ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีลำโพงตัวเครื่อง (ลำโพงคู่สเตอริโอ) ไมโครโฟนรับเสียง พอร์ต USB-C และช่องใส่ซิม
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในด้านการใช้งานทั่วไปเรียกได้ว่าหายห่วงด้วยสเปคที่ให้มาแบบจัดเต็มทั้งหน้าจอ OLED ที่ตอบสนองเร็ว ชิปประมวลผลที่มีความแรง ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ แบตเตอรี่ที่อึด ถึก ทน ทำให้สามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ อีกทั้งด้วยบอดี้ที่ออกแบบมาให้จับถือได้สบายมือ ทำให้สามารถจับถือได้อย่างยาวนานโดยไม่เจ็บมือเลย
ในด้านการชาร์จนั้น realme 13+ 5G นั้นจะมาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge ซึ่งเมื่อนำไปชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ที่มีแบตเตอรี่เหลือเพียง 1% แล้ว ใน 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 30% และเมื่อครบ 30 นาที จะได้แบตเตอรี่ถึง 73% ส่วนระยะเวลารวมตั้งแต่เริ่มชาร์จจนแบตเตอรี่เต็มจะใช้เวลารวมทั้งสิ้นเพียง 43 นาทีเท่านั้น นับว่าเป็นการชาร์จที่เร็วพอสมควร อีกทั้งตัวเครื่องยังไม่ค่อยร้อนอีกด้วย
การเล่นเกม
ในด้านการเล่นเกมรอบนี้ทาง realme ได้จัดเต็มให้กับ realme 13+ 5G อย่างมากเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 120Hz ที่ตอบสนองเร็วสุด ๆ ชิปประมวลผล Dimensity 7300 Energy ที่สามารถเล่นได้ทุกเกม พร้อมด้วย GT Mode ที่จะมาช่วยรีดประสิทธิภาพตัวเครื่องให้ออกมาถึงที่สุด (GT Mode ปกติจะมีแค่ใน GT Series เท่านั้นนะ) อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนใหม่อย่าง Stainless Steel Vapor Cooling System ที่เป็นระบบระบายความร้อนตัวเดียวกับที่อยู่ใน realme GT 6 โดยจะมีพื้นที่ระบายความร้อนขนาด 6050 ตร.มม. ซึ่งใหญ่ที่สุดในกลุ่มเลย
สำหรับในการทดสอบเกมเราได้ทดสอบด้วยเกม RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact ซึ่งบอกเลยว่าน่าสนใจ เพราะต่อให้เล่นเกมนาน ๆ ตัวเครื่องก็แทบไม่ร้อนเลย อย่างมากก็แค่อุ่น ๆ เท่านั้น อีกทั้งเกมไหนที่รองรับการเล่นแบบ 90fps หรือมากกว่านั้นก็สามารถเล่นได้ โดยเกม RoV นั้นไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่หนักขนาดไหน fps ก็ 60fps ตลอด ไม่มีการลดเลยสักนิด ส่วนเกม PUBG Mobile นั้นถ้าตั้งค่าแบบ 90fps เวลาเล่น fps จะอยู่ที่ราวๆ 86fps – 89fps ไม่ว่าจะเล่นนานแค่ไหนก็จะไม่มีต่ำไปกว่านี้เลย ส่วน Genshin Impact นั้นถ้าเล่นแบบลื่น ๆ สามารถปรับสุดได้ที่ระดับกลาง แต่ต้องบอกเลยว่าความร้อนจะขึ้นค่อนข้างเร็วกว่าเกมอื่น หากว่าสามารถเบล่นเกม Genshin Impact ได้แบบลื่น ๆ แล้วก็แทบจะการันตีได้เลยว่าสามารถเล่นได้แทบทุกเกมเท่าที่มีตอนนี้
การถ่ายภาพ
ในด้านการถ่ายภาพนั้นก็นัยบว่าไม่เลวเลยสมกับที่เป็นจุดเด่นของนัมเบอร์ซีรี่ส์มายาวนาน เพราะภาพที่ได้ออกมาก็เรียกได้ว่าสวยคมชัดสมชื่อ ถึงจะน่าเสียดายที่ปีนี้มีการตัดเลนส์อัลตร้าไวด์ออกไปก็ตาม โดยกล้องใน realme 13+ 5G นั้นจะมีทั้งหมด 3 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP ที่เป็นเซ็นเซอร์ LYT-600 กล้อง Depth ความละเอียด 2MP และกล้องหน้าความละเอียด 16MP ซึ่งด้วยเทคโนโลยี Light Fusion Engine ที่อยู่ใน realme 13+ 5G ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูสวยคมชัด รายละเอียดครบ ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม
ตัวอย่างภาพถ่าย
realme 13 5G
ต่อกันด้วยรุ่นเล็กกับการอัปเกรดเบา ๆ อย่าง realme 13 5G ที่เปิดตัยมาพร้อมกัน โดยเมื่อเทียบกับ realme 12 5G ที่เป็นรุ่นก่อนหน้าแล้วต้องบอกเลยว่าเป็นการอัปเกรดแบบนิด ๆ ปรับสเปคให้ทันสมัยขึ้น พร้อมด้วยดีไซน์ใหม่ที่สวยงามขึ้น
สเปคของ realme 13 5G
- หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 6.72 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (FHD+), Refresh Rate สูงสุด 120Hz, Touch Sampling Rate สูงสุด 240Hz, รองรับฟีเจอร์ Rainwater Smart Touch
- ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 6300
- แรม : 12GB ชนิด LPDDR4X
- ความจุ : 256GB ชนิด UFS 202 รองรับ MicroSD Card
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.8, OIS (wide) | เซ็นเซอร์ Samsung S5KJNS
- ตัวที่ 2 : 2MP, f/2.4 (mono)
- กล้องหน้า : 16MP, f/2.4 (wide)
- แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W Ultra Charge
- ระบบปฏิบัติการ : realme 5.0 บนพื้นฐาน Android 14
- การเชื่อมต่อ :
- 5G SA/NSA
- Wi-Fi 5 Dual-band
- Bluetooth 5.3
- GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint Sensor (ใต้หน้าจอ)
- Accelerometer
- Gyroscope
- Proximity
- Compass
- Light Sensor
- Flicker sensor
- มาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น : IP64
- ขนาด : 165.6 x 76.1 x 7.79 มม.
- น้ำหนัก : 190 กรัม
- สี : Speed Green และ Dark Purple
- ราคา : 8,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องนั้นจะเป็น Victory Speed Design แบบเดียวกับ realme 13+ 5G แต่จะมีจุดที่แตกต่างกันก็คือขอบริมตัวเครื่องที่ไม่มีความโค้งเหมือน realme 13+ 5G ส่วนในเรื่องสีสันนั้นจะมา 2 สีเช่นเดียวกับ realm 13+ 5G และมีสีที่เหมือนกันคือสี Dark Purple ส่วนอีกสีที่แตกต่างกันคือสี Speed Green ซึ่งจะเป็นสีเขียวแบบสว่าง ๆ แนวพาสเทล
ในส่วนของหน้าจอนั้น realme 13 5G จะมาเป็นหน้าจอแบบ Punch hole พาแนล IPS ขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มาพร้อมอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz แต่ความดีงามของหน้าจอใน realme 13 5G ก็คือถึงแม้จะเป็นจอ IPS แต่ขอบจอเรียกได้ว่าบางมาก บางกว่าจอ IPS ในรุ่นอื่น ๆ
สำหรับขอบตัวเครื่องนั้นจะมาด้วยขอบเหลี่ยมแบบลบมุมที่มีปุ่มทั้งหมดอยู่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายจะโล่ง ๆ ไม่มีอะไรเลย ที่ด้านบนจะมีรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียง ลำโพงตัวเครื่อง และช่องใส่ซิม ส่วนด้านล่างจะมีลำโพงตัวเครื่อง พอร์ต USB-C ไมโครโฟนรับเสียง และช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานนั้นเรียกได้ว่าหายห่วง ด้วยชิปประมวลผล Dimensity 6300 ที่มีทั้งความแรงและการจัดการพลังงานที่ดี ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้อย่างยาวนาน แถมด้วยการที่มีลำโพงคู่ก็ช่วยให้การดูหนังหรือฟังเพลงได้อรรถรสมากขึ้นด้วย สำหรับคนที่มองว่าตัวเครื่องใช้จอเป็น IPS แล้วสีจะไม่ค่อยสดสวย บอกเลยไม่ต้องห่วง เพราะสีสันจอสวยสดพอสมควรเลย หนึ่งความน่าสนใจของ realme 13 5G ก็คือมาพร้อมฟีเจอร์ Mini Capsule ด้วย (realme 13+ 5G ไม่มีนะ) ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การใช้งานได้ง่ายขึ้นพอสมควร เพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยแจ้งเตือนสถานะต่าง ๆ ให้เราได้รู้แบบง่าย ๆ ด้วยครับ
ส่วนในด้านการชาร์จนั้น realm 13 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh พร้อมด้วยระบบชาร์จเร็ว 45W Ultra Charge เราได้ทดลองด้วยการจัดเวลาชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือ 1% ในช่วง 10 นาทีแรกแบตเตอรี่จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 20% พอครบ 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่ 48% ส่วนระยเวลาชาร์จรวมตั้งแต่ 1% – 100% จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 21 นาที ซึ่งระยะเวลาระดับนับว่าเป็นมาตราฐานของสมาร์ทโฟนที่มีระบบชาร์จเร็วในปัจจุบันนี้
การเล่นเกม
ในด้านการเล่นเกมนั้น realme 13 5G สามารถทำได้ดีเช่นกัน ถึงแม้จะปรับกราฟิกสูงไม่ได้ในบางเกมก็ตาม แต่ในเรื่องความเสถียรและความร้อนก็ทำออกมาได้ดี เพราะใน realme 13 5G นั้นจะมี GT mode ที่จะช่วยรัดประสิทธิภาพตัวเครื่องออกมาแล้วคงความเสถียรให้คงที่ได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling System แบบเดียวกับที่มีใน realme 13+ 5G เพียงแต่ขนาดพื้นที่ระบายความร้อนจะมีเล็กกว่าอยู่ที่ 2249 ตร.มม. ถึงอย่างนั้นก็นับว่าใหญ่มากเมื่อเทียบกับในเรทราคาเดียวกัน
สำหรับการทดลองเล่นเกมเราทดลองด้วยเกม RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact เช่นเดียวกับที่ลองใน realme 13+ 5G เลย โดยตัวเครื่องสามารถเล่นได้ทุกเกม ทว่าจะไม่สามารถปรับกราฟิกสูงได้ในบางเกม อย่างเช่น PUBG Mobile นั้นสามารถปรับได้แค่กราฟิกกลาง 30fps ส่วน Genshin Impact นั้นต้องเล่นด้วยการตั้งต่าที่ต่ำที่สุดเพื่อความลื่นไหล ส่วน RoV นั้นสามารถปรับสุด 60fps เล่นได้สบาย ซึ่งความเจ๋งก็คือไม่ว่าจะเกมอะไร fps ก็แทบไม่สวิงเลย อย่างเช่น RoV นี่ติดเลข 60fps ตลอดเวลาเลยทีเดียว
การถ่ายภาพ
สำหรับในเรื่องการถ่ายภาพบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนอยู่พอสมควร โดยที่ realme 13 5G จะมาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 50MP กล้อง Depth ความละเอียด 2MP และกล้องหน้าความละเอียด 16MP ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้ว ตัวกล้องหลักจะลดความละเอียดจาก 108MP เหลือ 50MP และกล้องหน้าจะเพิ่มความละเอียดจาก 8MP เป็น 16 MP
โดยจากที่ได้เอาไปลองถ่ายภาพมาแล้วนั้นบอกเลยว่าใช้ได้เลยทีเดียว ทั้งแสง-เงา รายละเอียด และความคมชัดก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี แถมในการถ่ายวิดีโอก็นับว่าดีงามขึ้น เพราะสามารถบันทึกวิดีโอที่ความบละเอียด 2K 30fps ได้แล้ว เนื่องจากในรุ่นก่อนบันทึกได้แค่ 1080p 30fps เท่านั้น นับว่าเป็นการก้าวกระโดดพอสมควรเลย
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว realme 13 Series 5G
จากการที่ได้ลองเอา realme 13 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นไปลองเล่นมาบอกเลยว่า realme 13+ 5G คราวนี้น่าสนใจมาก เพราะอัดสเปคมาให้แบบจัดเต็มพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือการถ่ายภาพก็ทำออกมาได้ดี แถมราคาก็ถือว่าไม่ได้แพงเกินไปด้วย ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ราคากลาง ๆ แต่เล่นเกมได้ดี ถ่ายภาพได้สวย realme 13+ 5G นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ส่วน realme 13 5G นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่เรียกได้ว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ในเรทราคาเดียวกัน เพราะได้ทั้งจอ 120Hz ชิปที่เล่นได้เฟรมเรทนิ่ง ๆ ความจุสูง ๆ และแบตเตอรี่อึด ถึก ทน ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาไม่ถึงหมื่นแต่เล่นเกมได้นิ่ง ๆ ไม่ค่อยร้อน realme 13 5G ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ
สำหรับผู้ที่สนใจ realme 13 Series 5G นั้นจะมีการเปิดพรีออเดอร์ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศ* ตั้งเเต่วันที่ 17 – 24 ต.ต. 2567 รับฟรี!* ของแถมสุดพิเศษมากมายมูลค่ากว่า 10,497.-* รายละเอียดเพิ่มเติมที่ realme Thailand และสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 25 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
รุ่น | จุดเด่น | ข้อสังเกต |
---|---|---|
realme 13 5G | – ราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย – มาพร้อมหน้าจอ 120Hz – ชิป Dimensity 6300 ที่ทั้งแรงและประหยัดพลังงาน – มาพร้อมความจุ 256GB และสามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ด้วย – กล้อง 50MP มีกันสั่น OIS และสามารถบันทึกวิดีโอ 2K ได้ – มาพร้อมระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling System ที่เป็นเทคโนโลยีเดียวกับใน realme GT 6 – มี GT Mode ช่วยให้เล่นเกมได้เสถียร | – สเปคหลายส่วนไม่ค่อยแตกต่างจากรุ่นก่อนเท่าไร – ไม่สามารถปรับกราฟิกสูง ๆ ได้ในหลาย ๆ เกม |
realme 13+ 5G | – มาพร้อมจอ AMOLED 120Hz – ได้ชิป Dimensity 7300 Energy ที่แรงน้อง ๆ เรือธง – มีความจุ 512GB ให้เลือกด้วย – ได้ระบบชาร์จเร็ว 80W – มาพร้อมระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling System ที่เป็นเทคโนโลยีเดียวกับใน realme GT 6 – มี GT Mode ช่วยให้เล่นเกมได้เสถียร – รองรับการเล่นเกม 90/120fps | – มีการตัดเลนส์ Ultrawide ออก |