realme 10 Pro+ ตัวท๊อปของซีรี่ส์ realme 10 Series ซึ่งเป็นมือถือระดับกลางรุ่นใหม่ของ realme มาพร้อมหน้าจอที่มา PWM dimming สูงถึง 2160Hz ระดับเดียวกับมือถือเรือธง มีชิปประมวลผลเป็น Dimensity 920 ให้กล้องความละเอียดสูงถึง 108MP และรองรับระบบชาร์จเร็ว 67W ซึ่งหนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือความเบาบางที่มาพร้อมความบางเพียง 7.78 มม. และเบาเพียง 173 กรัมเท่านั้น หลังจากที่เราได้เอาเครื่องไปลองเล่นมาเราจะมาเล่าให้ฟังว่าตัวเครื่องเป็นอย่างไรบ้าง โดย realme 10 Pro+ ที่เราได้มานั้นจะมีทั้งสี Hyperspace และ Dark Matter
สเปคของ realme 10 Pro+
- หน้าจอ : AMOLED, ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด 2,412×1,080 พิกเซล (Full-HD+), Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 360Hz, PWM dimming 2160Hz, Instantaneous Sampling Rate 1260Hz, 1.07 พันล้านสี, 100% DCI-P3, HDR10+
- ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 920
- แรม : 12GB แบบ LPDDR4x รองรับ Extended RAM สูงสุด 12GB
- ความจุ : 256GB แบบ UFS 2.2
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 108MP, f/1.75 (wide)
- ตัวที่ 2 : 8MP, f/2.2, 112° (ultrawide)
- ตัวที่ 3 : 2MP, f/2.4 (macro)
- กล้องหน้า : 16MP, f/2.45
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 67W Flash Charging
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
- การเชื่อมต่อ :
- 5G Dual Standby
- Wi-Fi 6 Dual-band
- Bluetooth 5.2
- GPS / Glonass / Beidou / Galileo / QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ใต้หน้าจอ, Optical)
- Accelerometer
- Ambient light
- Proximity
- Gyroscope
- Geomagnetic
- ขนาด : 161.5 x 73.9 x 7.78 – 7.95 มม.
- น้ำหนัก : 173 – 175 กรัม
- สี : Hyperspace, Dark Matter
- ราคา : 15,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในส่วนของหน้าจอนั้นจะมาเป็นหน้าจอแบบชอบโค้ง Curved AMOELD ที่มีขนาดจอแสดงผลถึง 6.7 นิ้ว และมความละเอียดระดับ Full-HD+ มาพร้อม Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz, Touch Sampling Rate สูงถึง 360Hz รองรับการแสดงผลแบบ 10-bit และที่สำคัญรองรับ PWM dimming สูงถึง 2160Hz และ Instantaneous Sampling Rate 1260Hz ซึ่งปกติจะเจอได้แต่ในรุ่นเรือธงเท่านั้น ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องแบบ Punch-Hole ความละเอียด 16MP ถัดขึ้นไปเล็กน้อยจะเป็นลำโพงไว้ใช้สนทนา
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะมีโมดูลกล้องอยู่ 2 วง โดยวงแรกที่อยู่ตรงมุมจะเป็นกล้องหลักความละเอียด 108MP ส่วนวงถัดมาจะมีกล้อง Ultra-Wide และ Macro อยู่ ถัดจากโมดูลกล้องทั้ง 2 มาฝั่งขวาเล้กน้อยจะมีไฟแฟลชแบบ LED อยู่ สำหรับในส่วนดีไซน์หลังเครื่องนั้นสี Hyperspace จะมาแบบแนว Gradient ระหว่างสีฟ้าและเงิน โดยเมื่อกระทบแสงจะมีลวดลายเป็นวงลากออกมาจากตัวโมดูลกล้อง และด้วยพื้นผิวแบบมันเงาช่วยเพิ่มความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี ส่วนสี Dark Matter นั้นจะเป็นสีดำล้วนแทรกด้วยกากเพชร ทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามแบบลึกลับเหมือนสะสารมืดในอวกาศ
สำหรับรอบๆ ตัวเครื่องนั้นปุ่มทั้งหมดจะรวมกับอยู่ที่ฝั่งขวาไม่ว่าจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่มเปิด-ปิด ที่ด้านบนจะมีลำโพงและรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ที่ด้านล่างจะมีลำโพงอีกตัว, พอร์ต USB-C, รูไมโครโฟสสำหรับใช้สนทนา และช่องใส่ซิมอยู่ สำหรับใั่งซ้านของตัวเครื่องจะไม่มีอะไรอยู่เลย
ระบบปฏิบัติการ
สำหรับ UI ของ realme 10 Pro+ จะมาพร้อม realme UI 4.0 ที่เป็น Android 13 ทันทีที่แกะออกมาจากกล่อง ซึ่งการดีไซน์ไอคอนเป็นวงกลมมีความ Minimal แอปฯ ทุกอย่างจะอยู่บนหน้าจอเพื่อความรวดเร็วในการใช้งาน แต่ก็ยังมี AppDrawer ให้ใช้อยู่เหหมือนเดิม ตัวเครื่องที่รองรับการขยายแรมนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะเพิ่มกี่ GB ระหว่าง 4GB / 6GB / 8GB ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเพื่อนๆ หรือจะเลือกปิดไว้ก็ได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลแทน สำหรับในการตั้งค่า UI ต่างๆ นั้นก็สามารถปรับแต่งได้ตามที่ชอบไม่ว่าจะเป็นธีม, ภาพหน้าจอ หรือไอคอน ก็สามารถโหลดเพิ่มผ่าน Store ได้ทั้งฟรีและเสียเงิน
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานทั่วๆ ไปนั้นตัว realme 10 Pro+ ที่มาพร้อม Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 360Hz, PWM dimming 2160Hz, Instantaneous Sampling Rate 1260Hz นั้นเวลาใช้งานหรือไถฟีดโซเชียลให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นมือถือรนะดับเรือธงอยู่เลย เพราะมีทั้งความลื่นไหลติดนิ้วและความเนียนตา นอกจากนี้ยังได้ Widevine ระดับ L1 ทำให้สามารถดูสตรีมมิ่งแบบเต็มความละเอียดได้ (ดูได้สูงสุด Full-HD) และด้วยการที่มีลำโพงคู่ทำให้สามารถดูหนังหรือฟังเพลงได้อย่างเต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น อีกสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คือการพกพาซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนี้ โดยจะที่ได้ลองพกไปไหน-มาไหนทั้งวันต้องบอกเลยว่าสบายสุดๆ ตัวเครื่องมีความเบามากขนาดใส่มือถือสองเครื่องเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงยังแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลย จะถือเล่นนานๆ ก็ไม่เมื่อยมือ แถมด้วยความที่ตัวเครื่องบางมากๆ ทำให้สามารถใส่กระเป๋าแคบๆ ได้สบายโดยไม่ต้องห่วงเรื่องการบีบรัดตัวเครื่องเลย
ในเรื่องของแบตเตอรีและระบบชาร์จนั้นตัว realme 10 Pro+ มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ซึ่งด้วยชิปประมวลผล Dimensity 920 ที่จัดการพลังงานได้ค่อนข้างดี ทำให้ระยะเวลาในการใ้งานนั้นเรียกได้ว่าเอาเรื่องทีเดียว โดยจากที่ได้ลองเอาไปใช้ 1 วันประกอบไปด้วยเล่นเกมบ้าง ดูซีรี่ส์บ้าง ฟังเพลงบ้าง ถ่ายรูปเล่นบ้าง ใช้ไปร่วมๆ 10 ชั่วโมง แบตเตอรี่ที่เหลือนั้นอยู่ราวๆ 20% ซึ่งถือว่าค่อนข้างอึดใช้ได้เลย และเมื่อเดินทางกลับใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงแบบไม่ได้ใช้งานอะไรเลย แบตเตอรี่ลดลงไปเพียง 1-2% เท่านั้น เรียกได้ว่ามีการจัดการพลังงานได้ดีมากๆ
ส่วนเรื่องการชาร์จนั้นก็เรียกได้ว่าเร็วในระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยตัวเครื่องมาพร้อมระบบชาร์จเร็วขนาด 67W Flash Charge ซึ่งจากที่ได้ลองชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือเพียง 1.87% นั้น ใน 10 นาทีแรกได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 24% และได้ถึง 50% ภายในเวลา 22 นาที เรียกได้ว่าเร็วเอาเรื่องเลย และสำหรับระยะเวลารวมเมื่อชาร์จจาก 1% – 100% จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 52 นาที ซึ่งก็นับว่าไม่ได้นานมากมายอะไร ถ้าต้องการชาร์จแค่พอใช้งานสั้นๆ หลังเลิกงานแล้วกลับบ้าน แค่ชาร์จสัก 10 – 15 นาทีก็พอแล้ว หรือจะรอให้ถึง 50% เลยก็ได้ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างหนึ่งก็คืออะแดปเตอร์ชาร์จ 67W ของ realme นั้นค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ใครที่พกกระเป๋าเล็กๆ อาจจะลำบางตอนพกพาได้
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นตัวเครื่องที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Dimensity 920 ซึ่งเป็นชิปประมวลผล 5G ระดับกลางนั้นสามารถเอามาใช้งานเล่นได้ทุกเกม เพียงแต่การที่จะสามาถรปรับกราฟิกสูงมากๆ ได้นั้นอาจจะไม่ได้มีทุกเกม ซึ่งเมื่อรวมชิปประมวลผลกับหน้าจอที่ตอบสนองเร็วและลำโพงคู่แล้ว ทำให้การเล่นเกมมีควาใง่ายขึ้นพอควร สามาารถแยกเสียงซ้าย-ขวาได้ดี โดยเกมที่เราได้ลองเล่นนั้นมีทั้ง RoV, PUBG Mobile และ Genshin Imapct ต้องบอกเลยว่าสามารถเล่นได้ลื่นทั้งหมด เพียงแต่การตั้งค่านั้นอาจจะไม่ได้สุดมากนัก โดย RoV นั้นสามารถจัดเต็มได้อุกอย่าง ส่วน PUBG Mobile นั้นสามารถเปิดได้สูงสุด HDR เฟรมเรท Ultra แต่ถ้าให้ดีเปิดเป็น Smooth เพื่อเอาเฟรมเรทสูงสุดดีกว่า ส่วน Genshin Impact นั้นเปิดเกมมาระบบจะตั้งให้ที่ระดับต่ำ ซึ่งถ้าจะเล่นนานๆ แนะนำเปิดต่ำสุดแล้วปรับเฟรมเรทเป็น 60ffps เพื่อที่ความร้อนจะได้ไม่ขึ้นมาเร็วนัก (เปิดสุดก็พอไหวนะถ้าเอามาถ่ายรูปอย่างเดียว)
นอกจากนี้ในการเล่นเกมยังมีโหมดเกมที่จะช่วยปรับแต่งและรีดประสิทธิภาพของตัวเครื่องให่ออกมาถึงที่สุดได้อีกด้วย โดยสามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ง่ายๆ ระหว่างเล่นเกมได้เลย เพียงแค่ปัดจากขอบหน้าจอฝั่งซ้ายออกมาก็จะเป็นการเปิดหน้าตั้งค่าของโหมดเกมขึ้นมาแล้ว
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นตัว realme 10 Pro+ มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 108MP, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้าที่ใช้เซลฟี่นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 16MP ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองถ่ายมานั้นบอกเลยว่าถ่ายสนุกใช้ได้ ถึงแม้ว่ากล้อง Ultra-Wide จะไม่มีระบบออโต้โฟกัสก็ตาม เนื่องจากตัวกล้องนั้นมีฟีเจอร์และฟิลเตอร์สำหรับถ่ายภาพมาให้เยอะมากๆ และเมื่อรวมกับหล้องความละเีอยดสูง 108MP ทำให้ได้ภาพออกมาสวยงามและคมชัด ในเรื่องขากการละละายหลังเองก็ทำออกมาได้ดี ไม่มีการเกินเข้ามาในตัวแบบหรือวัตถุ เพียงแต่ตอนก่อนกดถ่ายนั้นบางครั้ง AI จะแสดงให้เห็นว่ามีการละลายขาดๆ เกินๆ ไบ้าง แต่พอประมวลผลเสร็จออกมาแล้วก็จะพอดีไม่ขาดไม่เกินเหมือนก่อนถ่าย ในเรื่องของการซูมนั้นถึงแม้จะไม่มีเลนส์ซูมแต่ก็สามารถซูมได้ด้วยกล้อง 108MP ซึ่งสามารถซูมแบบไม่เสียความละเอียดได้ที่ 3 เท่าและสามารถซูมได้สูงสุดถึง 20 เท่า เรียกได้ว่าเกินพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ส่วนการถ่ายเซลฟี่นั้นนอกจากจะสามารถปรับค่ารูรับแสงเพื่อเลือกระดับการละลายหลังได้แล้วยังสามาถรปรับแต่งโหมด Beauty ได้ละเอียดมากๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป้นโครงหน้า, ผิวใบหน้า และอื่นๆ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว realme 10 Pro+
สรุปการรีวิว realme 10 Pro+ จากที่ได้เอาไปลองใช้มาระยะหนึ่งนั้นสิ่งที่เจออย่างแรกตั้งแต่ได้เครื่องมาเลยก็คือความเบาบาง และสีวันที่ดูหรูเกินราคา ซึ่งจากที่ได้เล่นมานั้นบอกเลยว่าเป็นรุ่นหหนึ่งที่น่าซื้อมาก ด้วยสถานการณ์ที่เงินเป็นสิ่งหายาก realme 10 Pro+ เป็นรุ่นที่น่าซื้อกว่ารุ่นระดับเรือธงพอสมควร ด้วยสเปคที่ให้มาในระดับเรือธงไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ทัชลื่นติดนิ้ว ตอบสนองไวต่อการสัมผัส กล้องหลังความละเอียดสูงที่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้คมชัดและมีฟีเจอร์ให้เล่นเยอะ ชิปประมวลผลที่เล่นได้ทุกเกมและจัดการพลังงานได้ดี รวมถึงแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่ถึกจัดๆ สามารถใช้งานได้ทั้งวัน และยังได้ระบบชาร์จเร็ว 67W ที่ใช้เวลาชาร์จ 50% ในเวลาเพียง 22 นาทีเท่านั้น และด้วยราคาเพียง 15,999 บาท ทำให้มีความน่าซื้อแบบสุดๆ ตอนนี้เลยทีเดียว
สำหรับคนที่สนใจสามารถซื้อได้ที่ realme brand shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พิเศษ!!! สำหรับช่องทางออนไลน์ Exclusive เฉพาะทาง Shopee ที่เดียว โดยมาพร้อมราคาพิเศษเฉพาะวันที่ 12-25 ธันวา ราคาเพียง 14,999 บาทเท่านั้น
จุดเด่น
- ดีไซน์สวย มีความหรูหรา
- มีความบางเพียง 7.78 มม. และเบาเพียง 173 กรัมเท่านั้น
- ได้หน้าจอสเปคระดับเรือธง
- ชิปประมวลผล Dimensity 920 เล่นได้ทุกเกมแถมแบตอึด
- มาพร้อมความจุ 256GB เลย
- ได้กล้องหลัง 108MP พร้อมรองรับการซูมแบบไม่เสียความละเอียดถึง 3 เท่า
- ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- ได้ชาร์จเร็ว 67W Flash Charge ซึ่งใช้เวลาชาร์จ 50% ในเวลาไม่ถึง 30 นาที
- มีลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
ข้อสังเกต
- อะแดปเตอร์ชาร์จมีขนาดค่อนข้างใหญ่
- กล้อง Ultra-Wide ไม่มีระบบออโต้โฟกัส
- หน้าจอแบบโค้งทำให้ฟิล์มแพงกว่าปกติและเคสหาเคสยากเล็กน้อย