POCO X5 Pro 5G มือถือ 5G ระดับกลางรุ่นสานต่อจาก POCO X4 Pro 5G มาพร้อมชิปประมวลผลตัวแรงอย่าง Snapdragon 778G 5G ที่แรงน้องๆ เรือธง ซึ่งปกติจะอยู่ในมือถือเรทหมื่นปลายๆ แต่นี่กลับมาอยู่ในมือถือเรทราคาหมื่นต้น ถึงสเปคจะแทบไม่ได้ต่างไปจากเดิม แต่ยังไงก็คุ้มอยู่ดี โดยจากที่เราได้เอา POCO X5 Pro 5G ไปลองเล่นมาระยะสั้นๆ นั้น เราจะมาบอกเล่าให้ฟังว่าตัวเครื่องนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
สเปคของ POCO X5 Pro 5G
- หน้าจอ : Flow AMOLED, ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (Full-HD+), Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz, PWM Dimming 1920Hz, ความลึกสี 10 bits, กระจก Gorilla Glass 5
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 778G 5G
- แรม : 8GB แบบ LPDDR4x รองรับ Dynamic RAM Expansion 3.0 สูงสุด 5GB
- ความจุ : 256GB แบบ UFS 2.2
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 108MP, f/1.9 (wide)
- ตัวที่ 2 : 8MP, f/2.2, 118˚ (ultrawide)
- ตัวที่ 3 : 2MP, f/2.4 (macro)
- กล้องหน้า : 16MP, f/2.5
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 67W Turbo Charging
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14 for POCO
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.2
- GPS, GLONASS, BDS, GALILEO
- NFC
- ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ด้านข้าง)
- Accelerometer
- Gyro
- Proximity
- Compass
- Barometer
- IR Blaster
- ขนาด : 162.91 x 76.03 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก : 181 กรัม
- สี : Black, Blue และ Yellow
- ราคา : 12,990 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในส่วนของดีไซน์ตัวเครื่องนั้นยังคงใช้ดีไซน์ของเหลี่ยมตามแบบนิยมอยู่เช่นเดิม แต่มีการเปลี่ยนรูปแบบโมดูลกล้องใหม่ เป็นการวางเลนส์ในโมดูลแนวตั้งที่มีความสูงขึ้นมาจากพื้นผิวสีดำบนตัวเครื่องเล็กน้อย ถัดจากโมดูลกล้องก็จะเป็นโลโก้ POCO ตัวโตๆ วางอยู่ สำหรับพื้นผิวตัวเครื่องเป็นผิวแบบด้านที่ช่วยให้ไม่เกิดรอยนิ้วมือและช่วยเพิ่มความสวยงามเวลากระทบแสงได้อีกด้วย
ในส่วนของหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบ Punch-hole Display ที่ POCO เรียกว่า Flow AMOLED ที่มีขนาดหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 6.67 นิ้ว มีความละเอียดอยู่ที่ระดับ Full-HD+ และมีอัตรารีเฟรชอยู่ที่ 120Hz แต่สิ่งที่น่าเสียดายคืออัตราการตอบสนองหรือ Touch Sampling Rate ที่เหลือแค่ 240Hz (POCO X4 Pro 5G ให้มา 360Hz) ถัดขึ้นไปจากรูกล้องบริเวญริมขอบกระจกจะมีลำโพงสหรับใช้สนทนาอยู่ด้วย สำหรับขอบจอนั้นด้วยความที่เป็นจอ AMOLED เลยทำให้ขอบจอไม่หนา ส่งผลให้ตัวเครื่องเล็กลงด้วย
สำหรับรอบๆ ตัวเครื่องนั้นปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงหรือปุ่มเปิด-ปิดที่มีที่สแกนลายนิ้วมือฝั่งอยู่ข้างใน สำหรับด้านบนนั้นจะมีลำโพง, ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม., รูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียง และ IR Blaster ส่วนด้านล่างนั้นจะมีลำโพง, พอร์ต USB Type-C, รูไมโครโฟนสำหรับใช้รับเสียง และช่องใส่ซิมแบบ Dual-slot โดยที่ปุ่มเปิด-ปิดนั้นสำหรับเครื่องสีเหลืองขอบดำ ตัวปุ่มก็จะเป็นสีเหลืองเช่นเดียวกวับสีตัวเครื่อง เรียกได้ว่าเด่นขึ้นเยอะเลย
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการที่ใส่มานั้นเป็น MIUI 14 Fpr POCO ที่พัฒนขึ้นมาบนพื้นฐานของ Android 13 ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ไ้ดต่างจาก MIUI ของ Xiaomi และ Redmi เลย ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่เรียบง่าย ไอคอนแบบกลมมน สีสันอลังการ แต่สิ่งที่น่าสนใจและแปลกของจริงในเครื่องนี้ก็คือฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยจะใช้กล้องหลักและไฟแฟลชแทนเซ็นเซอร์ในการวัด ซึ่งค่าที่ได้ก็คือว่าคลาดเคลื่อนนิดๆ หน่อยๆ ถือว่าพอใช้อ้างอิงได้พอสมควร เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายสุดๆ
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในด้านการใช้งานทั่วไปไม่วง่าจะเล่นโซเชียลหรือดูหนังก็ทำออกมาได้ดี ด้วยอัตราการตอบสนองที่รวดเร็วและอัตรารีเฟรชที่สูง ช่วยให้เวลาเล่นโซเชียลมีความลื่นไหล ส่วนในเรื่องการดูหนังนั้นด้วยารที่ได้หน้าจอ AMOLED และได้ Widevine ระดับ L1 พร้อมด้วยลพโพงคู่ ก็ช่วยให้ในด้านความบันเทิงสามารถทำออมาได้ดีไม่แพ้กัน
ในส่วนของแบตเตอรี่และการชาร์จนั้นตัวเครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่เมื่อใช้ควบคู่กับชิป Snapdragon 778G 5G แล้วก็สามารถใช้งานแบบครบวันได้สบายๆ ถ้าบริหารจัดการดีๆ แต่ถ้ามีการเล่นเกมต่อเนื่องระดับหนึ่งยังไงก็งต้องชาร์จสักครั้ง ซึ่งในเรื่องการชาร์จนั้นเราทดลองเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือแค่ 1% ในช่วง 10 นาทีแรกได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 30% และถึง 50% ภายในเวลา 21 นาที ส่วนเวลารวมจากการชาร์จตั้งแต่ 1% – 100% จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 60 นาที หรือ 1 ชั่วโมงถ้วน ซึ่งนี่นับว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว และที่น่าสนใจกว่าคือพอชาร์จเสร็จเครื่องไม่ค่อยร้อนอีกด้วย
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นด้วยการที่ตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 778G 5G ที่เป็นตัวเกือบท๊อป ทำให้สามารถเอามาใช้เล่นเกมได้ทุกเกมจริงๆ เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับเกมนั้นๆ ด้วยว่าจะสามาถรปรับสุดได้ไหม โดยจากที่เราได้ลองเล่นดูทั้ง RoV, Genshin Impact, PUBG Mobile และ New State นั้นนอกจาก Genshin แล้ว ทุกเกมสามารถปรับสุดแล้วเล่นลื่นๆ ได้เลย ถึงจะน่าเสียดายที่ PUBG Mobile มไ่สามารถเล่นโหมด 90fps ได้ก็ตาม ส่วน Genshin Impact นั้นระบบตั้งมาให้ที่ ต่ำ ซึ่งจากที่ลองเล่นก็ถือว่าลื่นดี จะมีสะอึกนิดๆ ตอนที่มีโมชั่นบนหน้าจอเยอะๆ เช่นตอนกดท่าไม้ตายเป็นต้น ดังนั้นถ้าให้แนะนำคือให้ปรับกราฟิกเป็นต่ำสุด เพื่อเพิ่มความลื่นไหลและยังช่วยให้เครื่องร้อนช้าลงอีกด้วย
การถ่ายภาพ
ในส่วนของการถ่ายภาพนั้นตัวเครื่องมาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 108MP, กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 16MP โดยจากที่ได้เอาไปลองถ่ายมานั้นการจัดการแสงและการประมวลผลของ AI นับว่าทำออกมาได้ดี ในส่วนการละลายหลังนั้นก็ยังมีบ้างที่มีการกินขอบวัตถุนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อตัวรูปเท่าไร สำหรับการถ่ายกลางคืนหรือในที่แสงน้อยนั้นก็นับว่าทำได้ดี ถึงแม้จะมีแสงน้อยมากและไม่ได้ถ่ายโหมดกลางคืน ตัว AI ก็จะพยายามเพิ่มแสงเข้าไป จนสามารถมองเห็นรายละเอียดวัตถุได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งถ้าถ่ายด้วยโหมดกลางคืนก็จะยิ่งสว่างมากขึ้น เห็นรายบละเอียดได้ชัดเจนขึ้น เรียกได้ว่าเกินเบอร์มือถือเกมมิ่งอย่างมาก สำหรับการบันทึกวิดีโอนั้นกล้องหลังสามารถบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K @30fps ส่วนกล้องหน้าสามารถบันทึกได้ที่ 1080p @60fps ถึงจะน่าเสียดายที่มือถือระดับหมื่นต้นๆ ไม่สามารถบันทึกวิดีโอกล้องหน้าได้ที่ระดับ 4K แต่การใช้ในชีวิตประจำวันนั้นแค่ระดับ 1080p @60fps ก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังมีกันสั่น EIS มาด้วย ทำให้ถึงจะมีแงสั่นเล็กน้อยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว POCO X5 Pro 5G
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอา POCO X5 Pro 5G ไปเล่นมาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่าในรุ่น X5 Pro นี้เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่าครบ จบ สมบูรณ์ที่สุดของ POCO เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านความบันเทิง การเล่นเกม หรือแม้แต่การถ่ายรูป เหมาะอย่างยิ่งเลยสำหรับวัยรุ่นหรือวันทำงานที่ต้องการมือถือที่มีความสามารถรอบด้านในราคาไม่แพงจนเกินไป แค่ 12,990 บาทก็ได้สเปคที่เรียกว่าเป็นรองแค่เรือธงเท่านั้นมาครองแล้ว สำหรับคนที่สนใจก็ลองเข้าไปดูข้อมูลตัวเครื่องได้ที่ mi.com/th และสามารถเข้าไปสั่งจองได้ที่ Lazada ได้เลยครับ
จุดเด่น
- ได้ชิปประมวลผล Snapdragon 778G 5G
- มาพร้อมความจุ 256GB เลย
- ได้กล้องหลักความละเอียดสูง 108MP
- คุณภาพของรูปที่ได้ดูดีจนไม่นึกว่าจะเป็นมือถือเน้นเล่นเกม
- ได้ระบบชาร์จ 67W ที่ชาร์จ 50% ในเวลาไม่ถึง 30 นาที
- มาพร้อมลำโพงคู่ที่แยกรายละเอียดเสียงได้ดี
- ยังให้ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. มาอยู่
- มีฟีเจอร์ที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
ข้อสังเกต
- เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน สเปคไม่ได้มีอะไรใหม่นอกจากชิปประมวลผล
- ตำแหน่งลำโพงข้างซ้ายอยู่ในตำแหน่งที่มือปิดเอาไว้
- อะแดปเตอร์ชาร์จค่อนข้างใหญ่