POCO X3 GT มือถือสเปคเทพราคาประหยัดจากแบรนด์ POCO ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน โดยเครื่องรุ่นนี้เป็นเครื่องที่มีสเปคแทบจะใกล้เคียงกับ POCO F3 ที่เป็นรุ่นเรือธงตอนนี้เลยก็ว่าได้ แค่มีราคาที่ประหยัดกว่า ซึ่งทาง Specphone เราก็ได้เครื่องนี้มารีวิวกับเขาเช่นกัน และหลังจากที่ได้เอาเครื่องมาลองใช้ได้ระยะหนึ่ง ผมจึงจะมาเล่าประสบการณ์ให้กับเพื่อนๆ ได้อ่านกัน
สเปคของ POCO X3 GT
- หน้าจอ : DotDisplay พาแนล IPS-LCD, ขนาด 6.6 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (Full-HD+), รองรับการแสดงผล HDR10, Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz, กระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 1100 5G
- แรม : 8GB (LPDDR4X)
- หน่วยความจำ : 256GB (UFS 3.1)
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 64 MP, f/1.8, 26mm (wide)
- ตัวที่ 2: 8 MP, f/2.2, 120˚ (ultrawide)
- ตัวที่ 3: 2 MP, f/2.4, (macro)
- กล้องหน้า : 16 MP, f/2.5, (wide)
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็วขนาด 67W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5 for POCO
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi6
- Bluetooth 5.2
- NFC
- GPS
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (อยู่ด้านข้าง)
- Accelerometer
- Gyro
- Compass
- Color Spectrum
- Virtual Proximity Sensing
- ขนาด : 163.3 x 75.9 x 8.9 มม.
- น้ำหนัก : 193 กรัม
- สี : Cloud White, Wave Blue และ Stargaze Black
- ราคา : 9,999 บาท
- หน้าสเปคเต็ม
จุดเด่น
- ได้ชิปประดับเรือธงในราคาไม่ถึง 10,000 บาท
- มีทั้ง Refresh Rate 120Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz
- ได้ระบบชาร์จเร็วขนาด 67W
- ได้กระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass Victus
- มีมาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น IP53
- มีลำโพงคู่เสียงระดับ Hi-Res
ข้อสังเกต
- เวลาชาร์จแล้วทั้งเครื่องและอะแดปเตอร์ค่อนข้างร้อน (แน่ละอัดไฟเต็มเหนี่ยวขนาดนั้น)
- Notification กับ Control Center แยกจากกัน ทำให้ต้องปรับตัวเล็กน้อย
- โมดูลกล้องมีความหนา ทำให้อาจเป็นรอยได้ง่ายมาก
- อะแดปเตอร์ชาร์จมีขนาดใหญ่ ทำให้พกพาไม่สะดวก
- ลำโพงฝั่งซ้ายอยู่ใกล้มือมากไป อาจทำให้มือไปปิดช่องลำโพงได้
ดีไซน์ของ POCO X3 GT
ในเรื่องการดีไซน์ของ POCOC X3 GT นั้นสีที่ทาง Specphone เราได้มานั้นเป็นสี Stargaze Black ซึ่งสีนี้มีความพิเศษตรงที่ด้านหลังเครื่องบริเวณครึ่งล่างจะมีลวดลายคลายดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี และจะมีโลโก้แบรนสด์ POCO อยู่ตรงมุมเครื่องด้วย
ในส่วนของหน้าจอนั้น POCO ใช้หน้าจอแบบ Punch-hole ที่มีชื่อว่า Dots Display ที่มีหน้าจอแสดงผลขนาด 6.6 นิ้ว ใช้พาแนลเป็น IPS-LCD มีความละเอียดระดับ Full-HD+ และมีค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz กับค่า Touch Sampling Rate 240Hz นอกจากนี้ตัวกระจกหน้าจอยังใช้เป็น Gorilla Glass Victus ที่มีความแข็งแรงทนทานอีกด้วย สำหรับกล้องหน้าที่ให้มานั้นมีความละเอียด 16MP
ที่ด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะมีลำโพง, ไมโครโฟน และ IR Blaster สำหรับสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่
ที่ฝั่งซ้ายจะมีถาดใส่ซิมแบบ Dual-SIM อยู่ (ไม่มีช่องใส่ MicroSD Card นะ)
ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิดที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้อยู่ภายใน
บริเวณด้านล่างของตัวเครื่องนั้นจะมีลำโพง, ไมโครโฟน และพอร์ต USB Type-C อยู่
สำหรับตัวโมดูลกล้องนั้นจะมีความหนาในระดับหนึ่ง ซึ่งภายในจะมีเลนส์อยู่ทั้งหมด 3 เลนส์ซึ่งประกอบไปด้วยเลนส์หลัก, เลนส์ ultrawide และเลนส์ macro นอกจากนี้ยังมีไฟแฟลชแบบ LED อยู่ที่ข้างเลนส์หลักด้วย
ระบบปฏิบัติการของ POCO X3 GT
สำหรับระบบปฏิบัติการของ POCO X3 GT นั้นใช้เป็น MIUI ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อ POCO บนพื้นฐานของ Android 11 ซึ่งตัว UI นั้นทำออกมาให้ดูเรียบง่าย แต่ยังคงความสวยงามเอาไว้ได้ แต่จุดที่อาจจะต้องปรับตัวกันบ้างเล็กน้อย (หากมาจากมือถือ Android แบรนด์อื่น) ก็คือการออกแบบที่แยกระหว่าง Notification และ Control Center ออกจากกัน ทำให้เวลาจะใช้งานต้องลากมาจากคนละฝั่ง โดย Notification จะอยู่ฝั่งซ้าย ส่วน Control Center จะอยู่ฝั่งขวา
และสำหรับใครที่รู้สึกว่า UI มันซ้ำซากหรืออยากแต่งให้มันมีสีสันมากกว่านี้ ก็สามารถเข้าไปเลือกค้นหา Theme ใหม่ได้ด้วยนะครับ ซึ่ง Theme เหล่านี้มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน (แน่นอนว่าแบบเสียเงินสวยกว่าแบบฟรีเยอะ)
การใช้งาน POCO X3 GT
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
สำหรับการใช้งานแล้ว ในด้านการใช้งานทั่วไปนั้นด้วยหน้าจอที่มีค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz ทำให้เวลาเล่นโซเชียลมีความสบายตามากขึ้น ส่วนในการใช้ดูหนังด้วยหน้าจอที่เป็น IPS-LCD ทำให้สีสันอาจจะไม่จัดจ้านเท่าจอ AMOLED แต่ทว่าสีสันที่แสดงออกมาก็นับได้ว่าสวยเอาการอยู่ ส่วนในเรื่องเสียงนั้นด้วยเทคโนโลยี Dolby ATMOS ทั้งยังได้รับการปรับจูนจาก JBL ทำให้เสียงที่ได้มีมิติมากขึ้น นอกจากกนี้ POCO ยังให้ฟีเจอร์หนึ่งที่ปกติมือถือเรทราคาประมาณนี้ไม่ให้มาด้วย นั่นก็คือฟีเจอร์กันน้ำ-กันฝุ่นระดับ IP53 ซึ่งถึงแม้จะเอาไปใช้ใต้น้ำไม่ได้ แต่ก็สามารถป้องกันละอองน้ำ / ละอองฝนได้
ในเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่และการจัดการพลังงานนั้นจากที่ได้ลองใช้ทั้งเล่นเกมและดูหนัง แบตเตอรี่นับได้ว่าลดช้าใช้ได้เลยแม้ว่าจะใช้ 5G ตลอดเวลาด้วยก็ตาม (เล่นเกม 30 นาที และดูหนัง 1 ชั่วโมง 30 นาที แบตเตอรี่ลดไปเพียง 20% เท่านั้น) สำหรับในเรื่องการชาร์จนั้นด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 67W ทำให้สามารถชาร์จจาก 0 – 100% ได้ในเวลาทั้งสิ้นเพียง 47 นาทีเท่านั้น และได้ทดลองชาร์จในสภาพแบตเตอรี่เกือบหมด (หรือที่เรียกว่าสภาวะวิกฤติ) คือ 2% ชาร์จแบตเตอรี่เแป็นเวลา 10 นาที แบตเตอรี่ขึ้นมาเป็น 30% ซึ่งสำหรับคนที่ทำงานนอกบ้าน หากเจอเหตุการณ์แบตเตอรี่จะหมดตอนเลิกงานนั้นการที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ นับว่าช่วยได้เยอะเลย
การเล่นเกม
สำหรับการเล่นเกมนั้นด้วยชิปประมวลผล Dimensity 1100 5G ที่เป็นชิประดับเรือธง พร้อมด้วยชิปกราฟิกอย่าง Mali-G77 MC9 ทำให้การเล่นเกมทำได้ลื่นไหลสุดๆ และด้วยการจัดการพลังงานที่ยอดเยี่ยมทำให้สามารถจัดการบริหารแบตเตอรี่ให้สามารถใช้เล่นเกมได้ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ด้วยค่า Refresh Rate 120Hz และ Touch Sampling Rate 240Hz ทำให้สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งจากที่ได้ทดลองด้วยเกม RoV, Genshin Impact, PUBG Mobile และ Sausage Man นั้นเรียกได้ว่าสุดจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น RoV ที่ทำได้ 61FPS นิ่งๆ หรือแม้กระทั่งสามารถตั้งค่ากราฟิก Genshin Impact จนสูงสุดได้ (แต่เกมนี้ทำเอาแบตเตอรี่ไหลเป็นน้ำเลย ดังนั้นขอแนะนำให้ปรับต่ำสุดไว้ดีกว่า เพื่อที่จะได้ไม่ร้อนเร็วด้วย)
ในการเล่นเกมนั้น POCO จะมีฟีเจอร์ที่ชื่อ Game Turbo ด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยจัดการสภาพเครื่องให้สามารถใช้งานได้เต็มกำลัง ใช้อัดคลิปก็ได้ แถมยังมีการแสดงการใช้งาน CPU รวมถึงแสดงค่า FPS ในขณะนั้นได้ด้วย
การถ่ายภาพ
สำหรับการถ่ายภาพนั้นตัวเครื่องมาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 เลนส์ที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP กล้อง ultrawide ความละเอียด 8MP และกล้อง macro ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้าที่ใช้เซลฟี่นั้นมีความละเอียดที่ 16MP ซึ่งในการถ่ายภาพนั้นถึงแม้จะเป็นโหมดธรรมดาก็สามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้เหมือนโหมด Pro ซึ่งในโหมด Pro นี้ก็พิเศษกว่าใครด้วยการที่สามารถบันทึกภาพเป็นไฟล์ RAW ได้ด้วย (แลกมาด้วยการที่ไม่สามารถถ่ายภาพที่อัตราส่วน 1:1 ได้) พร้อมด้วยฟิลเตอร์มากมายให้เลือกสรรค์ ส่วนในการบันทึกวิดีโอนั้นสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30FPS เท่านั้น
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว POCO X3 GT
สรุปการรีวิว POCO X3 GT จากที่ได้ลองใช้มาระยะหนึ่งนั้นหากบอกว่าเป็นมือถือที่น่าซื้อที่สุดในงบประมาณไม่เกิน 10,000 บาทก็ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด ด้วยสเปคที่ให้มานั้นจะเรียกว่าเป็นรุ่นเรือธงก็ยังได้เลย เอาจริง ๆ แล้วถ้ามองจากสเปคที่ให้มานั้นราคาขาย 9,999 บาทเรียกได้ว่าถูกไปด้วยซ้ำ หากถามว่ารุ่นนี้เหมาะกับใคร ต้องบอกเลยว่าเหมาะกับเหล่าวัยรุ่นที่ต้องการมือถือแรงๆ แต่ราคาไม่แพงมากนัก และยิ่งเป็นแบรนด์ POCO แล้วก็มักจะมีการลดราคาบนร้านค้าออนไลน์อยู่บ่อย ๆ ด้วย ทำให้เพิ่มความน่าซื้อเข้าไปใหญ่