OPPO Find X5 Pro 5G เรือธงประจำปี 2022 ของ OPPO ที่คราวนี้ก็มีกล้องเทพอีกเช่นเคย โดยในครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ เนื่องจากได้ HASSELBLAD มาช่วยในการพัฒนา รวมถึงมีการสร้างชิปประมวลผลภาพของตัวเองขึ้นมาด้วยในชื่อ MariSilicon X เรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีความพิเศาในด้านการกล้องอย่างถึงที่สุด และนอกจากกล้องจะเทพแล้วยังใส่สเปคมาให้สุดอีกด้วยทั้งชิประดับเรือธง Snapdragon 8 Gen 1 ระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ รวมถึงระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เติม เรียกได้ว่าอัดแน่นมากในมือถือที่วางขายในราคา 39,990 บาท ซึ่งหลังจากที่ได้เอาไปฝช้งานมาระยะหนึ่งเราจะมาเล่าให้ฟังว่าได้เจออะไรกันไปบ้าง
สเปคของ OPPO Find X5 Pro 5G
- หน้าจอ : AMOLED (LTPO), ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด 3,216 × 1,440 พิกเซล (QHD+), Refresh Rate 120Hz แบบ Dynamic, Touch Sampling Rate 240 Hz, HDR10+, 10-bit, กระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 + MariSilicon X Imaging NPU
- แรม : 12GB (LPDDR5) + Extended RAM สูงสุด 7GB
- ความจุ : 256GB (UFS 3.1)
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 50 MP, f/1.7, AF, dual-OIS 5-axis stabilization (wide)
- ตัวที่ 2: 13 MP, f/2.4, AF (telephoto)
- ตัวที่ 3: 50 MP, f/2.2, 110˚ , AF (ultrawide + macro)
- กล้องหน้า : 32 MP, f/2.4
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
- รองรับระบบชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
- รองรับระบบชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W AIRVOOC
- รองรับระบบชาร์จไร้สายย้อนกลับ 10W Reverse Wireless Charging
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย ColorOS 12.1
- การเชื่อมต่อ :
- 5G SA/NSA
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.2
- GPS, A-GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, and QZSS
- NFC
- USB Type-C 3.1
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ใต้จอ)
- Geomagnetic sensor
- Proximity sensor
- Ambient light sensor
- Color temperature sensor
- Accelerometer
- Gravity sensor
- Multi-Spectral sensor
- Gyroscope
- Pedometer
- กันน้ำ-กันฝุ่น : IP68
- ขนาด : 163.7 x 73.9 x 8.5 มม.
- น้ำหนัก : 218 กรัม
- สี : Ceramic Black, Ceramic White
- ราคา : 39,990 บาท
ดีไซน์ของ OPPO Find X5 Pro 5G
ในด้านดีไซน์ตัวเครื่องนั้นในส่วนของหน้าจอจะมาแบบ Punch-hole Display ที่เป็๋นหน้าจอ AMOLED แบบ LTPO ซึ่งจะสามารถปรับอัตรารีเฟรชได้อัตโนมัติตามการใช้งานในขณะนั้น โดยตัวหน้าจอจะมีขนาด 6.7 นิ้ว มีความละเอียดระดับ QHD+ มีอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz และมีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสสูงสุด 240Hz และตามสไตล์เรือธงคือรองรับการแสดงผลสีพันล้านสี พร้อมด้วยกระจกหน้าจอ Gorilla Glass Victus แบบขอบโค้ง ส่วนกล้องหน้าที่อยู่ในรูนั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 32MP
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นทาง OPPO ให้คำนิยามว่า “ดีไซน์แห่งโลกอนาคต สง่างามเหนือกาลเวลา” ด้วยการออกแบบให้ด้านหลังมีดีไซน์ที่โค้งมนเพรียวบาง ใช้วัสดุเป็นเซรามิก โดยทาง OPPO บอกว่าตัวเครื่องได้ผ่านขั้นตอนการขัดเงามากกว่า 14 ขั้นตอน เป็นเวลาทั้งสิ้น 269 นาที เพื่อให้ได้รูปแบบดีไซน์ที่มีความเรียบเนียนสวยงาม พร้อมกับองศาลาดเอียง 75° ให้ได้เส้นโค้งมนที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการส่องสว่างของตัวเครื่องภายใต้แสงและเงา ซึ่งในความเป็นจริงนั้นการออกแบบของ OPPO ช่วยให้การจับถือมีความสบายมืออย่างมาก สำหรับสีสันตัวเครื่องนั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 2 สีคือ Ceramic Black, Ceramic White โดยที่ทางเราได้มาคือ Ceramic White นะ ซึ่งในสายตาแล้วดูสวยสุดๆ เลย
ในส่วนของโมดูลกล้องนั้นจะนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย แต่ดูไม่ได้ขัดตา เนื่องจากขอบมีความโค้งมนช่วยให้ดูกลมกลืนไปกันตัวเครื่อง และภายในตัวโมูลนี้จะมีกล้องอยู่ทั้งหมด 3 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักและกล้องมุมกว้างพิเศษความละเอียด 50MP ทั้งคู่ และกล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 13MP พร้อมด้วยำฟแฟลชแบบ LED แต่ที่ค่อนข้างเด่นเลยก็คือข้อความที่อยู่ระหว่างเลนส์ของกล้องหลักและกล้องมุมกว้างพิเศษ โดยตัวข้อความ “POWERED BY MariSilicon” เป็นการบอกว่าเครื่องนี้ใช้ชิปประมวลผลภาพ MariSilicon นั่นเอง
สำหรับของเครื่องนั้นปุ่มเปิด-ปิดเครื่องจะอยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นปุ่มปรัลระดับเสียง ส่วนที่ด้านบนจะมีรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนที่ด้านล่างจะมีลำโพงตัวเครื่อง, พอร์ต USB Type-C, รูไมโครโฟน และถาดใส่ซิมอยู่ ซึ่งตัวถาดซิมนี้จะเป็นแบบ Dual-slot คือใส่ได้ทั้งหมด 2 ซิม และไม่สามารถใส่ MicroSD Card เพิ่มได้
การใช้งาน OPPO Find X5 Pro 5G
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการที่มากับตัวเครื่อง OPPO Find X5 Pro 5G เป็น ColorOS 12.1 ซึ่งพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานของ Android 12 โดยในการออกแบบ UI นั้นจะเป็นรูปแบบที่ให้ตัวแอปฯ ทั้งหมดอยู่ที่หน้าจอ Home เพื่อความเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน แต่ที่น่าสนใจก็คือทาง OPPO ทำแถบด้านข้างขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานแบบหลายหน้าจอได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังคงความสามารถในการปรับแต่งสีหน้าจอได้ตามที่ต้องการอีกด้วย นอกจากนี้สิ่งที่มือถือในปัจจุบันมีกันก็คือฟีเจอร์ขยายแรม โดยในรุ่นนี้รองรับการขยายแรมถึง 7GB ทำให้สามารถขยายแรมได้สูงสุดถึง 19GB เลยทีเดียว ซึ่งนับว่าเยอะมากจริงๆ
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในด้านการใช้งานทั่วไปนั้นด้วยความที่เป็นเรือธงนี่สามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้เลย ไม่ต้องวไปคิดมาก เนื่องจากในด้านความแรงแล้วมันแรงเกินกว่าที่แอปฯ ต่างๆ ต้องการไปมาก แต่ที่ช่วยให้การใช้งานดูดีขึ้นก็คือหน้าจอระดับ 10-bit ที่มีอัตรารีเฟรช 120Hz ทำให้ความลื่นไหลและสีสันนั้นเป็นที่สุดในทุกด้าน แถมยังสัมผัสลื่นติดนิ้วด้วยอัตราการตอนสนองต่อการสัมผัสที่สูงถึง 240Hz นอกจากนี้ด้วยหน้าจอที่มีความละเอียดถถึง QHD+ ยังช่วยให้ภาพที่ดูมีความคมชัดสุดๆ เมื่อประกอบกับการที่ได้ Widevine ระดับ L1 ทำให้คนที่ชื่นชอบการดูหนังบนมือถือน่าจะฟินตัวแตกเลยทีเดียว
สำหรับในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องมีแบตเตอรี่อยู่ 5,000 mAh ซึ่งจากที่ไ้ดลองใช้งานมานั้นถ้าไม่ได้ใช้งานหนักๆ จนร้อน แบตเตอรี่นับว่าอึดใช้ได้เลยทีเดียว และถึงต่อให้จะเผลอใช้จนหมดก็สบายใจได้เนื่องจากได้ระบบชาร์จสุดเร็ว 80W SUPERVOOC มา ซึ่งจากที่ได้ลองชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือเพียง 5% นั้นภายในเวลา 5 นาทีได้แบตเตอรี่เพิ่มมาเป็น 20% และเมื่อผ่านไป 30 นาทีก็ได้เพิ่มมาเป็น 80% แล้ว ใครที่กำลังรีบๆ รอแค่ 30 นาทีก็เพียงพอจะเอาไปใช้แบบจัดเต็มต่อได้แล้ว และถ้าต้องการเอาให้เต็มเลยก็จะใช้เวลารวม 42 นาทีเท่านั้น ซึ่งในการชาร์จจนเต็มนั้นตัวเครื่องไม่ร้อนเลยสักนิด ช่วยให้แบตเตอรี่เสื่อมช้าลงได้พอสมควร แต่ไปร้อนที่อะแดปเตอร์ชาร์จแทนนะ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สายด้วยนะ แต่เพราะเพราะต้องใช้แท่นชาร์จเฉพาะของ OPPO ซึ่งทางผู้เขียนไม่มีจึงไม่ได้ทดลองว่าจะร้อนไหมนะครับ
การเล่นเกม
ในด้านการเล่นเกมนั้นด้านความแรงก็หายห่วงได้เลยเพราะชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 คือที่สุดแล้วจริงๆ สามารถใช้เล่นเกมได้ทุกเกมเลยนอกจากนี้ทาง OPPO ยังมีเกมโหมดซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถปรับแต่งตัวเครื่องให้สามารถเล่นเกมได้สะดวกขึ้นด้วยทั้งการปรับแต่งประสิทธิภาพ, การแจ้งเตือน แและอื่นๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ต้องการเล่นเกมแบบลื่นๆ ก็สามารถปรับโหมดเป็นโหมดโปรเกมเมอร์ได้เลย ตัวระบบจะทำการรีดประสิทธิภาพที่มีทั้งหมดออกมาใช้ ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมไม่มีอาการกระตุกแต่อย่างใดไม่ว่าจะเป็นเกมที่กินสเปคแค่ไหนก็ตาม (Genshin Imapct เปิดสุดก็เล่นได้) แต่ก็มีสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยก็คือแบตเตอรี่ที่ลดลงเร็วมากกับความร้อนที่ขึ้นเร็วมากนั่นเอง (ถึงระบบระบายความร้อนจะช่วยลดความร้อนได้เร็วก็ตาม) สำหรับเกมที่ใช้ลองเล่นนั้นคือ RoV, PUBG Mobile, PUBG New State, Genshin Impact และ Dead By Daylight ซึ่งทุกเกมสามารถปรับสุดได้หมด ทว่าที่พิเศาหน่อยก็คือ PUBG New State ที่สามารถเล่นแบบ 90fps ได้ (PUBG Mobile ยังไม่ได้นะเออ) ส่วน Genshin นั้นสามารถปรับทุดได้ทุกอย่าง แต่ยังไงก็ไม่แนะนำ ยกเว้นตอนจะถ่ายภาพ เนื่องจากจะทำให้เครื่องร้อนเร็วมากๆ แถมแบตจะหมดเร็วด้วย ให้ปรับลงมาเป็นระดับกลางๆ แล้วเป็น 60fps แทนจะดีกว่า
การถ่ายภาพ
ในด้านการถ่ายภาพนั้นต้องเรียกว่าทาง OPPO จัดเต็มมากทั้งชิปประมวลผลภาพ MariSilicon X รวมถึงให้ HASSELBLAD มาช่วยพัฒนาและยังได้โหมดถ่ายภาพของ HASSELBLAD ติดมาด้วยอีกต่างหาก โดยกล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G นั้นจะมีทั้งหมด 3 เลนส์ซึ่งตัวเลนส์หลักและเลนส์ Ultra-wide จะมีความละเอียด 50Mp เหมือนกันและเป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX766 เช่นเดียวกัน ทำให้คุณภาพไม่ต่างกันเลย ส่วนกล้อง Telephoto จะมีความละเอียด 13MP ซึ่งรองรับการซูมสูงสุด 20 เท่า แต่ที่ดียิ่งกว่าคือในเลนส์หลักจะมีระบบกันสั่นถึง 5 แกนช่วยให้การถ่ายภาพและวิดีโอมีความนิ่งอย่างถึงที่สุด นอกจากนี้ด้วยชิป MariSilicon X ยังช่วยประมวลผลภาพให้ออกมาสวยงามขึ้นด้วย (เน้นเวลาถ่ายให้เปิด AI ตลอดนะ ภาพที่ได้จะดูดีขึ้นผิดตาเลย) นอกจากนี้จากการที่รวมมือกับ HASSELBLAD ก็ทำให้มีโหมด Xpan ติดมาด้วย โดยโหมดตัวนี้จะเป็นการถ่ายภาพแบบเดียวกับที่อยู่ในกล้องของ HASSELBLAD เรียกได้ว่ายกฟีเจอร์นี้มาใส่ตรงๆ เลยก็ได้
จากการที่้เอาไปลองถ่ายรัวๆ มาต้องบอกว่าภาพที่ได้นั้นเรียกได้ว่าสวยงามใช้ได้เลย ทั้งรายละเอียด, ความคมชัด รวมถึงสีสันก็ทำออกมาได้ดี แต่สิ่งที่ควรจะต้องระวังเอาไว้หน่อยก็คือความร้อนที่ขึ้นค่อนข้างเร็วพออสมควร จึงอยากแนะนำสำหรับคนที่ชอบเอาไปใช้ถ่ายภาพกลางแดดหรือเปิดกล้องนานๆ โดยไม่ปิดเลย ช่วยพักเครื่องบ้างก็ดี เพราะระบบระบายความร้อนของเครื่องสามารถระบายความร้อนได้อย่างงรวดเร็ว พักสัด 5 -10 นาทีก็เพียงพอที่จะลดความร้อนได้แล้ว เพื่อการใช้งานเครื่องที่ยาวนานและคงทนนะ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว OPPO Find X5 Pro 5G
สรุปการรีวิว OPPO Find X5 Pro 5G จากการที่ได้เอาไปลองใช้งานมาระยะหนึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นมือถือที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอ รวมถึงคนที่อยากได้กล้องของ HASSELBLAD แต่ไม่มีเงินไปซื้อ เนื่องจากกล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G ในครั้งนี้ทำขึ้นมาดีมากๆ จนสามารถเอาไปใช้ถ่ายภาพหาเงินก็ยังได้เลย แถมด้วยความแรงของตัวเครื่องก็ยังเอาไปใช้ด้านความบันเทิงได้ทุกรูปแบบ จะบอกว่าเป็นมือถือระดับเรือธงที่ครบเครื่องที่สุดเลยก็ได้ แถมคนที่ใช้งานหนักๆ ก็ไม่ต้องไปห่วงเรื่องแบตเตอรี่ด้วยเพราะใช้เวลาชาร์จนิดเดียวเอง ด้วยราคาค่าตัวที่ 39,990 บาทนับว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว สำหรับคนที่สนใจ OPPO Find X5 Pro 5G สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและสามารถสั่งซื้อได้เลยที่ oppo.com/th หรือจะไปลองจับตัวเครื่องจริงๆ ที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าต่างๆ ก่อนก็ได้นะ
จุดเด่น
- ได้หน้าจอ 120Hz แบบ Dynamic
- กล้องหลักและกล้อง Ultra-wide ใช้เซ็นเซอร์ตัวเดียวกันทำให้ไม่มีความแตกต่างด้านคุณภาพของรูป
- มีชิป MariSilicon X มาช่วยประมวลผลภาพให้คุณภาพโดยรวมของรูปดีขึ้นมาก
- ได้โหมด Xpan ของ HASSELBLAD มาด้วย
- กล้องหลักมีระบบกันสั่น 5 แกนที่ช่วยให้ภาพนิ่งสุดๆ
- ได้ชิปประมวลผลระดับเรือธงอย่าง Snapdragon 8 Gen 1
- มีระบบระบายความร้อนขั้นเทพที่สามารถลดความร้อนได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้เวลาชาร์จ 80% ใน 30 นาทีเท่านั้น ช่วยให้สามารถเอาไปใช้ต่อได้เร็วขึ้น
- รองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สายขนาด 50W AIRVOOC
ข้อสังเกต
- มีการใส่แอปฯ ที่ไม่ได้ใช้มาให้เพียบ
- ความร้อนตัวเครื่องขึ้นค่อนข้างเร็ว (แต่ก็ลดลงเร็ว)
- ฟีเจอร์ “เปิดความเร็วชัตเตอร์นาน” เป็นการถ่ายภาพหลายๆ ภาพอย่างรวดเร็วแล้วเอามาซ้อน ทำให้การถ่ายเส้นแสงต่างๆ ไม่มีความสวยงามจนต้องกลับไปใช้โหมด Pro อยู่ดี
- กล้องหน้าบันทึกวิดีโอได้แค่ 1080p 30fps เท่านั้น ทั้งๆ ที่เรือธงแบรนด์อื่นๆ ได้ 4K 60fps กันหมด
- อะแดปเตอร์ชาร์จมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้พกพาได้ยากเล็กน้อย
- ระบบชาร์จเร็วแบบไร้สายต้องใช้แท่นชาร์จเฉพาะเท่านั้น