OPPO Find N มือถือพับได้เครื่องแรกของ OPPO ที่ไม่ได้วางจำหน่ายในไทย แต่ในเมื่อเราได้ตัวเคื่องมาแล้วก็ไม่รอช้า รีบเอามารีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันทันที โดย OPPO Find N นั้นด้วยการที่เป็นเครื่องรอมจีนทำให้ไม่สามารถใช้งาน 5G ได้ แถมไม่มี Google Play ติดตั้งมาให้ด้วย แต่จากที่ได้เอาไปลองใช้มาก็นับว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อย ซึ่งสำหรับใครที่สงสัยว่าใช้งานได้อย่างไร ก็ต้องบอกเลยว่าเครื่องนี้มี GMS นะเออ แค่หา Google Play มาติดตั้งเพิ่มเข้าไปก็พอ ซึ่งใครที่อยากรู้ว่า OPPO Find N นั้นเป็นอย่างไรเราไปดูกันได้เลย
สเปคของ OPPO Find N
- หน้าจอ :
- หน้าจอนอก : AMOLED, ขนาด 5.49 นิ้ว, ความละเอียด 1972 x 988 พิกเซล (Full-HD+), Refresh Rate 60Hz, กระจก Gorilla Glass Victus
- หน้าจอใน : Foldable LTPO AMOLED, ขนาด 7.1 นิ้ว, ความละเอียด 1920 x 1792 พิกเซล (Full-HD+), Refresh Rate 120Hz, HDR10+
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 888 5G
- แรม : 8GB / 12GB
- ความจุ : 256GB / 512GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50 MP, f/1.8, OIS (wide)
- ตัวที่ 2 : 13 MP, f/2.4, 2x optical zoom (telephoto)
- ตัวที่ 3 : 16 MP, f/2.2, 123˚ (ultrawide)
- กล้องหน้า :
- กล้องหน้าด้านนอก : 32 MP, f/2.4
- กล้องหน้าด้านใน : 32 MP, f/2.4
- แบตเตอรี่ : 4,500 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 33W SuperVOOC, รองรับการชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ 10W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 12
- การเชื่อมต่อ :
- 5G (ใช้ในไทยไม่ได้)
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.2 รองรับ code aptX HD
- GPS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ด้านข้างตัวเครื่อง)
- Accelerometer
- Dual Gyroscope
- Proximity
- Compass
- Color Spectrum
- ขนาด :
- พับ : 132.6 x 140.2 x 8.0 มม.
- กาง : 132.6 x 73.0 x 15.9 มม.
- น้ำหนัก : 275 กรัม
- สี : Black, White, Purple
จุดเด่น
- ขนาดตัวเครื่องตอนพับกำลังพอดีมือสุดๆ
- วัสดุตัวเครื่องให้ความพรีเมี่ยมแบบสุดๆ
- มีลำโพงคู่ที่ให้เสียงกระหึ่มมาก
- ได้ชิปประมวลผลระดับเรือธงอย่าง Snapdragon 888
- มีระบบชาร์จเร็ว SuperVOOC ขนาด 33W ที่ใช้เวลาชาร์จ 30 นาทีก็ได้แบตเตอรี่มาถึง 50% แล้ว
ข้อสังเกต
- ไม่มีขายในไทย
- ไม่รองรับ 5G ในไทย
- หน้าจอนอกมี Refresh Rate แค่ 60Hz
- AI กล้องเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อยบางครั้งจะเพี้ยนๆ
- เวลาเปิดเกมแล้วพับหน้าจออัตราส่วนภาพจะเพี้ยนๆ
- อัตราส่วนแอปฯ ตั้งค่าพื้นฐานมาให้ที่ 4:3 ทำให้แอปฯ ไม่เต็มหน้าจอ ต้องไปตั้งค่าด้วยมือทีละแอปฯ
ดีไซน์ตัวเครื่องของ OPPO Find N
สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องนั้นในส่วนของหน้าจอ Find N จะมีทั้งหมด 2 หน้าจอเป็นหน้าจอด้านนอกที่เป็นจอพาแนล AMOLED ขนาด 5.49 นิ้ว ที่ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ส่วนหน้าจอด้านในที่เป็นจอแบบพับได้นั้นมีขนาด 7.1 นิ้วและเป็นพาแนล AMOLED เช่นกัน แต่จะต่างกับจอนอกตรงที่มีค่า Refresh Rate สูงถึง 120Hz เลยทีเดียว สำหรับความละเอียดหน้าจอนั้นทั้ง 2 จอมีความละเอียดระดับ Full-HD+ เช่นเดียวกัน สำหรับตำแหน่งกล้องหน้านั้นหน้าจอนอกจะวางอยู่ตรงกลางหน้าจอเลย ส่วนหน้าจอด้านในจะวางอยู่ตรงมุมบนซ้าย โดยกล้องหน้านั้นเป็นแบบ Punch hole เหมือนๆ กัน และมีความละเอียด 32 MP เช่นเดียวกันด้วย
สำหรับที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นตัวโมดูลกล้องจะเป็นอะไรที่โดดเด่นมาก มีความโค้งนูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง ภายในจะมีกล้องอยู่ 3 ตัววางเรียงกันเป็นแนว ซึ่งดีไซน์ด้านหลังนี้มีความคล้าย OPPO Find X3 มาก ต่างกันที่ขนาดและการจัดเรียงกล้องเท่านั้น พื้นผิวด้านหลังเครื่องมีความสากนิดๆ ช่วยให้ตัวเครื่องไม่ลื่นหลุดจากมือง่าย แถมให้ให้ความเรียบหรูโดยไม่ต้องมีอะไรเยอะ
สำหรับรอบตัวเครื่องนั้นที่ด้านข้างของตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับระดับเสียงแและปุ่มเปิด-ปิดที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ โดยปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ที่ตัวเครื่องซีกซ้าย ส่วนปุ่มเปิด-ปิดเครื่องจะอยู่ที่ซีกขวา ที่ด้านบนจะมีขีดเสารับสัญญาณและไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่ ส่วนด้านล่างนั้นจะมีลำโพง 2 ตัว, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตชาร์จ USB Type-C และช่องใส่ซิมอยู่ โดยถาดใส่ซิมของเครื่องนี้จะเป็นแบบ Dual slot สำหรับใส่ซิม 2 ซิม ไม่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้
ที่แกนพับจะมีข้อความสลักเอาไว้ด้วยว่า “DESIGN FOR FIND” โดยการพับหน้าจอของ Find N เครื่องนี้จะแตกต่างจากมือถือพับได้เครื่องอื่นๆ เนื่องจากจะไม่มีรอยพับบนหน้าจอแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเรียบเนียนสุดๆ ทั้งนี้ก้เป็นเพราะลักษณะการพับที่ OPPO ออกแบบมาจนเหมือนกับการพับกระดาษแบบไม่ได้รีดขอบ ทำให้ไม่เกิดรอยใดๆ ที่จุดพับเลย
ระบบปฏิบัติการของ OPPO Find N
ระบบปฏิบัติการของ OPPO Find N นั้นคือ ColorOS 12 ที่พัฒนาขึ้นมาบน Android 11 ซึ่งการที่เป็นเครื่องจีน ทำให้ภาษาต่างๆ เป็นภาษาจีนซะส่วนมาก ถึงแม้จะตั้งค่าเครื่องให้เป็นภาษาไทยกก็ตาม แต่ก็มีหลายๆ แอปฯ ที่เป็นภาษาจีน ซึ่งตอนที่เปิดเครื่องขึ้นมาจะไม่มี Google Play ติดตั้งมาให้ ต้องไปหาโหลดมาลงเพิ่มเอง ซึ่งก็ทำได้ไม่ยาก นอกจากนี้ด้วยการที่เป็น ColorOS 12 ทำให้มีความสามารถในการแบ่งหน้าจอและการเปิดหน้าจอแบบป็อปอัพตามสมัยนิบมด้วยนั่นเอง ซึ่งมันเป็นประโยชน์มากเมื่อกางหน้าจอออกให้กว้าง ช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์พื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มที่ เพียงแต่ด้วยอัตราส่วนที่ไม่เหมือนใครของหน้าจอด้านใน ทำให้หลายๆ แอปฯ จะมีการแสดงผลที่ออกมาเพี้ยนๆ หน่อย เนื่องจากตัวระบบตั้งค่าพื้นฐานให้แสดงแบบ 4:3 ทำให้ภาพที่แสดงไม่เต็มหน้าจอ ต้องไปตั้งค่าเพิ่มเอาเอง แถมยังต้องตั้งค่าทีละแอปฯ ด้วย
UI ของหน้าจอนอก
UI เมื่อกางหน้าจอ
การใช้งานต่างๆ
การใช้งานทั่วไป / โซเชียล / ดูหนัง
ในด้านการใช้งานทั่วไปนั้นเรียกได้ว่าทำได้ดี ถึงจะมีจุดที่น่าเสียดายอยู่บ้างก็ตาม โดยในเรื่องการโทรนั้นถึงแม้ตัวเครื่องจะไม่สามารถใช้ 5G ได้ แต่ก็สามารถโทรผ่าน 4G ด้วย VoLTE ได้ ในด้านการเล่นโซเชียลนั้นเมื่อเปิดแอปฯ มา การแสดงผลหน้าแอปฯ จะมาในรูปแบบ 4:3 ซึ่งไม่เต็มหน้าจอ ต้องไปตั้งค่าเพิ่มทีหลัง แต่ในด้านความลื่านนั้นเรียกได้ว่าลื่นตามากโดยเฉพาะหน้าจอในที่มีค่า Refresh Rate ถึง 120Hz ส่วนการใช้ดูหนังหรือดูคลิปต่างๆ นั้นก็เรียกได้ว่าน่าสนใจ ด้วยการทีเป็นหน้าจอพับทำให้สามารถพับหน้าจอแบบ 90 องศาเพื่อตั้งหน้าาจอขึ้นมาใช้ดูหนังได้โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมใดๆ แถมด้วยลำโพงคู่ก็ให้เสียงที่ดังพอจะใช้ดูในห้องกว้างๆ ได้สบาย เพียงแต่จุดที่น่าสเียดายก็คือลำโพงตัวเครื่องที่อยู่ฝั่งเดียวกันทำให้ไม่ได้เสียงแบบสเตอริโอ อีกทั้งตัวเครื่องถึงแม้จะได้ Vinewide ระดับ L1 แต่ก็ไม่สามารถติดตั้งแอปฯ Netflix ได้
ในเรื่องการจับถือนั้นเมื่อพับตัวเครื่อง ด้วยขนาดหน้าจอแค่ 5.49 นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องเรียกได้ว่ากระชับมือมากๆ และเมื่อกางแล้วตัวเครื่องก็ไม่ได้หนักเนื่องจากตัวเครื่องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำให้มีสมดุลที่ค่อนข้างดี ส่วนเรื่องการชาร์จนั้นด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh และระบบชาร์จขนาด 33W นั้นใช้เวลารวมทั้งหมด 70 นาทีในการชาร์จจาก 0% ให้เต็ม 100% แต่ที่น่าสนใจก็คือในช่วง 10 นาทีแรกนั้นสามารถชาร์จจาก 0% ให้ขึ้นมาเป็น 18% ได้เลย และสามารถชาร์จจาก 0% ให้ขึ้นมาเป็น 50% ได้ในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น เรียกไ้ว่าใครที่กำลังรีบๆ แต่แบตเตอรี่ดันหมดหรือจะหมด ก็สามารถชาร์จด้วยเวลาสั้นๆ เพื่อใช้ต่อแบบชั่วคราวได้เลย
การเล่นเกม
ในด้านการเล่นเกมนั้นด้วยชิืปประมวลผล Snapdragon 888 นั้นทำให้ตัวเครื่องสามารถเล่นเกมได้ทุกเกมแบบลื่นๆ เลย ซึ่งจากที่ได้ลองทั้ง RoV, PUBG New State Genshin Impact และ Asphalt 9 ก็สามารถเล่นได้ลื่นๆ เลย นอกจาก Genshin Impact แล้วสามารถปรับสูงสุดเล่นได้เลย ส่วน Genshin Imapct นั้นสามารถปรับสุดได้แต่ไม่แนะนำ เนื่องจากตัวครื่องที่มีความบางและหน้าจอพับได้ที่ไม่รุ้จะทนความร้อนสุงไ้ดไหมนั้นมีราคาแพง ถ้าเกิดพังขึ้นมาคงต้องมีน้ำตาไหลกันแน่ๆ สำหรับการจับถือนั้นหน้าจอนอกค่อนข้างจับได้ลำบากอยู่พอสมควรเนื่องจากตัวเครื่องที่ค่อนข้างหน้านั่นเอง แถมหน้าจอยังเล็กด้วย (ใครที่มือเล็กๆ อาจจะชอบก็ได้) ส่วนหน้าจอด้านในที่มีขนาดใหญ่นั้นด้วยการที่เป็นหน้าจอทรงจัตุรัสทำให้การจับต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร
การรถ่ายภาพ
ในด้านการถ่ายภาพนั้นกล้องหลังของ Find N มีทั้งหมด 3 ตัวซึ่งประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 50 MP, กล้อง telephoto ความละเอียด 16 MP และกล้อง ultrawide ความละเอียด 13 MP ส่วนกล้องหน้าที่อยู่บนหน้าจอนอกและในนั้นมีความละเอียด 32 MP เหมือนกันทั้งคู่ โดยกล้องของ OPPO นั้นจะมี AI ให้เปิดใช้งานด้วย ซึ่งตัว AI นี้สามารถจับประเภทภาพได้ค่อนข้างเร็ว แต่ทว่าการถ่ายภาพในที่แสงน้อยนั้นบางครั้ง AI ก็จะประมวลผลออกมาไม่ค่อยปกติสักเท่าไร เหมือนมีการแอบใส่ฟิลเตอร์โดยไม่บอกเรา ซึ่งสำหรับคนที่อยากได้ภาพแบบปกติแล้วการปิก AI ตอนถ่ายภาพกลางคืนเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
สำหรับรูปภาพที่ได้จากกล้องของ Find N นั้นทั้งสีสัน การตัดขอบ ความลึก มิติ สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดี เพียงแต่กล้องหน้านั้นหากอยู่ในที่ๆ มีแสงเยอะมากๆ บางครั้งภาพที่ได้จะมีแสงโอเวอร์เกิน จำเป็นต้องเอาไปเข้าแอปฯ เพื่อแต่งต่อ อาจจะเรียกไ้ดว่าไม่ค่อยอเนกประสงค์สำหรับคนที่ชื่นชอบการเซลฟี่เท่าไร นอกจากนี้ในเรื่องของการซูมนั้นในกล้อง telephoto มี Optical zoom 2 เท่า ซึ่งอาจจะดุไม่เท่าไร แต่ทว่าตัวกล้องสามารถซูมได้สูงสุดถึง 20 เท่า ซึ่งจากที่ได้ลองแล้วน่าสนใจพอสมควรเนื่องจากรายละเอียดของภาพที่ได้จากการซูม 20 เท่านั้นค่อนข้างคมชัด เห้นรายละเอียดได้ครบถ้วนเลยทีเดียว เรียกได้ว่ากล้องของ Find N เครื่องนี้ถึงจะดูไม่ค่อยสุดแต่ก็เกินพอมากๆ ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว OPPO Find N
สรุปการรีวิว OPPO Find N จากที่ได้เอาไปลองใช้งานมาระยะหนึ่งนั้น นับว่าเป็นมือถือพับได้ที่ค่อนข้างน่าสนใจ ขนาดตัวเครื่องก็เรียกได้ว่าเหมาะมือ ทำให้ถือแล้วสบายมือสุดๆ ตัวเครื่องให้ความรู้สึกเรียบหรูแบบผู้ใหญ่โดยไม่ต้องมีอะไรมาตกแต่งเยอะแยะ แบตเตอรี่ก็นับได้ว่าอึดพอสมควรเพราะถ้าไม่ได้เอาไปเล่นเกมแบบต่อเนื่องก็สามารถอยู่ได้ทั้งวันแบบสบายๆ แถมยังชาร์จเร็วอีกด้วย เพียงแต่ด้วยการที่ไม่มีขายในไทยทำให้ไม่สามารถใช้ 5G ได้และไม่สามารถติดตั้ง Netflix ได้ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่น่าเสียดายสุดๆ แล้ว สำหรับคนที่อยากไ้รายละเอียดตัวเครื่งอเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ oppo.com ได้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง