One UI 5.0 หรือ Android 13 นั้นทาง Samsung ได้เปิดให้ Samsung Galaxy S22 Ultra 5G อัพเดตไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา และในปัจจุบันนี้รุ่นอื่นๆ ก็เริ่มได้กันบ้างแล้ว ซึ่งใน One UI 5 นี้ก็เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่เยอะพอสมควร วันนี้เราเลยจะมารีวิวกันแบบสั่นๆ ว่ามันมีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมบ้าง สำหรับลำดับการอัพเดต One UI 5 สามารถเข้าไปดูได้เลยที่ สรุปตารางอัพเดต One UI 5
ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจบน One UI 5
ปรับแต่งหน้าจอล็อก
สิ่งแรกที่พูดถึงเลยก็คือการปรับแต่งหน้าจอล็อก ซึ่งจนถึงตอนนี้การปรับแต่งหน้าจอล็อคนั้นทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากเปลี่ยนภาพหน้าจอและปรับเปลี่ยนทางลัดเท่านั้น ทว่าตอนนี้เราสามารถปรับค่าการแสดงข้อมูลในแต่ละส่วนบนหน้าจอล็อคได้แล้ว (ตามรอย iOS16 ไปติดๆ)
เลือกโหมดตามกิจกรรม
เลือกโหมดจากสิ่งที่กำลังทำเช่น การออกกำลังกาย, ทำงาน หรือพักผ่อน แล้วเลือกว่าอยากให้โทรศัพท์ทำอะไรในแต่ละสถานการณ์เช่น เปิดโหมดห้ามรบกวนเมื่อกำลังพักผ่อน หรือเปิดโหมดฟังเพลงเมื่อกำลังขับรถ เป็นต้น
ซ้อนวิดเจ็ดบนหน้าจอหลัก
รวมวิดเจ็ดหลายตัวที่มีขนาดเท่ากันไว้ในวิดเจ็ดเดียวเพื่อประหยัดพื้นที่บนหน้าจอหลัก เพียงแค่ลากวิดเจ็ดไปไว้บนอีกวิดเจ็ดหนึ่งเพื่อสร้างแถวซ้อน จากนั้นปัดเพื่อสลับใช้งานระหว่างวิดเจ็ด ช่วยให้ประหยัดพื้นที่หน้าจอหลักไปได้เยอะเลย
เพิ่มลายน้ำลงบนภาพ
การเพิ่มลายน้ำลงไปบนภาพนั้นแต่เดิมจะไม่พบเห็นในเรือธง ทำให้ต้องเอาเข้าแอปฯ แต่งภาพเพื่อเพิ่มลายน้ำเท่านั้น ทว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากแล้ว เพราะตอนนี้สามารถเพิ่มลายน้ำลงไปตอนถ่ายภาพได้เลย โดยจะมีข้อมูลให้ใส่ 2 อย่างคือข้อความที่ต้องการและวัน/เวลาที่ถ่าย แถมยังสามารถเปลี่ยนฟอนต์และการจัดแนวได้ด้วย
สร้างสติ๊กเกอร์จากรูปภาพ
ตอนนี้เราสามารถสร้างสติ๊กเกอร์จากรูปภาพเอาไปแปะทับลงบนรูปภาพอื่นได้โดยไม่ต้องพึ่งแอปฯ แยกแล้ว โดยที่ต้องทำก็คือเลือกภาพหลักที่จะใช้ แล้วไปเลือกภาพที่จะใช้เป็นสติ๊กเกอร์มาเพื่อลบพื้นหลัง (ภาพที่ลบพื้นหลังนั้นจะไม่มีการเก็บลงแกลลอรี่เหมือน iOS16 นะ) เมื่อได้ภาพแล้วก็กดเรียบร้อยเพื่อเอาสติ๊กเกอร์นั้นไปวางลงบนภาพหลัก จัดตำแหน่งและมุมให้เข้าที่แล้วเซฟได้เลย
Camera Assistant
สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบภาพจากกล้องที่ AI ของทาง Samsung ประมวลผลก็สามารถโหลดแอปฯ Camera Assistant มาเพื่อปิดการปรับแต่งได้และยังสามาถรปรับแต่งกล้องในส่วนอื่นๆ ได้อีกด้วย
Expert RAW
สำหหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแบบ RAW บางครั้งการใช้แอปฯ กล้องก็อาจจะไม่ค่อยพอใจเท่าไร เนื่องจากตอนถ่ายภาพจะมีการเก็บทั้ง JPG และ RAW ทำให้เสียพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ นั้นมีการจำกัดเล้กน้อย แต่ทว่าใน Expert RAW นั้นจะไม่เป็นแบบนั้นเพราะจะสามารถปรับตั้งค่าได้แบบจัดเต็ม ใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแบบ RAW น่าจะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว
ตัวเลือกเพิ่มเติม RAM Plus
หนึ่งในสิ่งที่ทาง Samsung ใส่มาให้ก็คือฟีเจอร์ RAM Plus แต่ทว่าสำหรับมือถือระดับเรือธงแล้วถ้าไม่ใช่รุ่นเริ่มต้นก็มักจะมีแรมเยอะอยู่แล้ว การที่ตัวเคื่องเอาพื้นที่เก็บข้อมูลไปแปลงเป็นแรมจะทำให้เครื่องช้าลงเล็กน้อย (แบบไม่ค่อยรู้สึก) และจะเสียพื้นที่เก็บข้อมูลไปเท่าที่เอาไปแปลงด้วย ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถใช้พื้นที่เก็บข้อมูลได้อย่างเต็มที่ และใน One UI 5.0 นั้นทาง Samsung ก็ได้ใส่ฟีเจอร์เปิด-ปิด RAM Plus เพิ่มเข้ามาเพื่อให้คนที่ไม่ต้องการแรมเพิ่มปิดการแปลงแรมนี้ซะ หรือถ้าใครที่ต้องการแรมเยอะๆ ก็สามารถเพิ่มการแปลงแรมได้อีก (จากที่ลองและจากการสอบถามในหมู่ผู้ใช้ Galaxy S22 Ultra นั้นบอกกันว่าถ้าอยากให้เครื่องลื่นให้ปิด RAM Plus ไปหรือไม่ก็เปิดการแปลงแรมให้สุดที่ 8GB ไปเลย ซึ่งตรงนี้่ทางผู้เขียนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพอเปิดสุดแล้วถึงลื่นกว่า)
สรุป One UI 5 บน Samsung Galaxy S22 Ultra 5G เป็นอย่างไรจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน
One UI 5 เป็นอย่างไรจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน ต้องบอกเลยว่าเมื่อเทียบกับตอน One UI 4 แล้วมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นความลื่นไหล, การจัดการพลังงาน หรือแม้แต่ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ตัวเครื่องสามารถทำได้ ที่เห็นได้ชัดสุดก็คือความลื่นไหลและความอึดของแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเยอะมาก แถมฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่เพิ่มเข้ามาก็ค่อนข้างมีประโยชน์เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการสร้างสติ๊กเกอร์จากรูปภาพได้ทุกแบบ หรือดึงและสแกนข้อความ เป็นต้น และที่สำคัญตอนนี้สามารถ Back Up ข้อมูลในเครื่องไปยังหน่วยความจำภายนอกเช่น Flash Drive และ Ext.HDD เป็นต้นได้ด้วย ทำให้เวลามีเหตุให้ต้องล้างเครื่องไม่ว่าจะเป็นการส่งมือถือเข้าศูนย์เพื่อซ่อมหรืออะไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องไปนั่งไล่โหลดข้อมูลต่างๆ ใหม่ให้เสียเวลาอีกแล้ว และไม่ต้องไปพึ่งมือถือสำรองด้วย แค่พกหน่วยความจำภายนอกเช่น Flash Drive หรือ Ext.HDD ไปด้วยก็จบ
เพียงแต่หลังจากที่อัพเดต One UI 5.0 นั้นจะมีปัญหาที่เรียกเป็นบัคเล็กๆ ยิบย่อยเกิดขึ้น ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจ แต่ในบางกรณีที่ส่งผลต่อการใช้งานก็ควรจะทำ Wipe Cache Partition สักครั้ง ซึ่งมันจะเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลและแก้บัคต่างๆ ให้หายไปได้ ซึ่งหลังจากที่ทำ Wipe Cache Partition ไปแล้วสิ่งที่เจอได้ทันทีเลยก็คือแบตจะไหลเร็วมาก ซึ่งตรงนี้เราต้องให้ AI มาเรียนรู้การใช้งานใหม่อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ปัญหาเรื่องความร้อนขึ้นค่อนข้างเร็วก็ยังมีอยู่เช่นเดิม แต่ที่รู้สึกได้ก็คือความร้อนสูงสุดนั้นลดลงไประดับหนึ่งเลย แบบราวๆ ว่าพอความร้อนสะสมถึงจุดหนึ่งก็จะคงที่ไม่เพิ่มมากไปกว่านั้น ซึ่งตรงนี้ก็ช่วยได้เยอะเลยสำหรับคนที่ชอบเล่นเกมต่อเนื่องนานๆ เพราะช่วยให้มือไม่ร้อนจนต้องหยุดเล่นเกม