ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่สมาร์ทโฟนหาซื้อได้ง่าย มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นบาท แต่สำหรับผู้ใช้บางกลุ่มที่ไม่ได้ต้องการใช้งาน Application ออยากได้มือถือใช้ง่าย ๆ เน้นโทรเข้าโทรออก เช่น กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่คุ้นเคยกับการทัชสกรีน หรือคนที่กำลังมองหามือถือเครื่องสำรอง เน้นใช้งานควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟน มือถือฟีเจอร์โฟนก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี และตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า ด้วยความที่มันไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย แถมไม่ต้องดูแลรักษามากเท่ากับสมาร์ทโฟน
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่สมาร์ทโฟนครองเมืองแบบนี้ การจะหาฟีเจอร์โฟนดี ๆ สักเครื่องเป็นเรื่องยากพอสมควร ที่มีขายตามท้องตลาดก็มีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ทำให้มีตัวเลือกไม่หลากหลายมากนัก ทาง iMi ประเทศไทยเล็งเห็นช่องว่างตรงนี้ จึงได้ทำการเปิดตัว iMi i9 แฟชั่นโฟนสุดชิค ฟีเจอร์แน่น ๆ เป็นได้ทั้งฟีเจอร์โฟนเครื่องหลัก หรือจะใช้เป็นเครื่องสำรองก็ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีสมาร์ทโฟนเครื่องหลักอยู่แล้วได้เป็นอย่างดี
สเปค iMi i9
- หน้าจอสีขนาด 2.31 นิ้ว (อัตราส่วน 4:3)
- รุ่น 2G ความจุ 32MB / RAM 32MB
- รุ่น 3G ความจุ 256 MB / RAM 512MB
- รองรับ Micro SD สูงสุด 32GB
- กล้อง 1.3 ล้านพิกเซล (ถ้าเป็นรุ่น 3G กล้อง 2.0 ล้านพิกเซล)
- แบตเตอรี่ 900 mAh
- หูฟังแบบ Micro USB (เสียบขั้วเดียวกับพอร์ตชาร์จ)
- กล่องตัวเครื่องสามารถเป็นลำโพง Bluetooth ได้
- ราคา 1,699 บาท
iMi i9 เป็นมือถือที่น่าสนใจตั้งแต่กล่องบรรจุภัณฑ์ ที่ไม่ได้เป็นแค่กล่องมือถือธรรมดา ๆ แต่มันสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นโคมไฟ และเป็นลำโพงบลูทูธสำหรับเชื่อมต่อกับตัวมันเอง หรือจะเอาไปใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนก็ได้เช่นกัน
ตัวที่ทำหน้าที่เป็นลำโพงบลูทูธคือบริเวณฐานของกล่องที่มีสีเขียวนั่นแหละครับ สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หรือเชื่อมต่อกับ iMi i9 เองก็ได้เช่นกัน ด้านข้างที่เป็นพอร์ต USB-A เอาไว้สำหรับชาร์จ iMi i9 ระหว่างที่ฟังเพลง หรือจะชาร์จอุปกรณ์อื่น ๆ ได้เช่นกัน
เสียงจากลำโพงบลูทูธอยู่ในระดับที่พอรับได้ ให้เสียงที่ดังพอสมควร และตัวลำโพงเองก็สามารถแปลงร่างเป็นโคมไฟได้ เพียงประกอบมันเข้ากับกล่อง ทำให้ฟังเพลงไปพร้อมกับเป็นโคมไฟได้ด้วย
โคมไฟเปลี่ยนสีได้ประมาณนี้ครับ
อุปกรณ์ในกล่องประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, หูฟังแบบ In-Ear (ผ่านพอร์ต Micro USB), สายชาร์จ, อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ และเคส TPU ขนาดพอดีตัวเครื่อง
ตัวเครื่องมีการออกแบบมาได้น่าสนใจ ด้วยดีไซน์แบบกระจกโค้ง 2.5D ทั้งสองด้าน, ขนาดตัวเครื่อง และน้ำหนักที่เบามาก ๆ เลยทำให้การพกพาทำได้อย่างสะดวก จับถือง่าย หยิบใช้ง่าย
ตัวปุ่มกดเป็นปุ่มแบบสัมผัส ที่ต้องใช้ความเคยชินในการกดปุ่มสักเล็กน้อย แต่ถ้าปรับตัวได้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะการกดปุ่มไม่ต้องออกแรงเหมือนมือถือปุ่มกดทั่วไป แต่ใช้การสัมผัสเบา ๆ คล้ายการทัชสกรีนก็เพียงพอแล้ว ข้อสังเกตของปุ่มคือเป็นปุ่มควบคุมแบบ 4 ทิศทาง ไม่มีปุ่มตรงกลางสำหรับกดตกลง
หน้าจอเป็นหน้าจอสี ขนาด 2.31 นิ้ว ก็ตามมาตรฐานของฟีเจอร์โฟนทั่วไป การแสดงสีสันถือว่าทำได้ดีกว่าพวกฟีเจอร์โฟนระดับล่าง ๆ ส่วนตัวมองว่าหน้าจอของ iMi i9 เทียบชั้นพวกสมาร์ทโฟนราคาประมาณ 2,000 บาทได้เลย
ด้านการตอบสนองต่อการใช้งานให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหล เมนูใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน และตัวเองก็สามารถเป็นเครื่องเล่นเพลงได้ รวมถึงมีกล้องถ่ายรูปสำหรับเก็บภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อีกด้วย
เมนูก็คล้าย ๆ กับฟีเจอร์โฟนทั่วไป แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามันมีโหมดบลูทูธ และโหมดที่เปลี่ยนตัวเครื่องให้เป็นรีโมทสำหรับสมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพได้ด้วย
การเชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ทโฟนจะเป็นการแปลงร่างให้กลายเป็นโทรศัพท์เครื่องที่ 2 ไปในทันที สามารถรับสายที่โทรเข้าสมาร์ทโฟนได้ รวมถึงการโทรออกด้วยเบอร์ในสมาร์ทโฟนก็ทำได้เช่นกัน และยังมีการเรียกข้อมูลสมุดโทรศัพท์ในสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย คล้ายกับว่ากลายร่างเป็นหูฟังบลูทูธให้กับสมาร์ทโฟนนั่นแหละครับ
นอกจากการรับสาย, โทรออกแทนสมาร์ทโฟนได้แล้ว การที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็เลยทำให้มันเป็นตัวแจ้งเตือนมือถือหายได้เช่นกัน ถ้าสมาร์ทโฟนห่างเกิน 10 เมตรก็จะมีการแจ้งเตือนขึ้นมาทันที ตรงนี้สามารถเอาไปต่อยอดได้ ในกรณีที่ไปเที่ยวกับบุตรหลาน อาจจะให้เด็ก ๆ พกสมาร์ทโฟน แล้วก็เชื่อมต่อไว้ ถ้าเกิดว่าอยู่ห่างกันเกิน 10 เมตร ก็จะแจ้งเตือนขึ้นมาทันที
นอกจากนี้ในรุ่น 3G (เครื่องทดสอบเป็นรุ่น 2G) ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การนับก้าวเดิน สามารถพกไปออกกำลังกายแทนสมาร์ทโฟนก็ได้ เพราะตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา พกพาง่าย สะดวกกว่าสมาร์ทโฟนติด Armband แน่นอนครับ
ด้วยความที่ตัวเครื่องมีความบางมาก ๆ เลยทำให้พอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรถูกตัดออกไป แต่ก็สามารถเชื่อมต่อกับหูฟังผ่านพอร์ต Micro USB แทนได้ โดยหูฟังที่แถมมาให้ในกล่องเป็นหูฟังแบบ In-Ear ที่กันเสียงรบกวนได้ดีกว่า Earbud ด้วยครับ
สำหรับกล้องให้มาที่ความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล คุณภาพของรูปถ่ายก็ตามราคา ตอนถ่ายมีความยากเล็กน้อยตรงที่ต้องมือนิ่งจริง ๆ มิฉะนั้นจะเจออาการภาพเบลอได้ครับ
เมนูในส่วนของกล้องถ่ายภาพก็มีแค่ปุ่มชัตเตอร์ (ใช้ปุ่มลูกศรบน) แล้วก็ตั้งค่าได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามหากต้องการถ่ายภาพ แนะนำให้ซื้อ Micro Sd Card มาใส่เพิ่มนะครับ เพราะความจุในตัวเครื่องให้มาไม่มาก อย่างตอนที่รีวิวเหมือนผมจะถ่ายได้แค่รูปเดียวก็เกิดอาการหน่วยความจำเต็มเสียแล้ว
ภาพรวมจัดว่าเป็นมือถือที่น่าสนใจอีกรุ่นในแง่ของการเป็นฟีเจอร์โฟน (iMi เรียกรุ่นนี้ว่าเป็น Fashion Phone) ทั้งดีไซน์การออกแบบที่สวยงามกว่าฟีเจอร์โฟนทั่วไป น้ำหนักเบา พกพาสะดวก และยังมีฟีเจอร์ในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เหมาะกับการเป็นเครื่องสำรองของคนที่มีสมาร์ทโฟนอยู่แล้วได้เป็นอย่างดี หรือจะซื้อให้ญาติผู้ใหญ่ที่ไม่ถนัดใช้หน้าจอสัมผัสของสมาร์ทโฟนก็ดูเข้าท่าไม่น้อย เพราะนอกจากจะได้ฟีเจอร์โฟนสวย ๆ มาใช้งานแล้ว กล่องยังเป็นลำโพงบลูทูธสำหรับใช้ฟังเพลงได้
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจ สามารถหาซื้อได้ทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน โดยช่องทาง Online จะขายผ่าน iMi Official Store ที่ Lazada พร้อมของแถมเป็น Giftset ส่วน iMi X mini (รุ่นฝาแฝดต่างกันที่ตำแหน่งกล้องหลัง) จะขายแบบ Exclusive เฉพาะที่ iMi Official Store @Shopee ส่วนการจำหน่ายในช่องทางหน้าร้านที่มีตัวเครื่อง iMi ทั้ง 2 รุ่นให้ลองเล่นนั้นจะเป็นที่ห้างสรรพสินค้า Big C ครับ