มือถือ 5G ได้กลายเป็นคำที่หลายคนให้ความสนใจกันมากขึ้น ด้วยการที่ผู้ให้บริการแต่ละรายได้ทำการขยายพื้นที่ของสัญญาณ 5G ออกไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับฝั่งผู้ผลิตมือถือเองที่ก็มีการเปิดตัวมือถือที่รองรับ 5G เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่กลุ่มเครื่องระดับไฮเอนด์จนมาถึงกลุ่มเครื่องราคาระดับกลาง ๆ ซึ่งหนึ่งในผู้นำก็คือ Huawei ที่จัดได้ว่ามีความพร้อมมากที่สุด โดยในบทความนี้ก็จะเป็นการรีวิวมือถือ 5G รุ่นที่มาพร้อมกับสเปคที่ครบครันมาก ๆ ในกลุ่มราคาไม่ถึงสองหมื่นบาท นั่นคือ Huawei nova 7 5G
Huawei nova 7 5G เป็นมือถือที่ทำออกมาตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการมือถือ 5G ในไทยได้ รวมถึงยังต้องการเครื่องที่สเปคแรง รองรับการเล่นเกมได้แบบลื่น ๆ รวมถึงอยากได้กล้องที่สามารถถ่ายภาพได้หลากหลาย ครบครันในทุกสไตล์ที่ต้องการ ซึ่งก็ได้รับการเปิดตัวมาพร้อมกับ Huawei nova 7 SE ที่มีสเปคและราคาที่ย่อมเยากว่าเล็กน้อย โดยนับเป็นมือถือราคาไม่ถึงสองหมื่นรุ่นแรก ๆ ในไทยเลยทีเดียวที่สามารถใช้งาน 5G ได้ตั้งแต่แกะกล่อง ไม่ต้องรออัพเฟิร์มแวร์ใด ๆ
สเปคของ Huawei nova 7 5G
- ชิปประมวลผล Kirin 985 รองรับการเชื่อมต่อ 5G ในตัว
- แรม 8 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.53″ ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080) รองรับการแสดงสีถึงระดับ DCI-P3
- EMUI 10.1 (พื้นฐานจาก Android 10) ไม่มี GMS
- กล้องหลัง 4 ตัว
- กล้องหลัก 64MP f/1.8
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP f/2.4
- เลนส์เทเล 8MP f/2.4 ไฮบริดซูม 5 เท่า ดิจิตอลซูมสูงสุด 20 เท่า
- เลนส์มาโคร 2MP f/2.4
- กล้องหน้า 32MP f/2.0
- แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว SuperCharge 40W
- รองรับ 5G ที่ช่องซิมหลัก และรองรับ 4G VoLTE ทั้งสองซิมพร้อมกัน
- รองรับ WiFi สูงสุดที่ 802.11ac ทั้ง 2.4 และ 5 GHz
- Bluetooth 5.1
- หน้าสเปค Huawei nova 7 5G
- ราคา 16,990 บาท
ในส่วนของสเปค Huawei nova 7 5G จัดว่าให้มาแทบไม่ด้อยไปกว่าพวกมือถือรุ่นท็อป ๆ เลยครับ เพราะอย่างชิป Kirin 985 เองก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยเน้นให้สามารถเชื่อมต่อ 5G ได้แบบไม่ต้องใช้ชิปโมเด็มแยก ตัวคอร์ประมวลผลก็มีประสิทธิภาพต่อพลังงานที่ใช้ที่ดีขึ้นด้วย หน้าจอแบบ OLED ก็ช่วยให้ภาพที่ได้มีสีสันสดใส พร้อมกับการประหยัดพลังงานกว่าพวกพาเนล IPS อีกต่างหาก
สำหรับกล้องก็ให้เลนส์มาถึง 4 ระยะ จะถ่ายวิว ถ่ายคน ถ่ายระยะไกล หรือจะถ่ายแบบเจาะรายละเอียดก็ทำได้ในเครื่องเดียว ไม่ต้องหาเลนส์เสริมเลย จะติดก็แต่เรื่องที่ไม่ได้มีการติดตั้ง GMS มาให้ในเครื่อง ทำให้ถ้าต้องการจะดาวน์โหลดแอปแบบไม่พึ่ง Google Service ก็ต้องอาศัยการติดตั้งจาก AppGallery ของ Huawei เอง หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้พวก 3rd party แทนครับ
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง นอกจากตัวเครื่องแล้วก็จะมีเคสใส อะแดปเตอร์ + สายชาร์จ SuperCharge 40W หูฟังแบบ 3.5 มม. ตัวแปลงจาก USB-C เป็นช่อง 3.5 มม. แล้วก็พวกเข็มจิ้มถาดซิมกับเอกสารคู่มืออีกเล็กน้อย
Huawei nova 7 5G ได้รับการออกแบบให้หน้าจอเป็นแบบเกือบเต็มเครื่อง โดยมีการเจาะช่องแบบ Punch Display สำหรับวางกล้องหน้าเอาไว้ที่มุมซ้ายบนของจอ สำหรับคุณภาพของการแสดงผลก็ต้องจัดว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก ๆ ครับ ทั้งด้านความคมชัด ความสว่าง สีสัน รวมถึงมุมมองจอที่ทำออกมาได้กว้าง แล้วก็ไม่พบอาการสีเหลือบเวลาที่มองจากมุมเอียงด้วย ถือว่าสมราคาอยู่เหมือนกัน
ตรงบริเวณข้าง ๆ กล้องหน้าก็จะเป็นจุดแสดงการเชื่อมต่อสัญญาณทั้ง Cellular และ WiFi โดยถ้ากำลังเชื่อมต่อ 5G อยู่ ก็จะมีสัญลักษณ์ 5G ขึ้นมาตรงขีดสัญญาณให้ได้สังเกตได้อย่างชัดเจนด้วย ต่างจากในมือถือ 5G บางรุ่นที่อาจจะยังแสดงผลในจุดนี้ได้ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะเป็นแบบฝังใต้จอครับ ความเร็ว ความแม่นยำจัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง
ฝาหลังจะเป็นกระจกที่ภายนอก ได้รับการออกแบบด้วยกระบวนการ 3D CMF ที่ทำให้ได้ทั้งความแข็งแรง ทนทาน พร้อมกับสีสันที่สวยงาม ซึ่งจากที่ผมถ่ายรูปฝาหลังมือถือมาก็หลายรุ่น ต้องยอมรับว่าฝาหลังของ Huawei nova 7 5G (และ nova 7 SE) นั้นมีการสะท้อนที่ค่อนข้างน้อยกว่าปกติ ต่างจากในหลาย ๆ รุ่นที่แทบจะใช้แทนกระจกเงาได้เลย ส่วนนี้ผมชอบนะ ถ่ายรูปง่ายดี รวมถึงยังไม่ค่อยมีคราบรอยนิ้วมือเท่าไหร่ด้วย
บริเวณมุมซ้ายบนก็จะเป็นแถบกล้องหลังที่นูนขึ้นมาพอสมควร แต่ถ้าใช้เคสที่แถมมาในกล่องก็หายห่วงครับ เพราะเนื้อเคสมันนูนขึ้นมาช่วยปกป้องแถบกล้องทั้งหมดได้เลย
ด้านบนจะมีเพียงจุดรับส่งสัญญาณอินฟราเรด และก็ช่องรับเสียงของไมค์ด้านบนเท่านั้น
ส่วนด้านล่างจะมีถาดใส่ซิม ช่อง USB-C ข้าง ๆ กันจะเป็นช่องรับเสียงของไมค์สนทนา แล้วก็ปิดท้ายด้วยช่องลำโพงทางขวาสุดครับ
ถาดใส่ซิมจะเป็นแบบสองด้าน ใส่นาโนซิมได้สองใบ โดยถ้าอยากจะใช้ 5G ของซิมไหนก็ต้องใส่ซิมนั้นลงในช่อง SIM1 ด้วย
ฝั่งซ้าย ไม่มีปุ่มหรือช่องใด ๆ ส่วนฝั่งขวาจะมีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และก็ปุ่ม Power อยู่ตรงตำแหน่งที่ถนัดมือพอดี
การใช้งาน 5G บน Huawei nova 7 5G
ในการรีวิวครั้งนี้ ผมทดสอบการใช้งาน 5G บน Huawei nova 7 5G กับซิมของ AIS นะครับ โดยทำการทดสอบที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นจุดที่เปิดให้ใช้งาน 5G มาได้พักหนึ่งแล้ว ซึ่งเมื่อเข้าเขตที่มีสัญญาณ ตัวเครื่องก็จะจับ 5G ให้อัตโนมัติ มีสัญลักษณ์ 5G ปรากฏขึ้นมาตรงแถบสัญญาณมือถือ
โดยในขณะที่ทดสอบ การเชื่อมต่อ 5G จะเป็นเฉพาะ Data เท่านั้น ส่วน Voice จะยังคงใช้เครือข่าย 4G ตามเดิม ทั้งนี้ก็เนื่องจาก AIS ยังเปิดให้ใช้งานเฉพาะ 5G แบบ NSA ที่ยังต้องอาศัยโครงข่าย 4G ด้วยเท่านั้น ส่วนถ้าอยากจะให้ทั้ง Data และ Voice ใช้งานเครือข่าย 5G ทั้งหมด ก็ต้องรอให้มีการเปิดโครงข่ายแบบ SA ก่อน รวมถึงตัวมือถือ 5G ที่ใช้ก็ต้องรองรับ 5G แบบ SA ด้วยเช่นกัน
ซึ่งอันที่จริงแล้ว ตัวชิป Kirin 985 เองนั้นรองรับการเชื่อมต่อ 5G ทั้งแบบ NSA และ SA เลย แต่ก็คงต้องรอดูกันอีกครั้งครับ เพราะในเบื้องต้นทาง AIS ระบุไว้เพียง P40 Pro และ P40 Pro+ เท่านั้นที่สามารถใช้งาน 5G SA ได้แน่ ๆ
ซึ่งในประเด็นเรื่องของความเร็วก็เรียกว่าเทียบระดับเน็ตไฟเบอร์ตามบ้านได้เลย กับความเร็วดาวน์โหลดหลักร้อย Mbps ส่วนความเร็วในการอัพโหลดก็แกว่งอยู่ในระดับเดียวกับมือถือ 5G ที่มีการทดสอบในช่วงนี้ครับ คือมักจะไม่ค่อยเกิน 50 Mbps
การดาวน์โหลดแอปและเกมบน Huawei nova 7 5G
ตามที่เกริ่นไปตอนแรกว่า Huawei nova 7 5G ไม่ได้รับการติดตั้ง GMS และเหล่า Google Service ต่าง ๆ มาจากโรงงาน ดังนั้นจึงไม่สามารถดาวน์โหลดแอปและเกมจาก Play Store ได้ สำหรับวิธีที่จะหาแอปและเกมมาใช้ในเครื่อง หลัก ๆ แล้วก็จะมี 2 แนวทางครับ หนึ่งคือใช้งาน HMS + AppGallery + Store นอกแบบ 3rd party เพื่อโหลดแอปและเกม หรืออีกวิธีก็คือการติดตั้ง GMS กันเอง
สำหรับในรีวิวนี้ผมเลือกวิธีแรกครับ คือใช้งาน HMS ที่ติดมาในเครื่องเลย เพื่อดูว่าชีวิตจะต่างจากตอนใช้มือถือ Android ที่มี GMS มาจากโรงงานขนาดไหน
อันดับแรกเลยผมก็ไปลองค้นหาแอปที่ใช้งานประจำกับแอปสามัญทั้งหลายจากใน AppGallery ของ Huawei ดู ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีให้มาค่อนข้างครบกับการใช้งานทั่วไปเลย จะ แชท เล่นโซเชียล ช้อปออนไลน์ หรือทำงานด้วยแอปชื่อดังทั้งหลายก็สามารถโหลดแอปตรงจาก AppGallery ได้ พวกแอปธนาคารก็มีพอร์ตมาค่อนข้างครบครันแล้ว
แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องปกติครับที่ในช่วงแรก ๆ อาจจะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เท่าที่ผมเจอกับแอปที่โหลดจาก AppGallery ก็คือ บางแอปยังไม่ได้รับการอัพเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด (ตรวจสอบกับ store แบบ 3rd party) ซึ่งอาจต้องรอซักนิดนึงถึงจะมีรุ่นใหม่ล่าสุดมาให้อัพเดตกัน
ส่วนอีกเรื่องก็คือการทำงานของบางฟังก์ชันในบางแอปที่ยังไม่สมบูรณ์ 100% นัก ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการที่ยังไม่สามารถแชร์ location ใน LINE ได้ โดยตอนกดแชร์ก็จะมีข้อความแจ้งมาเลยว่าจำเป็นต้องใช้ Google Service ด้วย แต่ในเครื่องที่ทดสอบ ผมไม่ได้ติดตั้ง GMS เลย จึงยังไม่สามารถใช้งานได้ ก็คงต้องรอการอัพเดตแอปจากทาง LINE กันอีกทีในอนาคตแหละครับ
ส่วนเรื่องเกมใน AppGallery ก็อาจจะยังไม่ครบถ้วนนัก ที่แน่ ๆ เลย เกมดังอย่าง PUBG Mobile และ RoV ยังไม่มีให้โหลดนะครับ ก็อาจจะเปลี่ยนไปเล่น Garena Free Fire แทน หรือไม่อย่างนั้นก็ใช้การโหลดเกมจาก store อื่นแทน
อีกทางเลือกในการติดตั้งแอปและเกมบน Huawei nova 7 5G ที่ใช้ HMS ก็คือการโหลดแอปจาก store นอก เช่น APKPure ซึ่งแน่นอนว่ามีให้โหลดกันแทบทุกแอป ทุกเกม แต่ก็คงต้องเลือกกันซักนิดนึง เพราะบางทีตัวไฟล์ที่มีให้โหลดอาจจะเป็นตัวเกม server ต่างประเทศก็มี
แต่จะมีอีกวิธีที่ง่ายกว่าในการโหลดแอปและเกมจาก store นอก ก็คือการค้นหาผ่านแอป Petal Search อีกที ซึ่งตัวแอป Petal Search จะมีช่องให้ผู้ใช้พิมพ์ชื่อแอปเพื่อค้นหาได้ โดยระบบมันจะไปค้นหาแอปที่เราต้องการจากใน store ต่าง ๆ แล้วก็มีปุ่มมาให้กดติดตั้งได้ทันที อย่างในภาพด้านบนผมลองค้นหา Ragnarok ดู ก็จะมีชื่อเกม Ragnarok จาก store ต่าง ๆ มาให้เลือกโหลดได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ ก่อนการติดตั้งแต่ละแอป ระบบจะช่วยตรวจสอบไฟล์ให้ด้วยว่าปลอดภัยหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ เรียกว่ามาพร้อมทั้งความสะดวกและความปลอดภัยเลย
รวม ๆ แล้วการติดตั้งแอปและเกมบน Huawei nova 7 5G ถ้าพูดจริง ๆ ก็ต้องบอกว่าอาจจะยังไม่ค่อยสะดวกเท่ากับมือถือ Android ทั่วไปนัก ด้วยความที่ HMS ยังจัดว่าเป็นแพลตฟอร์มใหม่ในวงการสมาร์ตโฟนอยู่ จึงไม่แปลกที่จะต้องใช้เวลากันซักนิดนึง ทางที่ดี ผู้ใช้ก็อาจจะต้องศึกษาวิธีการติดตั้งแอป แนวทางการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น รวมถึงคอยติดตามข้อมูลอัพเดตจากช่องทางต่าง ๆ ไว้ซักนิดนึงครับ อาจจะเป็นพวกกลุ่มใน Facebook ก็ได้ เผื่อจะได้รับข้อมูลที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานได้
กล้องของ Huawei nova 7 5G
จัดว่าเป็นหนึ่งในจุดที่ Huawei จัดเต็มสำหรับมือถือรุ่นกลางอยู่เหมือนกัน ด้วยการใส่เลนส์มาถึง 4 ระยะ ทั้งเลนส์ไวด์ปกติ เลนส์อัลตร้าไวด์ เลนส์เทเลสำหรับการซูมแบบออปติคอล และก็เลนส์มาโครสำหรับการถ่ายภาพมาโครระยะใกล้ ๆ ตัวอย่างภาพที่ได้จากการถ่ายในแต่ละระยะก็ตามด้านล่างนี้เลยครับ
ภาพ 1 – ระยะไวด์ปกติ
ภาพ 2 – ระยะอัลตร้าไวด์
ภาพ 3 – ซูม 3 เท่า Optical
ภาพ 4 – ซูม 5 เท่า Hybrid
ภาพ 5 – ซูมสูงสุด 20 เท่า
ภาพที่ได้จากการซูมทั้งแบบ Optical ที่ 3 เท่า และแบบ Hybrid 5 เท่า ก็จัดว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ การเก็บรายละเอียดยังทำได้ครบถ้วน สีสัน ความสว่าง แต่ที่โทนสีในบางจุดนั้นต่างกันก็เนื่องมาจากการประมวลผลของระบบ AI ที่จะจับเฉพาะ object ทั้งหมดในเฟรมมาประมวลผล เพื่อหาจุดที่น่าจะทำให้ภาพออกมาสวยที่สุด ซึ่งในภาพแรก ๆ นั้นอัตราส่วนของท้องฟ้าในภาพมันเยอะกว่า ทำให้ภาพออกมาเน้นที่สีสันของท้องฟ้า ในขณะที่ภาพซูมทั้ง 3 ภาพหลัง ในเฟรมจะเน้นที่สีเขียวต้นไม้มากกว่า AI ก็เลยเน้นการปรับแต่งให้ต้นไม้มีสีสดใสขึ้น แล้วลดสีสันของท้องฟ้าลงตามลำดับ
แต่ตัวระบบ AI เอง ส่วนตัวผมพบว่าบางครั้งมันก็ปรับแต่งภาพหนักไปนิดนึง อย่างในภาพด้านล่างนี้
ขณะที่ถ่าย ตัวระบบ AI แจ้งว่าเป็นการถ่ายภาพท้องฟ้าครับ ภาพที่ได้ออกมาเลยทำให้สีท้องฟ้าดูเข้มสะใจกันไปเลย แต่มันก็ส่งผลกับจุดอื่นของภาพด้วย เช่น ภูเขากับเรือที่ดูมืดจนเสียรายละเอียดไปเลย ถ้าเกิดเจอกรณีแบบนี้ แนะนำว่าปิดระบบ AI ก่อนถ่ายจะให้ภาพที่ดูตรงกับที่ตาเห็นมากกว่าครับ ซึ่งส่วนมากแล้วจะเกิดกับการถ่ายภาพในสภาพแสง/สีที่จัดมาก ๆ ส่วนถ้าใช้งานทั่วไป ระบบ AI ก็ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควรเลย
การถ่ายภาพกลางคืนก็ยังเป็นจุดที่ Huawei nova 7 ทำออกมาได้ดีไม่แพ้รุ่นใหญ่เลยครับ โดยเฉพาะการไล่สีสัน การเกลี่ยความสว่าง ไปจนถึงการเก็บรายละเอียดในจุดต่าง ๆ ซึ่งถ้าใช้โหมดถ่ายกลางคืนร่วมด้วย ภาพที่ออกมาก็จะมีความสว่างมากขึ้นกว่าโหมดอัตโนมัติเล็กน้อยด้วย แลกกับการใช้เวลาถือถ่ายนานขึ้นนิดนึง
ส่วนโหมดมาโครที่เป็นการใช้เลนส์มาโครในการถ่ายรูป ก็สามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้มาก ๆ ครับ แถมที่ทำได้ดีกว่าในมือถือหลาย ๆ รุ่นก็คือการเก็บรายละเอียดความคมชัดที่ดีกว่า แล้วก็การที่ภาพไม่มีขอบดำแบบ vignette กวนใจ ซึ่งมักจะพบในมือถือรุ่นที่มีเลนส์มาโครมาด้วยในราคาไม่แพงมาก
รวม ๆ แล้ว กล้องของตัวเครื่องก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ตอบโจทย์การถ่ายภาพได้แทบจะทุกรูปแบบไม่แพ้มือถือรุ่นท็อปอยู่เหมือนกัน สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง สามารถคลิกชมได้จากแกลเลอรี่ด้านล่างนี้นะครับ ทุกภาพเปิด AI ขณะถ่ายด้วย
ความแรง และการเล่นเกม
Huawei nova 7 5G มาพร้อมกับ EMUI 10.1 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 10 ซึ่งพวกอินเตอร์เฟสต่าง ๆ ก็ยังคงมีโครงสร้างแบบเดียวกับใน EMUI รุ่นก่อน ๆ หน้าครับ รวมถึงยังมีแอปติดเครื่องมาให้อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาครั้งแรก จะเหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 240 GB จากพื้นที่ตามสเปค 256 GB
ในการปรับใช้งาน 5G/4G/3G/2G ก็จะอยู่ที่เมนูการตั้งค่า Mobile data ตามปกติของระบบปฏิบัติการ Android โดยจะมีเฉพาะซิม 1 เท่านั้นที่สามารถเปิดรับการเชื่อมต่อ 5G ได้ (ใช้ชื่อว่า NR) ส่วนถ้าใครคิดว่าในพื้นที่ที่ตนใช้งานนั้นไม่มี 5G แน่ ๆ หรือถึงมีก็ยังไม่อยากใช้งาน ก็สามารถปรับให้จับได้สูงสุดแค่ระดับ 4G LTE ก็ได้ครับ
ชิปประมวลผล Kirin 985 และสเปคโดยรวมของ Huawei nova 7 5G ที่แม้จะได้รับการวางมาให้เป็นมือถือระดับกลาง ๆ แต่เมื่อทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปบางตัว ผลที่ออกมาก็ต้องบอกว่าทำได้ดีเลยทีเดียว กับคะแนน AnTuTu เกิน 300,000 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วย GeekBench ก็ได้คะแนน single core ในระดับใกล้ ๆ กับมือถือชิป Snapdragon 855 ด้านของคะแนนแบบ multi core นั้นได้อยู่ในกลุ่มใกล้ ๆ กับ Kirin 970
ส่วนประเด็นเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ ถ้าใครที่เคยใช้มือถือ Huawei ในช่วง 3-4 ปีหลังมานี้ ก็จะทราบดีว่า Huawei พัฒนาด้านการใช้แบตเตอรี่มาได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยทั้งการใช้แบตความจุสูง การปรับจูนซอฟต์แวร์ที่ลงตัว และที่สำคัญคือการพัฒนาชิปประมวลผลให้มีประสิทธิภาพต่อการใช้พลังงานที่ดีอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเท่าที่ผมได้ทดสอบมา หากเป็นการใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน อันนี้อยู่จากเช้าถึงค่ำได้สบายมาก แบตเหลือข้ามวันได้เลย ส่วนถ้าเล่นเกมก็จะลดเร็วขึ้นนิดนึงครับ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าซดฮวบฮาบอะไร หรือถ้าต้องการชาร์จแบบด่วน ๆ ก็สามารถใช้อะแดปเตอร์และสายที่รองรับ Huawei SuperCharge อัดไฟเข้าไปได้ รองรับสูงสุดถึง 40W ไวทันใจแน่นอน
ลองจับมาเล่นเกมบ้าง เริ่มด้วย RoV ครับ ในด้านของการปรับกราฟิกก็สามารถปรับสูงสุด พร้อมเปิดโหมดเฟรมเรตสูงได้สบาย ได้เฟรมระหว่างเล่นอยู่ในระดับ 59-61 FPS เกือบตลอดเวลา
ต่อมาเป็นเกม PUBG Mobile ที่ก็ยังทำได้ดีอยู่ รองรับการปรับภาพระดับ HDR และเฟรมเรตระดับ Ultra ได้แบบไม่มีปัญหา ภาพในเกมไม่มีอาการแล็กที่มาจากการประมวลผลไม่ทันเลย ดังนั้น ใครที่เล็งไว้ว่าจะซื้อ Huawei nova 7 5G มาใช้เล่นเกมก็หายห่วงเรื่องความแรงได้เลยครับ
ส่วนเรื่องลำโพงในเครื่อง จัดอยู่ที่ระดับพื้นฐานนะ ประกอบกับตำแหน่งที่เสียงออกนั้นอาจจะถูกนิ้วบังขณะเล่นเกมได้เหมือนกันครับ
สรุปปิดท้ายรีวิว Huawei nova 7 5G
Huawei nova 7 5G นับเป็นมือถือ 5G ในราคาระดับหมื่นกลางที่มาพร้อมความครบครันในหลาย ๆ ด้าน หลัก ๆ เลยก็คือรองรับการเชื่อมต่อ 5G ในไทยตั้งแต่แกะกล่อง ภาครับสัญญาณต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ดีมากสมกับการเป็นหนึ่งในบริษัทอุตสาหกรรมเน็ดเวิร์ค เรื่องกล้องก็ให้เลนส์มาครบช่วง คุณภาพของภาพที่ได้ก็สมราคา ไม่ว่าจะถ่ายกลางวัน กลางคืน ระยะใกล้ ระยะไกล
แต่ก็จะมีจุดที่เสียดายซักนิดนึงก็คือเรื่องการโหลดแอปและเกมเมื่อไม่ได้ใช้งาน GMS ครับ ถึงแม้ว่าหลาย ๆ ตัวจะมีให้โหลดบน AppGallery ก็จริง รวมถึงยังมี store นอกให้ไปหาโหลดได้แบบไม่ยากก็ตาม แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันยังไม่ค่อยสะดวก และยังรองรับฟังก์ชันต่าง ๆ ไม่เท่ากับการโหลดผ่าน Play Store ของ Google อยู่เหมือนกัน ตรงจุดนี้ก็คงต้องรอการพัฒนาต่อไปของทั้งฝั่ง Huawei และก็ฝั่งผู้พัฒนาแอปครับ ก็หวังว่าจะขึ้นมาเป็นขั้วที่สามได้อยู่เหมือนกันนะ
กับราคา 16,990 บาทของ Huawei nova 7 5G ก็ต้องบอกว่าเป็นราคาที่น่าจะโดนใจกับคนที่ต้องการมือถือ 5G ที่มาพร้อมกับสเปคแรงหน่อย (แรงกว่าระดับ nova 7 SE) รองรับการใช้งานไปได้อีกอย่างต่ำซัก 2 ปีแบบไม่น่าจะเจอปัญหาเครื่องหน่วง เครื่องช้า และแน่นอนว่าอาจจะมาพร้อมโปรและของแถมแบบจุใจตามสไตล์ Huawei ซึ่งถ้าหักลบกันทั้งหมดแล้ว Huawei nova 7 5G ก็จัดว่าเป็นมือถือ 5G ที่คุ้มเครื่องหนึ่งในช่วงกลางปี 2020 เลยครับ