[Review] HP Sprocket เครื่องพิมพ์ขนาดพกพา รองรับทั้ง Android และ iOS ในราคา 5,380 บาท

เครื่องพิมพ์ภาพแบบพกพากำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะว่าตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ชอบการถ่ายรูปและเก็บภาพในช่วงเวลาสำคัญ ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไหร่ก็สามารถแบ่งรูปให้กันคนอื่นได้ โดยของที่เราจะมารีวิวในวันนี้คือ HP Sprocket เครื่องพิมพ์พกพาสั่งงานผ่านบลูทูธได้จากสมาร์ทโฟนทั้งระบบ iOS และ Android มีจุดเด่นในเรื่องของการใช้การดาษ  Zink  ที่ใช้ความร้อนทำให้เกิดสีบนกระดาษ จะเป็นยังไงมาดูกันเลยดีกว่า

• HP Sprocket มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว-โรสโกลด์ สีดำ-เงิน และสีแดง-เงิน มาพร้อมกับกระดาษ 10 แผ่น ในราคา 5,380 บาท
• กระดาษ Zink Photo (กล่องละ 20 แผ่น) ราคากล่องละ 385 บาท

อุปกรณ์

1. เครื่อง HP Sprocket
2. สายชาร์จ
3. กระดาษ Zink 10 แผ่น
4. คู่มือการใช้งาน

ตัวเครื่อง HP Sprocket ใช้วัสดุเป็นพลาสติกทั้งหมด มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับแบตเตอรี่สำรอง (Powerbank) โดยที่ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้พกไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 172 กรัม

ขนาดความหนาของ HP Sprocket เมื่อเทียบกับ iPhone SE ที่ใส่เคส จะเห็นว่า HP Sprocket มี ความหนากว่าพอสมควร

ตัว HP Sprocket เป็นเครื่องพิมพ์ขนาดพกพา ทำให้มีแบตเตอรี่ในตัวสามารถพกพาออกไปใช้งานข้างนอกได้

ด้านบนตัวเครื่องจะมีไฟแสดงสถานอยู่เวลาที่เราเปิดเครื่องจะมีไฟติดขึ้นมา โดยถ้าเราเปิดเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาทีเครื่องจะปิดเองอัตโนมัติ

โดยตัวเครื่องสามารถสไลด์ฝาออกมาเพื่อที่จะใส่กระดาษได้ Zink ได้ โดยหลักการทำงานนั้นจะใช้แผ่นเหล็กด้านล่างทำให้เกิดความร้อนบนกระดาษเพื่อที่จะทำให้เกิดสีต่าง ๆ ขึ้นมา

HP Sprocket นั้นจะรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth โดยที่เราต้องไปโหลดแอป Sprocket บน iOS และ Android เสียก่อนถึงจะเริ่มใช้งานได้

พอเข้า App มาหน้าแรกด้านบนเราจะเจอสถานะการเชื่อมต่อและสถานะแบตเตอรี่ ถัดลงมาจะเป็นเมนูการใช้งานต่าง ๆ โดยเราสามารถสั่งพิมพ์รูปได้จากในตัวเครื่องและรูปตาม Social ต่าง ๆ ได้

(ตัวเครื่องจะมีการแจ้งเตือนด้วยถ้ามีแบตเตอรี่อ่อน)

จากรูปด้านบนเป็นการเลือกรูปที่เราจะสั่งพิมพ์ สามารถพิมพ์เป็นรูปเล็ก ๆ 1 รูปได้ หรือจะสั่งพิมเป็นรูปใหญ่ก็ได้ด้วยโดยมีให้เลือกว่าจะพิมพ์เอามาต่อกันกี่ช่อง โดยการสั่งพิมพ์นั้นจะมีสถานะการเชื่อมต่อบอกอยู่ตรงกลางถ้าขึ้นสีเขียวคือพร้อมใช้งาน แต่ถ้าขึ้นเครื่องหมายนาฬิกาให้กดเปิดเครื่องพิมพ์ 1 ทีไฟสถานะก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว

นอกจากจะพิมพ์รูปได้แล้วตัว App ยังสามารถที่จะแต่งรูป ใส่ฟิลเตอร์ หรือเลือกกรอบได้อีกด้วย ถือว่าสะดวกมาก ๆ สามารถจบการแต่งรูปและพิมพ์ได้เลยใน App เดียว

กระดาษ Zink นั้นมีขนาด 2 x 3 นิ้ว แต่ละซองจะมีกระดาษอยู่ 11 แผ่นแต่จะเป็นกระดาษเทสจำนวน 1 แผ่น เท่ากับเราสามารถใช้ได้ 10 แผ่น โดยตัวกระดาษนี้สามารถลอกด้านหลังออกมาเป็นสติ๊กเกอร์ได้

Zink ย่อมาจาก Zero Ink Technology โดยกระดาษ Zink นี้จะมีการบรรจุผลึกแม่สี 3 สี ได้แก่ สีเหลือง, สีแดง และ สีน้ำเงิน วางซ้อนกันเป็น layers บนแผ่นกระดาษแผ่นเดียวกัน และมีฟิมล์ใส Gloss Overcoat เคลือบอยู่ด้านบนสุด

โดยการที่จะทำให้กระดาษ Zink นั้นเกิดสีขึ้นมา ต้องใช้ความร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะสมของสีแต่ละ layers เพื่อให้ได้สีต่าง ๆ ออกมาเช่น สีเหลืองใช้อุณหภูมิ 200 องศา สีแดงใช้อุณหภูมิ 150 องศา และสีน้ำเงินใช้อุณหภูมิ 100 องศา

คุณภาพของรูปที่ได้ ถ้าเทียบกับสีจอในโทรศัพท์สีจะดูเพียนไปบ้างโดยเฉพาะสีฟ้าเพราะว่ามีอุณหภูมิในการเปลี่ยนสีที่ต่ำที่สุดทำให้สีออกมาเยอะที่สุดด้วย สังเกตจากในรูปด้านบนจะเห็นว่าสีฟ้าบนทองฟ้าจะดูฟ้ากว่าบนหน้าจอโทรศัพท์

ส่วนรูปที่ไม่ค่อยมีสีฟ้าสามารถทำออกมาได้ดีโดยที่โดยฉพาะสีดำที่ดำสนิทจริง ๆ ส่วนตัวคิดว่าถ้ารูปไม่มีโทนสีฟ้าเยอะสามารถพิมพ์ออกมาได้สวยดีเลยทีเดียว

ภาพที่ได้จาก  HP Sprocket ก็ถือว่าตอบโจทย์ในการใช้งานเกี่ยวกับการสั่งพิมพ์ภาพได้ดี แต่อาจจะติดในเรื่องของสีไปบ้างแต่เป็นปกติของ Zink อยู่แล้ว คุณภาพของภาพที่ได้ส่วนตัวคิดว่าดีเลยที่เดียว ภาพที่ได้นั้นมีรายละเอียดครบครัน ตามขอบวัตถุต่าง ๆ นั้นมีความคมของภาพซึ่งจะแตกต่างจากรูปที่ได้จากฟิล์ม Instax แต่ถ้าสังเกตดี ๆ รูปที่เราสั่งพิมพ์นั้นจะถูกตัดขอบลงไปบ้างเล็กน้อย ทั้งที่ตอนแสดงผลบนจอโทรศัพท์นั้นเราสั่งพิมพ์ไปแบบเต็มแผ่น

HP Sprocket นั้นเหมาะสำหรับคนที่อยากมีรูปไว้แจกเพื่อน หรือคนที่ชอบเก็บรูปไว้ติดตามห้องน่ารัก ๆ ด้วยราคาค่าตัวที่ 5,380 บาท และกระดาษ Zink ที่เฉลี่ยตกแผ่นละ 19 บาท เชื่อว่าคงจะต้องถูกใจใครหลายคนที่อยากได้ความสะดวกสะบายในการสั่งพิมพ์ภาพจากที่ไหนก็ได้อย่างแน่นอน

ใครที่สนใจ HP Sprocket ก็สามารถ Pre-Order ได้ที่ Banana คลิกที่นี่ พร้อมรับฟรีของสมนาคุณรวมมูลค่ารวม 1,850 บาท