ปีนี้นับเป็นปีที่ Honor เข้ามาทำตลาดในไทยแบบจริงจัง โดยมือถือแต่ละรุ่นที่เข้ามาก็เรียกว่ามีจุดเด่นกันแทบทั้งนั้น เสริมด้วยสิ่งที่ทำให้ตลาดแตก ทั้งด้วยความคุ้มค่าของสเปคต่อราคา และรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่แพ้มือถือรุ่นท็อป รวมไปถึงรุ่นใหม่ล่าสุดในรีวิวบทความนี้ นั่นคือ Honor 8X ด้วยเช่นกันครับ
สำหรับ Honor 8X จัดเป็นมือถือรุ่นคุ้มค่าที่อัดแน่นมาด้วยฟีเจอร์ซึ่งช่วยเสริมการทำงานให้กับส่วนต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นระบบ AI ของกล้องถ่ายรูป จอแสดงผลคุณภาพสูงที่มาพร้อมฟังก์ชันถนอมสายตา ไปจนถึงเทคโนโลยี GPU Turbo ที่ช่วยให้การเล่นเกมเป็นไปได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ก่อนที่เราจะไปชมรีวิวและหน้าตาของ Honor 8X กันแบบเต็ม ๆ เรามาดูสเปค Honor 8X เครื่องนี้กันก่อนเลย
สเปค Honor 8X
-
- ชิปประมวลผล Kirin 710 มี 8 คอร์ประมวลผล ความเร็ว 2.2 GHz (4 คอร์ Cortex-A73) และ 1.7 GHz (4 คอร์ Cortex-A53)
- ชิปกราฟิก Mali-G51 MP4 พร้อมเทคโนโลยี GPU Turbo
- แรม/พื้นที่เก็บข้อมูลที่มีให้เลือก:
- 4GB/64GB (เครื่องที่รีวิว
- 4GB/128GB
- หน้าจอ FullView Display 2.0 ขนาด 6.5 นิ้ว LTPS-LCD ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) อัตราส่วนจออยู่ที่ 19.5:9
- จอสามารถแสดงสีได้ครอบคลุมถึง 85% ของมาตรฐาน NTSC และมาพร้อมโหมดถนอมสายตาที่ได้การรับรองโดย TÜV Rheinland
- Android 8.1 Oreo ครอบมาด้วย EMUI 8.2
- กล้องหลังคู่
- กล้องหลัก AI Camera ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล f/1.8 ระบบโฟกัสแบบ PDAF
- กล้องรองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ใช้เก็บข้อมูลระยะความลึก
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- รองรับ 4G VoLTE พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมถึงสามารถเพิ่ม MicroSD ได้ (ถาดแบบแยก)
- แบตเตอรี่ 3750 mAh
- ช่องชาร์จไฟแบบ Micro USB และยังมีช่องเสียบแจ็กหูฟังขนาด 3.5 mm. อยู่
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบสแกนใบหน้าสำหรับการปลดล็อกหน้าจอ
- ราคา Honor 8X เริ่มต้นที่ 7,990 บาท
จากสเปค จะเห็นว่ามีการนำฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์เข้ามาเสริมจุดเด่นให้ตนเองขึ้นไปอีก ตัวอย่างเช่น หน้าจอที่ใหญ่เต็มตาอยู่แล้ว ก็เสริมด้วยคุณภาพของการแสดงผล ส่วนชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกที่อาจจะดูเบาไปนิดสำหรับการเล่นเกม แต่ก็เสริมด้วยเทคโนโลยี GPU Turbo ที่จะช่วยให้การเล่นเกมเป็นไปได้อย่างไหลลื่นมากขึ้น รวมถึงแบตเตอรี่ที่ให้มาอย่างจุใจ เหมาะกับผู้ที่มองหามือถือจอใหญ่ ใช้งานได้ครบครัน และใช้ได้หมดวันแบบไม่ต้องกังวลเลยทีเดียวครับ
ดีไซน์ หน้าตา
Honor 8X มีจุดเด่นอยู่ที่หน้าจอเลยครับ เพราะมันใหญ่เต็มตาเต็มเครื่องมาก ๆ ด้วยขอบจอบางเฉียบ อย่างขอบล่างของจอก็มีความบางสุดเพียง 4.25 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง ซึ่งนับว่าเป็นการทะลายข้อจำกัดในด้านการออกแบบและการผลิตสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันได้ข้อหนึ่งเลย โดยเทคโนโลยีที่ Honor เลือกใช้ก็คือเทคโนโลยี Chip on Film (COF) ซึ่งเป็นการปรับเอาชิปควบคุมจอสัมผัสจากที่ปกติจะอยู่ตรงส่วนล่างของจอ ให้ไปอยู่บนแผ่นเดียวกับตัวจอแทน ส่งผลให้สามารถลดความหนาของขอบล่างจอลงได้ครับ
ส่วนขอบกระจกของหน้าจอก็จะเป็นลักษณะโค้งแบบ 2.5D ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ไม่มีส่วนที่บาดมือระหว่างจับถือเลย
อัตราส่วนหน้าจอคิดเป็นกว่า 91% ของตัวเครื่องเลยทีเดียว ทำให้มันเหมาะกับการใช้รับชมภาพยนตร์ที่เป็นอัตราส่วน 21:9 มากกว่าจอแบบ 16:9 รวมถึง 18:9 ที่เป็นอัตราส่วนยอดนิยมในปัจจุบัน ภาพที่ได้จากจอก็คมชัด สีสันสวยงาม ใช้งานกลางแจ้งได้สบายมาก
แต่อย่างที่เห็นในภาพด้านบนครับ คือจริง ๆ มันก็ยังคงมีรอยบาก (notch) หรือที่เรียกกันว่าติ่งจออยู่ด้วยเช่นกัน ยังดีที่ขนาดของมันจัดว่าทำมาแบบพอดีตัวมาก ๆ โดยภายในนั้นก็จะมีลำโพงสนทนา กล้องหน้า และเซ็นเซอร์วัดแสงกับวัดระยะห่างตามปกติครับ อย่างไรก็ตาม ในเมนูการตั้งค่าเครื่อง ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะถมพื้นที่ข้าง ๆ รอยบากจอด้วยสีดำได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะช่วยลดปัญหาการรบกวนสายตาลงได้บ้างเหมือนกัน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือโหมดถนอมสายตา (Eye Comfort) ที่หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยเจอกับในมือถือ แท็บเล็ตเครื่องอื่นมาบ้างแล้ว กับการที่ระบบจะปรับภาพให้มีการปล่อยแสงสีฟ้าออกมาน้อยลง ส่งผลให้ภาพติดเหลืองมากขึ้น เพื่อป้องกันอาการเมื่อยล้าของดวงตา แต่สำหรับตัวระบบของโหมดถนอมสายตานี้ ได้ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland อย่างเป็นทางการด้วย ก็เป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการใช้งานจริงได้เป็นอย่างดี
ฝาหลังบอกเลยว่าสีสันมันสวยสดบาดใจมากครับ โดยโครงสร้างหลักของตัวเครื่องก็เป็นโลหะตามปกตินี่แหละ แต่ฝาหลังจะมีกระจก 2.5D Aurora Glass ปิดอยู่ด้วย แถมยังมีการออกแบบให้ภายในเนื้อกระจกมีความแตกต่างกัน โดยในส่วนที่เป็นแถบของกล้องหลังไปจนถึงชื่อ Honor จะมีลักษณะเหมือนเป็นพื้นผิวสากอยู่ภายใน แล้วส่วนล่างจะเป็นกระจกที่มีการทำลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของ Honor เอง โดยตัวกระจกนั้นได้รับการเคลือบมาถึง 15 ชั้น ช่วยให้เกิดเฉดสีที่แวววาว สะท้อนเฉดสีได้หลากหลายมุมมอง
ตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ถือว่าอยู่ในจุดที่กำลังพอดี ๆ ครับ ไม่สูงไม่ต่ำไป
ปุ่มกดและพอร์ตมีดังนี้
- ด้านบน: ช่องรับเสียงของไมค์ช่วยตัดเสียงรบกวน
- ด้านล่าง: ช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 mm. / ช่องรับเสียงของไมค์สนทนา / ช่อง Micro USB / ลำโพง
- ด้านซ้าย: ถาดใส่ 2 ซิม และ 1 MicroSD
- ด้านขวา: ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power
ส่วนอุปกรณ์ที่มีให้มาในกล่องก็จะเป็นของใช้จำเป็นทั่วไป ได้แก่ อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ (5V 2A) สายชาร์จแบบ Micro USB หูฟัง เคส เข็มจิ้มถาดซิม
ซอฟต์แวร์ของ Honor 8X
ระบบปฏิบัติการก็จะเป็น Android 8.1 Oreo ที่ครอบมาด้วย ENUI 8.2 ครับ จัดว่าเป็นเวอร์ชันที่ค่อนข้างล่าสุดกันทั้งคู่เลย ดูแววแล้วก็คาดว่าน่าจะได้รับการอัพเกรดเป็น Android 9.0 ในอนาคต เรื่องของ UI หน้าจอต่าง ๆ หากว่าเคยใช้งาน หรือกำลังใช้งานมือถือ Honor อยู่แล้ว (รวมถึง Huawei ด้วย) ก็สามารถใช้งานได้แบบแทบไม่ต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมครับ เนื่องจากรูปแบบการจัดวางเมนูต่าง ๆ จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
พื้นที่เก็บข้อมูลจะมีความจุตามสเปคคือ 64 GB โดยหลังจากเปิดเครื่องขึ้นมาใช้งานครั้งแรกจะเหลือให้ใช้ได้ประมาณ 53 GB ทั้งยังสามารถเพิ่ม MicroSD ไปพร้อมกับการใส่ 2 ซิมได้อีก ตรงจุดนี้ถือว่าถูกใจผมมาก ๆ เลยครับ เพราะผมไม่ต้องตัดสินใจเลือกแล้วว่าจะใส่ซิมคู่ หรือใส่ซิม+MicroSD
ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว ขอบบางเฉียบแบบ FullView ทำให้ Honor 8X เหมาะจะใช้ในการดูหนังบนเครื่องมาก ๆ โดยเฉพาะใครที่เป็นสาวก Netflix ก็หมดห่วงได้เลย เนื่องจาก Honor 8X ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน Winevine ที่ระดับ L1 ทำให้สามารถรับชมภาพยนตร์จาก Netflix ได้ที่ความละเอียดระดับสูงสุด (HD ขึ้นไป) แบบไม่ต้องกังวล
กล้องถ่ายรูป
กล้องหลังก็ยังคงมาในคอนเซ็ปท์กล้องคู่เช่นกัน โดยกล้องตัวบนจะใช้สำหรับเก็บระยะความตื้นลึกของวัตถุในภาพ เพื่อนำไปใช้ประมวลผลจากการถ่ายภาพในโหมด Portrait และโหมด Aperture ส่วนกล้องตัวล่างก็คือกล้องหลักความละเอียด 20 ล้านพิกเซล โดยกล้องทั้งสองตัวจะนูนขึ้นจากฝาหลังพอสมควรเลย แนะนำว่าควรหาเคสที่นูนเกินกว่าความหนาของกล้องหลังเล็กน้อย เพื่อป้องกันปัญหารอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นกับกระจกปิดหน้าเลนส์ครับ
การประมวลผลภาพด้วย AI
การนำ AI มาช่วยประมวลผลทั้งก่อนและหลังถ่ายภาพ กลายเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่ง AI จะทำหน้าที่คล้ายกับในรุ่นอื่นครับ ถ้าหากเปิดใช้งาน เมื่อผู้ใช้แพนกล้องไปยังวัตถุหรือบริเวณที่จะถ่ายภาพ AI ก็จะพยายามตรวจจับว่าน่าจะเป็นซีนถ่ายภาพในลักษณะใด เช่น ซีนถ่ายท้องฟัา ซีนถ่ายอาหาร ซีนถ่ายตัวอักษร จากนั้นมันก็จะพยายามปรับแต่งภาพให้เหมาะสม เช่น เร่งสีท้องฟ้า เร่งสีใบไม้ให้สดใสขึ้น เป็นต้น ช่วยลดระยะเวลาในการแต่งรูปของผู้ใช้งานลงได้พอสมควรเลย
อย่างไรก็ตาม จากที่ผมรีวิวมา กลับพบว่าบางภาพที่ AI ตรวจจับและแต่งภาพให้มันก็ใส่สีสันมาให้มากเกินไปนิดนึง ตรงจุดนี้ แอปกล้องเองก็มีตัวเลือกมาให้ผู้ใช้งานสามารถปิดหรือเปิดการทำงานของ AI ได้ตั้งแต่ก่อนถ่ายได้อย่างง่ายดายแบบไม่ต้องเข้าไปเมนูลึก ๆ อีกต่อไป
นอกจากนี้ หลังจากจัดเก็บภาพลงในเครื่องแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถเข้าไปปิด/เปิด การแต่งภาพของ AI หลังถ่ายมาแล้วได้จากในแกลเลอรี่ได้อีกด้วย อย่างในภาพชุดด้านบน เป็นภาพที่ผมแคปมาให้เห็นความแตกต่างระหว่างภาพที่ถ่ายมาโดยภาพซ้ายจะเป็นภาพที่เปิดการทำงานของ AI ส่วนภาพขวาของแต่ละชุดก็คือผมเลือกปิด AI ไป จะเห็นว่าความสดใส สีสันของภาพมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด (การปิด/เปิดการแต่งภาพของ AI ในแกลเลอรี่ จะทำได้เฉพาะภาพที่ถ่ายมาโดยมีการเปิด AI ในตอนถ่ายเท่านั้น)
การละลายหลังด้วยความสามารถของกล้องคู่
ส่วนภาพที่ผู้ใช้เลือกถ่ายมาจากโหมด Portrait และ Aperture ระบบจะมีการบันทึกข้อมูลระยะของแต่ละวัตถุในภาพเอาไว้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนจุดโฟกัสและปรับความเบลอของพื้นหลังได้ อย่างในภาพด้านบน ผมเลือกถ่ายด้วยโหมด Portrait (ในโหมด Portrait จะมีตัวเลือกให้ผู้ใช้เบลอแสงไฟเบื้องหลังให้เป็นลักษณะโบเก้ได้ด้วย) จากนั้นผมเปิดภาพจากในแกลเลอรี่ แล้วเลื่อนเพื่อปรับระดับความเบลอของพื้นหลังซึ่งมีการอ้างอิงโดยใช้ค่ารูรับแสงจำลองที่มีให้ปรับตั้งแต่ f/0.95 ไปจนถึง f/16 เลยทีเดียว ส่วนภาพขวาสุดก็คือผลลัพธ์สุดท้าย ซึ่งผมเลือกค่ารูรับแสง f/4.5 ครับ
โหมด Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืน
อีกฟีเจอร์ที่อยู่ในแอปกล้องก็คือโหมด Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืนครับ โดยหลักการทำงานแบบเข้าใจง่าย ๆ ก็คือระบบจะเปิดหน้ากล้องค้างไว้ให้นานกว่าการถ่ายปกติ ช่วยให้สามารถเก็บแสงสว่างมาได้มากขึ้น พร้อมทั้งมีการประมวลผลภาพเพื่อลด noise รบกวน และเพิ่มความคมชัดให้กับภาพถ่าย ซึ่งโหมดนี้ก็มักจะพบอยู่ในมือถือรุ่นราคาหลักหมื่นอัพ แต่ Honor ก็จับมาใส่ Honor 8X ตัวนี้ด้วย แถมผลลัพธ์ก็จัดว่าไม่แย่ซะด้วย ลองชมตัวอย่างภาพได้จากแกลเลอรี่ด้านล่างนี้เลยครับ
ซึ่งภาพที่ได้จากโหมด Night จะมีความคมชัด มีดีเทล และความสว่างที่มากกว่าการถ่ายด้วยโหมด Auto แบบเห็นได้ชัด แต่ถ้าลองซูมดูแต่ละส่วนใกล้ ๆ จะพบว่าระบบทำการประมวลผลภาพเพื่อทำการลด noise จนรายละเอียดบางส่วนในภาพหายไปเลย เช่น พื้นผิววัตถุ ซึ่งถือว่าอยู่ในจุดที่ยอมรับได้ครับ เพราะภาพที่ได้ออกมาจัดว่าอยู่ในระดับที่เอาไปแชร์ได้โดยไม่ต้องอายใครเลย
ส่วนวิธีในการถ่ายด้วยโหมด Night นั้น ผู้ถ่ายจะต้องมือนิ่งมาก ๆ อาจจะพาดแขนไว้กับวัตถุอื่น หรือใช้ขาตั้งกล้องช่วย เนื่องจากจะต้องถือเครื่องค้างไว้ประมาณ 4 วินาที
สำหรับภาพอื่น ๆ จากกล้องหลังสามารถรับชมได้จากแกลเลอรี่ด้านล่างนี้เลย
ประสิทธิภาพและการเล่นเกม
เนื่องด้วยเฟิร์มแวร์ที่ทางเราได้รับมารีวิวยังไม่ใช่ตัวสมบูรณ์ ผมเลยพบข้อจำกัดบางส่วนในการทดสอบประสิทธิภาพ เช่น ผมไม่สามารถติดตั้งแอป CPU-Z, AnTUTU และ GeekBench ได้ ไม่ว่าจะทั้งจาก Play Store หรือแม้กระทั่งจะนำไฟล์ apk มาติดตั้งก็ตาม รอบนี้ผมเลยปรับการทดสอบตรงส่วนนี้นิดหน่อยครับ อย่างข้อมูลชิปประมวลผลก็เลือกใช้ AIDA64 แทน จะขาดก็แต่ผลทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมของทั้งระบบเท่านั้นเอง
สำหรับชิปประมวลผล Kirin 710 นั้น หากถ้าจะเทียบรุ่นกับชิปของฝั่ง Qualcomm ก็คงอยู่ในกลุ่มใกล้เคียงกับ Snapdragon 660 หรือ Snapdragon 636 ครับ นั่นคือสามารถใช้งานทั่วไปได้ดีพอตัว ส่วนการเล่นเกมก็อยู่ในระดับที่ทำได้ แต่อาจจะต้องปรับกราฟิกลงมานิดหน่อย ด้านประสบการณ์การใช้งานทั่วไปจัดว่าไหลลื่นในระดับที่สมาร์ทโฟนที่ดีควรจะเป็นเลยครับ แรม 4 GB ก็เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไปได้สบาย ๆ
ส่วนการเชื่อมต่อกับเครือข่าย 4G ในไทย เท่าที่ผมทดสอบกับทั้งซิมทรูและซิม AIS แล้ว พบว่าไม่สามารถจับคลื่นแบบ CA ได้เลย (สัญลักษณ์ 4G เฉย ๆ ไม่มี +) ส่วนความเร็วก็ได้สูงสุดตามภาพด้านบนครับ อย่างไรก็ตาม Honor 8X เครื่องที่ทางเรารีวิวนี้อาจจะยังไม่ตรงกับเครื่องขายจริง 100% ยังไงก็คงต้องตรวจสอบกันอีกครั้งนะ
ด้านการใช้งานแบตเตอรี่ ต้องบอกว่าเป็นจุดที่ทำได้ดีมาก สามารถใช้งานอย่างเต็มที่ได้เต็มวันแบบไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมด ด้วยทั้งจากแบตเตอรี่ความจุถึงกว่า 3750 mAh ประกอบกับสเปคที่ไม่ได้กินไฟมากนัก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน
ในแง่ของการเล่นเกมบน Honor 8X ผมทดสอบด้วยการเปิดเกมผ่านแอป Game Suite ซึ่งมีตัวเลือก Game acceleration ที่ช่วยให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพดีขึ้น ส่วนเกมที่ทดสอบเกมแรกคือ ROV ผลคือสามารถปรับกราฟิกระดับ HD ได้ แต่ไม่มีตัวเลือกของโหมดเฟรมเรตสูงมาให้ใช้งาน ทำให้เฟรมเรตระหว่างเล่นจะคงที่อยู่ตรง 30 fps ตลอดเวลา กราฟิกโดยรวมระหว่างเล่นก็ไหลลื่นดีครับ อยู่ในระดับที่น่าพอใจเลย
ส่วนอีกเกมก็คือ PUBG Mobile ซึ่งเมื่อเปิดเกมมาครั้งแรก ตัวเกมก็แจ้งว่าระดับกราฟิกที่เหมาะสมกับเครื่องคือระดับกลาง ส่วนพอเข้าไปเล่นจริง การแสดงผลโดยรวมก็อยู่ในระดับที่ดี แต่ผมพบปัญหาเกมกระตุกเวลายิงปืน ซึ่งบางครั้งทำให้ผมเสียจังหวะในการหันปืนตามคู่ต่อสู้ได้เหมือนกัน ดังนั้น หากต้องการความแน่นอน อาจจะปรับระดับกราฟิกลงซักเล็กน้อยจะดีกว่าครับ เพื่อความลื่นไหล
Overall
Honor 8X นับว่าเป็นมือถือจอใหญ่อีกรุ่นที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งด้านของดีไซน์ที่โดดเด่น สเปคที่ให้มากำลังดี เสริมด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมการใช้งาน ทั้งพลัง AI ระบบ GPU Turbo และอีกหลาย ๆ สิ่งที่กล่าวไปแล้วในรีวิวข้างต้น ซึ่งหากใครที่กำลังมองหามือถือจอใหญ่ สเปคโอเค ราคาคุ้มค่า แถมดีไซน์ยังสวยงามในระดับใกล้เคียงกับมือถือรุ่นท็อป ๆ ก็เตรียมจัด Honor 8X กันได้เลย รับรองว่าเต็มตาตรึงใจแน่นอน