“ลบรูปแป๊บนะ เมมเต็ม” เชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่ใช้มือถือความจุต่ำกว่า 16 GB ลงไปน่าจะเจอปัญหานี้แน่นอน ครั้นจะลบรูปเพื่อเคลียร์เมมก็ไม่รู้จะลบรูปไหนดี จะลบแอพพลิเคชั่นก็จำเป็นต้องใช้ ให้เคลียร์ cache ก็ลำบากเหลือเกิน อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนจริงๆ
ปัญหาหน่วยความจำภายในเต็มเนี่ย ทางแก้มันก็มีอยู่ไม่กี่ทางหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นการลบข้อมูลเก่าออก, เคลียร์ cache (ช่วยได้เล็กน้อย), ซื้อเครื่องใหม่ที่ความจุเยอะกว่า หรือไม่ก็หาซื้อ MicroSD Card มาใช้งาน แต่การใช้งาน MicroSD Card ก็จะมีความเสี่ยงในกรณีที่ทำการ์ดหาย หรือการ์ดพัง ทำให้ข้อมูลทั้งหมดที่เก็บไว้ในการ์ดนั้นหายไปด้วย อีกอย่างถ้าใช้ iPhone หรือพวก iOS ความจุ 16 GB ก็ยิ่งแล้ว เพิ่ม MicroSD ก็ไม่ได้ จะไปซื้อแฟลชไดรฟ์สำหรับ iOS ก็ราคาหลายพันเลย แล้วจะทำยังไงดีล่ะแบบนี้?
ทางเลือกที่แอดมินว่าน่าสนใจมาก ๆ ก็คงหนีไม่พ้นการเก็บข้อมูลบน Cloud ซึ่งตอนนี้ก็มีตัวเลือกให้เยอะแยะมากมาย แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่ใช้งาน dtac แบบรายเดือน หรือ Happy อยู่แล้วเนี่ย แอดมินแนะนำแอพพลิเคชั่น Capture App ของทาง dtac เลยครับ โดยจุดเด่นของ Capture App แอดมินสรุปมาให้แล้วแบบเน้น ๆ 3 ข้อ ได้แก่
1. ฟรี ไม่เสียเงินสักบาท
ใช่แล้วครับ จุดเด่นแรกของ Capture App คือฟรี สำหรับลูกค้า dtac และ Happy ที่มีสิทธิ์ได้รับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน Cloud ความจุสูงสุดถึง 100 GB แต่เอาจริง ๆ ต่อให้ไม่ได้ใช้ dtac เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Capture App แล้วลงทะเบียน ก็จะได้รับความจุ 2 GB ฟรี ๆ ไปเลย ส่วนสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า dtac รายเดือนก็จะมีให้ตามนี้ครับ
- ฟรีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 25 GB เมื่อมีแพ็คเกจรายเดือนน้อยกว่า 500 บาท
- ฟรีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 50 GB เมื่อมีแพ็คเกจรายเดือนตั้งแต่ 500 – 899 บาท
- ฟรีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 100 GB เมื่อมีแพ็คเกจรายเดือนตั้งแต่ 900 บาทขึ้นไป
ส่วนลูกค้า Happy ก็จะได้รับพื้นที่จัดเก็บไปเลย 25 GB เพียงกด *545# แล้วกดโทรออก ก่อนวันที่ 30 มิถุนายน 2559
2. เก็บรูปและวีดีโอให้อัตโนมัติ แบบไม่ลดความละเอียด
จุดเด่นที่ 2 ของ Capture App ก็คือความสามารถในการอัพโหลดรูปให้อัตโนมัติ แบบเต็มความจุ คือไม่มีการลดความละเอียดรูปภาพเหมือนแอพพลิเคชั่น Cloud บางราย ถ่ายมายังไง Capture ก็เก็บให้แบบนั้น รวมถึงการถ่ายวีดีโอด้วยเช่นกัน จะถ่ายมาที่ความละเอียด Full HD หรือ HD ก็จัดเก็บได้ความละเอียดเดียวกับต้นฉบับ เหมือนเพื่อน ๆ ถ่ายรูปหรือถ่ายวีดีโอด้วยมือถือแล้วก็เก็บไฟล์ลงในคอมพิวเตอร์เลยครับ แต่ Capture App จะสะดวกกว่าเพราะมีการอัพโหลดให้แบบอัตโนมัติ ไม่ต้องมานั่งทำเอง
สำหรับใครที่กังวลว่าแบบนี้เน็ตไหลแน่นอน เพราะมีอัพโหลดอัตโนมัติ อันนี้ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะ Capture App สามารถเลือกได้ว่าจะให้อัพโหลดรูปภาพยังไง มีทั้งการเลือกให้อัพโหลดเอง (Manual) หรือจะอัพโหลดก็ต่อเมื่อเชื่อมต่อ Wifi หรือใครที่เน็ตเหลือเยอะ ๆ จะให้อัพโหลดตลอดเวลาที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ทำได้เช่นกัน อันนี้เลือกได้ตามสะดวกครับ แต่แอดมินแนะนำให้เลือกหัวข้อที่ 2 ก็คืออัพโหลดเฉพาะตอนที่เชื่อมต่อ Wifi จะดีกว่า เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องเน็ตหมด แล้วก็ประหยัดแบตเตอรี่ด้วย
3. สร้าง Stories ไว้แชร์กับเพื่อนได้ง่าย ๆ
ข้อสุดท้ายนี่เหมาะสำหรับสายโซเชียลมาก ๆ เพราะ Capture App นอกจากจะฟรี และเก็บไฟล์ให้อัตโนมัติแบบไม่ลดความจุแล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถสร้าง Stories หรืออัลบัมเพื่อเก็บความทรงจำได้อีกด้วย ผ่านทาง Capture นี่แหละครับ สร้างอัลบัมเก๋ ๆ ชิค ๆ เสร็จแล้วก็แชร์ให้เพื่อนคนอื่นเห็น และเข้ามาคอมเม้นกันได้ด้วย เหมือนมีโซเชียลมีเดียส่วนตัวเลยครับ
นอกจากนี้ ข้อมูลที่เก็บไว้ใน Capture App ยังสามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น iOS (iPhone, iPad), Android และ PC (ใช้งานผ่านทาง https://capture-app.com/th/) เพียงล็อกอินด้วย ID เดียวกัน เท่านี้ก็สามารถเข้าถึงรูปภาพจากที่ไหนก็ได้แล้วครับ เช่น ผมอัพโหลดรูปจาก iPhone ก็สามารถดูในมือถือ Android อีกเครื่อง หรือจะดูรูปผ่านทาง Notebook ก็ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์สามชิ้นนี้เข้าด้วยกัน แค่ Login Capture App ด้วยไอดีเดียวกันเท่านั้นเอง
ภาพรวมสำหรับ Capture App ก็เป็นอีกหนึ่งแอพพลิเคชั่น Cloud ที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะลูกค้า dtac และ Happy เพราะได้ความจุฟรีสูงสุดถึง 100 GB เก็บรูป เก็บวีดีโอได้อัตโนมัติแบบไม่ลดความละเอียด และยังเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์อีกด้วย แนะนำให้โหลดติดเครื่องเอาไว้เลยครับ แล้วจะไม่เจอปัญหาเมมเต็มอีกต่อไป