สำหรับ ASUS Zenfone Max Pro M1 จากราคาที่เปิดมาถูกมาก ๆ ในสเปคที่คุ้มค่าทำให้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ซึ่ง ASUS เองคาดหวังกับ ASUS Zenfone Max Pro M1 ให้เป็นตัวดึงความสนใจหลังจากที่ห่างหายจากกระแสไปนาน โดยจุดเด่นของ ASUS Zenfone Max Pro M1 จะเน้นไปทางเล่นเกมด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 636 ที่เล่นได้ทุกเกมแบบลื่น ๆ แรมสูงสุดที่ 6 GB และแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่ใหญ่ที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งตั้งราคามาเริ่มต้นอยู่ที่ 5,990 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าตลาดแตกเลยทีเดียว ไปดูรายละเอียดสเปคอื่น ๆ ด้านล่างได้เลยครับ
รายละเอียดสเปค Asus Zenfone Max Pro M1
- หน้าจอ IPS ขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอ 18:9 ความละเอียด Full HD 1080 x 2160 พิกเซล
- ขนาดตัวเครื่อง 159 x 76 x 8.5 มม. หนัก 180 กรัม
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 636 CPU Octa-core 1.8 GHz Kryo 260 พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 509
- RAM 3 GB / 4 GB / 6 GB
- ความจุ 32 GB และ 64 GB และรองรับ microSD สูงสุด 2 TB
- กล้องหลัง Dual Camera ความละเอียด 16+5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/2.0 สำหรับรุ่นแรม 4 GB และ 6 GB ส่วนรุ่นแรม 3 GB จะเป็น 13+5 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซลพร้อมกับ LED Flash ด้านหน้า สำหรับรุ่นแรม 4 GB และ 6 GB ส่วนรุ่นแรม 3 GB จะเป็น 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ Dual SIM แบบ Triple Slot
- พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB 2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมกับฟีเจอร์ Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo
ในส่วนของราคานั้นต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์มาก ๆ โดยเปิดราคามาคุ้มมากตามด้านล่างเลยครับ
- รุ่นแรม 3 GB รอม 32 GB ราคา 5,990 บาท
- รุ่นแรม 4 GB รอม 64 GB ราคา 6,990 บาท
- รุ่นแรม 6 GB รอม 64 GB ราคา 7,990 บาท
Design
หน้าจอ Full View ขนาด 6 นิ้วความละเอียด Full HD + หรือ 2160 x 1080 พิกเซล ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป มีอัตราส่วนหน้าจอขนาด 18:9 สว่างสูงสุดที่ 450 nits และมี Contrast ratio ระดับ 1500 : 1 ซึ่งหาได้ยากในราคาประมาณ 6,000 บาท
ส่วนด้านหลังตัวเครื่องเป็นวัสดุโลหะที่ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่องเป็นพลาสติกเพื่อใช้รับสัญญาณโทรศัพท์ จึงมีโทนสีที่แตกต่างกันเล็กน้อย
มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง และกล้องหลังแนวตั้งและ LED Flash ที่อยู่ชิดมุมด้านบนของตัวเครื่อง โดยรวมแล้วด้านหลังของตัวเครื่องออกแบบได้สวยงาม
ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นช่องเสียบของพอร์ตเชื่อมต่อ microUSB และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม และลำโพงขับเสียง และไมค์รับเสียงสนทนา
ทางด้านขวาจะมาพร้อมกับปุ่ม Power และปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียง และถึงแม้จะมีแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh แต่ก็ยังมีตัวเครื่องที่บางและหนักเท่า ๆ กับสมาร์ทโฟนทั่วไป ไม่รู้สึกหนัก หรือตัวเครื่องหนาเลย
ส่วนด้านขวาจะมีเพียงถาดใส่ซิมแบบเข็มจิ้ม ซึ่งเป็นแบบ Triple Slot ที่สามารถใส่ได้ทั้งสองซิมและเพิ่ม microSD ได้พร้อมกันเลย
Software
ระบบปฏิบัติการ Android™ 8.1 Oreo™ ซึ่งเป็น Android แบบแท้ ๆ ไร้การปรับแต่งใด ๆ จากแบรนด์ผู้ผลิต ทำให้มีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทเป็น Android เวอร์ชั่นใหม่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาให้ผู้ผลิตนำไปดัดแปลง และยังได้รับการอัพเดทที่ยาวนานกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่ไม่ใช่ Pure Android ในส่วนของความปลอดภัยนั้น หาก Google ตรวจสอบพบปัญหา หรือมัลแวร์ต่าง ๆ ก็จะได้รับอัพเดทรวดเร็ว และสม่ำเสมอ
ด้านประสิทธิภาพก็จะทำงานได้เร็วกว่า เนื่องจากไม่มีปรับแต่งซอฟต์แวร์ และทำให้ตัวเครื่องเหลือพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าอีกด้วย หน้าตาก็จะโล้นหน่อย ๆ ตามรูปด้านล่าง หากใครที่ไม่ชอบก็สามารถไปโหลด Theme หรือ Launcher อื่น ๆ ได้ที่ Playstore ครับ
Feature
Triple slots: Dual SIM & one microSD card
ASUS Zenfone Max Pro M1 มาพร้อมกับ ถาดใส่ซิมแบบ Triple Slots ที่สามารถใส่ซิมได้พร้อมกับสองซิม และ microSD อีก 1 ช่อง ซึ่งส่วนมากสมาร์ทโฟนจะใช้แบบ Hybrid Slot หรือช่องที่สอง เลือกใส่ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สำหรับ ASUS Zenfone Max Pro M1 เองมากับ Triple Slots ทำให้สะดวกกว่ามาก ๆ โดย microSD รองรับสูงสุดที่ 2 TB และทั้งสองซิมยังรองรับการเชื่อมต่อ 4G ทั้งสองซิมอีกด้วย ดูตัวอย่างการรับสัญญาณได้ที่ภาพด้านล่างได้เลยครับ
ระบบเสียง NXP
ลำโพงประกอบด้วยแม่เหล็ก 5 ชิ้นพร้อมขดลวดโลหะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องขายาเสียง NXP ทำให้คุณภาพของเสียงดีกว่าระบบเสียงทั่วไป เสียงดังกว่า 41 % หากอยากลองฟังเสียงขณะเล่นเกมสามารถไปดูที่หมวด Performance ได้เลย เราทดสอบเล่นเกมพร้อมกับเปิดลำโพงให้ดูกันเรียบร้อย
Face Recognition
นอกจากจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องแล้ว ยังมากับฟีเจอร์สแกนใบหน้าให้เลือกใช้อีกด้วย ซึ่งสามารถทำงานได้รวดเร็ว แต่มีข้อจำกัดในที่มืด อาจจะต้องใช้ลายนิ้วมือในการสแกนแทน
Battery
จุดเด่นที่สำคัญของ ASUS ตระกูล MAX นั้นจะอยู่ที่ความอึดของแบตเตอรี่ซึ่งให้แบตเตอรี่ถึง 5,000 mAh ที่ถือเป็นสมาร์ทโฟนแบต 5,000 mAh ที่บางและเบาที่สุดในบรรดาคู่แข่ง ซึ่งความอึดของแบตเตอรี่นั้น ASUS เองได้เคลมว่าสามารถสแตนด์บายได้โหมด 4G นานถึง 35 วัน เล่นเกมต่อเนื่องสูงสุด 12 ชั่วโมง ดู Youtube ได้นาน 20 ชั่วโมง สนทนาโทรศัพท์นานสุด 42 ชั่วโมง และเล่นเว็บไซต์ผ่าน WiFi นานสุด 28 ชั่วโมงเลยทีเดียว จากการทดสอบแบตตัวเครื่องเหลือ 70 % ลองไปเล่นเกมและใช้งานตามเวลาดังรูปด้านล่าง ซึ่งถือว่าใช้งานหนักมาก แบตยังเหลือใช้งานได้อีกยาว ๆ
Performance
ชิปประมวลผล Snapdragon 636 CPU Octa-core 1.8 GHz Kryo 260 พร้อมกับชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 509 ซึ่งประสิทธิภาพจะดีกว่า Snapdragon 625 อยู่ที่ 1.54 เท่า และรุ่นที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีแรมขนาด 3 GB และรอมขนาด 32 GB ซึ่งถามว่าเพียงพอต่อการใช้งานมั้ย ถ้าหากใช้งานทั่วไปแบบพวกโซเชียลมีเดีย เข้าเว็บทั่วไปใช้งานได้ไม่มีปัญหา แต่หากใช้งานหนัก ๆ หน่อย ลงข้อมูลเยอะ ๆ ก็จะหน่วงเล็กน้อย แต่เรื่องการเล่นเกมนั้นต่างกันไม่มาก เพราะชิปประมวลผลแรงอยู่แล้ว ซึ่ง ASUS Zenfone Max Pro M1 นั้น เน้นในการเล่นเกม เราจึงทดสอบเกมแบบจัดเต็มมาให้ดูตามวิดีโอด้านล่างนี้เลยครับ ประกอบได้ด้วยเกม ROV , PUBG , Heros Hunter และ Dragonnest M ซึ่งแต่ละเกมถือว่ากินสเปคแบบสุด ๆ ผลจะเป็นยังไงไปดูกันเลยครับ
ที่สำคัญเอาใจคอเกม ROV อย่างมาก เนื่องจากสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่ใช้สเปคที่ใกล้เคียงกับ ASUS Zenfone Max Pro M1 ไม่สามารถเปิดโหมด High Frame Rate 60 fps ได้ ทำให้จำกัดการเล่นที่เฟรมเรตสูงสุด 30 fps เท่านั้น แต่สำหรับ ASUS Zenfone Max Pro M1 ทาง ASUS ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตเกม ROV ปรับแต่งให้สามารถเปิดโหมด High Frame Rate ได้โดยไม่ต้องลงรอมดัดแปลง ทำให้เล่นเกม ROV ได้แบบลื่น ๆ ฟินกันไป ซึ่งสเปคระดับนี้สามารถเล่นได้ที่เฟรมเรต 57-60 fps กันแบบชิว ๆ ครับ
Camera
ในส่วนของกล้องนั้น เราได้ตัวแรม 3 GB รอม 32 GB มารีวิวซึ่งสเปคของกล้องจะต่ำกว่ารุ่นแรม 4 GB โดยรุ่นแรม 3 GB จะมากับกล้อง Dual Camera ความละเอียดสูงสุด 13 + 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงกว้าง f/2.2 แต่รุ่นแรม 4 GB จะมากับกล้องหลัง Dual Camera ความละเอียด 16+5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/2.0 และกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล โดย UI ของกล้องนั้น จากความเป็น Pure Android ทำให้หน้าอินเตอร์เฟสเป็นแบบเรียบง่ายไปเลย แต่ก็ใช้งานได้ไม่ยาก
ตัวอย่างกล้องหลัง ASUS Zenfone Max Pro M1
ตัวอย่างกล้องหน้า ASUS Zenfone Max Pro M1
Overall
ASUS Zenfone Max Pro M1 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้คะแนนของความคุ้มค่าไปแบบเต็ม ๆ จากสเปคที่ให้หน้าจอ 6 นิ้วความละเอียดระดับ Full HD ชิปประมวลผล Snapdragon 636 สุดแรง โดดเด่นในเรื่องการเล่นเกม แบต 5,000 mAh ที่อึดมาก ทั้งหมดนี้ในราคาเริ่มต้นที่ 5,990 บาทเท่านั้น ทำให้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่ง ASUS Zenfone Max Pro M1 ชูจุดเด่นเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนเล่นเกมในราคาย่อมเยา ถือว่าทำได้ดีมาก จากชิปประมวลผล Snapdragon 636 ที่สามารถเล่นได้ทุกเกมบน Playstore ที่ระดับความลื่นไม่เป็นที่น่าหงุดหงิด ขนาดเกมที่ใช้กราฟิกหนัก ๆ ก็ยังคงเล่นได้สบาย แรมมีให้เลือกสูงสุดที่ 6 GB ให้ใช้กันแบบเหลือเฟือ และรอมสูงสุดที่ 64 GB สามารถลงเกมได้แบบไม่ต้องกังวลว่าจะเต็ม ที่สำคัญแบตเตอรี่ 5,000 mAh ที่สามารถเล่นเกมได้ชนิดที่ไม่ต้องพก Power Bank ไปใช้ระหว่างวันเลยทีเดียว หากใครไม่เล่นเกมสามารถใช้งานทั่วไปได้ 2 วันแบบแบตยังเหลือ ซึ่งใครที่สนใจเจ้า ASUS Zenfone Max Pro M1 ขึ้นมาแนะนำให้เลือกตัวแรม 6 GB รอม 64 GB ที่ราคา 7,990 บาทเลยดีกว่า เพราะเนื่องจากจะได้แรมและรอมเพิ่มขึ้นมาแบบเห็นได้ชัดแล้ว ยังมีประสิทธิภาพของกล้องที่ดีกว่ารุ่นแรม 3 GB อีกด้วย และแนะนำให้อ่าน [Special] 7 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนจ่ายเงินซื้อ Asus Zenfone Max Pro M1 !! โดยรวมแล้ว ถือว่า คุ้มมากครับ !!
ข้อดี
- หน้าจอใหญ่ 6 นิ้วความละเอียด Full HD Contrast Ratio 1500 : 1 ในราคา 5,990 บาท !!
- ชิปประมวลผล Snapdragon 636 ในราคา 5,990 บาท !!
- แบตอึดสะใจ 5,000 mAh ในตัวเครื่องที่เบาและบาง
- เอาใจสาวก ROV ปลดล็อคเฟรมเรต 60 fps
- ถาดใส่ซิม Triple Slot และรองรับ 4G ทั้งสองซิม และ micro สูงสุด 2TB
- ราคาถูกมาก !!
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับ WiFi คลื่น 5 GHz
- พอร์ตเชื่อมต่อเป็น microUSB
- กระจกไม่ใช่ Gorilla Glass