หลังจากก่อนหน้านี้ SpecPhone เราได้รีวิว ASUS Zenfone 2 ในรุ่นแรม 4 GB รหัสโมเดล ZE551ML ซึ่งเป็นตัวท็อปของไลน์ปัจจุบันไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราจะพามาชมรีวิว Zenfone 2 อีกรุ่นบ้างครับ นั่นก็คือตัวของ ASUS Zenfone 2 แรม 2 GB โมเดล ZE550ML ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นของ Zenfone 2 ล็อตแรกที่เข้ามาขายในไทยเลย จาก 3 รุ่นในล็อตแรกดังนี้
1. ZE551ML Ram 4 GB, Rom 64 GB, CPU Z3580(2.3GHz) ราคา 11,990 บาท
2. ZE551ML Ram 4 GB, Rom 32 GB, CPU Z3580(2.3GHz) ราคา 9,999 บาท (เครื่องดีแทค)
3. ZE550ML Ram 2 GB, Rom 16 GB, CPU Z3560(1.8GHz), จอ HD ราคา 6,990 บาท
4. ZE500CL Ram 2 GB, Rom 16 GB, CPU Z2560(1.6GHz), จอ HD ราคา 5,990 บาท (รุ่นล่าสุด)
ซึ่งจากข้างบนก็จะพอเห็นสเปคคร่าวๆ แล้วใช่มั้ยครับ ว่ามันต่างจากโมเดล ZE551ML อย่างไรบ้าง ถ้ายังไม่ชัด ก็อ่านสเปคต่อได้เลย
สเปค ASUS Zenfone 2 แรม 2 GB (ZE550ML)
- ชิปประมวลผล Intel Atom Z3560 (4 คอร์) ความเร็ว 1.8 GHz ชิปกราฟิก PowerVR G6430
- แรม 2 GB
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD (1280 x 720)
- รอม 16 GB
- มีช่องใส่ MicroSD ได้สูงสุด 64 GB
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล PixelMaster 2.0 พร้อมแฟลชคู่แบบ Real Tone
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล PixelMaster 2.0
- ใช้งานได้สองซิม ช่องซิมหนึ่งใช้งาน 4G LTE ได้ ใช้ 3G ได้ทุกเครือข่าย ส่วนช่องซิมสอง ใช้ 2G ได้อย่างเดียว
- แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
- Android 5.0 พร้อมด้วย ASUS ZenUI 2.0
- ราคา 6,990 บาท
- สเปค ASUS Zenfone 2 แรม 2 GB (ZE550ML)
จากสเปคด้านบน ผมได้ทำตัวหนาเอาไว้ตรงสเปคที่ ZE550ML แตกต่างจากรุ่นท็อปขึ้นไปอย่าง ZE551ML ไว้แล้วครับ เช่นเรื่องของชิปประมวลผลที่ลดความเร็วจาก 2.3 มาเหลือ 1.8 GHz หน้าจอที่ลดความละเอียดจาก Full HD มาเป็น HD เท่านั้น รวมถึงรอมก็ปรับลงมาเหลือแค่ 16 GB แต่สำหรับสเปคอื่นๆ นั้น บอกเลยว่าจัดเต็มเท่ากับรุ่นท็อปเลย ไม่ว่าจะเรื่องกล้อง การใช้งาน 4G LTE ความจุแบตเตอรี่ ในราคาที่ต่างจากตัวท็อปแรม 4 GB อยู่หนึ่งเท่าตัว แต่ถ้าดูจากรุ่นอื่นๆ ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ต้องบอกว่า Zenfone 2 ZE550ML ตัวนี้ให้สเปคมาคุ้มเลยนะ และน่าจะเป็นอีกรุ่นที่ขายดีไม่แพ้รุ่นท็อปแรม 4 GB แน่ๆ โดยเฉพาะกับคนที่คิดว่าแรม 2 GB จอ HD ก็เหลือเฟือแล้ว
ข้อดี
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
ถ้าได้อ่านรีวิว ASUS Zenfone 2 ตัวแรม 4 GB (ZE551ML) ไปแล้ว ก็จะรู้สึกได้เลยว่าหน้าตาของ Zenfone 2 โมเดล ZE550ML มันเหมือนๆ กันเป๊ะเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งก็เป็นหลักการดีไซน์ของ ASUS ที่เป็นมาตั้งแต่รุ่นแรกแล้ว คือใช้หน้าตาแบบเดียวกัน แต่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดในบางส่วนแทน ซึ่งก็อาจจะทำให้สับสนนิดหน่อยว่าเครื่องที่เราเห็นเป็นรุ่นอะไร แต่อันที่จริงแล้วแต่ละรุ่นจะมีจุดที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่ ซึ่งผมจะขอไว้อธิบายตอนหลังนะ
จุดแรกที่น่าสนใจเลยก็คือหน้าจอของ Zenfone 2 ZE550ML ครับ เพราะแม้ว่ามันจะเป็นหน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้วเท่ากับรุ่นท็อปก็จริง แต่เรื่องความละเอียดจอนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากมันใช้เป็นแค่จอความละเอียดระดับ HD 720p เท่านั้น ทำให้ความคมชัดของภาพจะลดลงจากรุ่นท็อปเล็กน้อย ซึ่งจากเท่าที่ผมรีวิว Zenfone 2 ZE550ML เครื่องนี้มา ถ้าใช้งานเครื่องในระยะห่างจากสายตาประมาณ 1 ฟุต ผมก็ไม่รู้สึกว่าภาพมันแตกต่างไปจากรุ่นท็อปซักเท่าไหร่นะ ต้องมาเพ่งดูตรงส่วนหยัก ส่วนโค้งของตัวอักษรถึงจะเห็นได้ชัดว่ามันมีรอยหยักมากกว่า เนื่องจากเม็ดพิกเซลมีขนาดใหญ่กว่า ZE551ML นั่นเอง ส่วนเรื่องสีสัน มุมมองของจอ บอกเลยว่า ZE550ML ทำได้ดีไม่แพ้ ZE551ML เลยครับ นับเป็นมือถือราคาเกือบ 7,000 บาทที่จอดีใช้ได้เลย สู้แสงได้พอสมควร ใช้อ่านหนังสือหรือดูหนังก็ไม่มีปัญหา เพราะจอใหญ่สบายตาจริงๆ การตอบสนองต่อการสั่งงานก็ทำได้ดี ทัชติดนิ้วดีนะ ส่วนด้านล่างของหน้าจอก็จะเป็นแผงปุ่มกดสั่งงานตามปกติครับ และก็ไม่มีไฟ LED ที่ปุ่มด้วยเช่นกัน จุดนี้จัดว่าน่าเสียดายเลย ASUS น่าจะใส่มาให้ซักที เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในตลาดที่ราคาใกล้เคียงกันหรือถูกกว่า ก็มีไฟ LED มาให้กันเยอะแล้ว
ตัวเครื่องของ ASUS Zenfone 2 แรม 2 GB (ZE550ML) ก็หนักแน่น ดูแข็งแรงอันเป็นไปตามจุดเด่นของ ASUS อยู่แล้วครับ งานประกอบโดยรวมนี่แน่นหนา จนรู้สึกว่าตัวเครื่องมันหนักไปหน่อยด้วยซ้ำ แต่ยังดีที่ดีไซน์โดยรวมออกมาทำให้จับได้ถนัดมือ โดยเฉพาะฝาหลังที่โค้งมนเข้ารูปมือพอดีมากๆ ส่วนตัวผมว่ามันจับได้ถนัดมือกว่า Zenfone รุ่นแรกซะอีกด้วย
มาดูที่ฝาหลังกันบ้าง หน้าตาโดยรวมมันก็ยังคงเป็นพิมพ์เดียวกับ ZE551ML นี่ล่ะครับ คือมีแฟลชสองสีแบบ Real Tone ที่ช่วยให้สีของตัวแบบ เช่นสีผิว สีวัตถุเวลาถ่ายภาพแบบเปิดแฟลชในที่มืดดูเป็นธรรมชาติกว่าแฟลช LED ปกติ ลงมานิดนึงก็เป็นกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ถัดลงมาอีกนิดก็เป็นแผงปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ที่ย้ายมาอยู่ด้านหลังแทน เนื่องจากขอบข้างของ Zenfone 2 นั้นบางเพียงแค่ 3.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งบางมากๆ จนต้องให้ปุ่มกดต่างๆ ไปอยู่ตำแหน่งอื่นแทนที่จะเป็นขอบข้างเครื่อง
อย่างในภาพด้านบนก็จะเห็นว่าปุ่ม Power ถูกนำไปไว้ที่ด้านบน ตรงกลางของหน้าจอ ซึ่งก็ทำให้ดีไซน์ของตัวเครื่องดูสมมาตรกัน แต่เวลาใช้งานจริง ผมว่ามันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะ สู้ไว้ด้านข้าง หรือไว้ด้านบนเหมือนเดิมก็ได้ แต่ให้เอียงไปด้านใดด้านนึงจะง่ายกว่า แต่อันที่จริงแล้วข้อนี้ก็คงไม่จัดเป็นปัญหาใหญ่เท่าไหร่ครับ เพราะ ZenUI ใน Zenfone 2 มีการใส่ฟีเจอร์เคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหรือปิดหน้าจอมาให้ด้วย จึงลดความจำเป็นในการใช้ปุ่ม Power ลงได้มากเหมือนกัน
ส่วนด้านล่างสุดของฝาหลังก็จะเป็นตำแหน่งของช่องลำโพง ซึ่งเสียงที่ได้ก็จัดว่าธรรมดาครับ ไม่ได้โดดเด่นมากนัก เสียงดังพอใช้ได้อยู่ ซึ่งตัวฝาหลังนี้ก็ยังคงทำมาจากพลาสติกเนื้อแข็งตามปกติครับ โดยมีการเคลือบผิวให้คล้ายกับเซรามิก ทำให้ผิวสัมผัสลื่นมือ ถ้าจะให้นึกภาพออกง่ายๆ มันก็คือผิวแบบเดียวกับ Zenfone รุ่นแรก (พวก Zenfone 4, Zenfone 5, Zenfone 6) เลย ซึ่งถ้าจับไม่ค่อยดี ก็มีสิทธิ์ลื่นมือเหมือนกันนะ
เมื่อแกะฝาหลังออก ก็จะพบว่าเลย์เอาท์ภายในมีความเหมือนกับโมเดล ZE551ML ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้แทบจะ 100% เลยครับ (และแน่นอนว่ามันเหมือนกับพวก Zenfone 5 และ Zenfone 6 ด้วย) คือแบตซ่อนอยู่ภายใน ไม่สามารถแกะออกมาได้ ตรงกลางมีช่องใส่ MicroSD, ช่องใส่ไมโครซิม 1 (4G/3G/2G) แล้วก็ช่องใส่ไมโครซิม 2 (2G) เรียงลงมา แต่จะมีจุดที่แตกต่างจาก ZE551ML ก็คือเรื่องของแผงรับส่งสัญญาณและจุดเชื่อมต่อกับชิปวงจร NFC ที่ถูกตัดออกไปใน ZE550ML นั่นเอง ส่วนจุดอื่นๆ ที่เหลือเหมือนกันหมด
ทีนี้ถ้ามาเทียบฝาหลังกันระหว่าง Zenfone 2 ในโมเดล ZE550ML กับ ZE551ML ก็จะเป็นตามภาพด้านซ้ายนี้เลย โดย ZE550ML คือเครื่องสีขาว ฝาหลังจะเป็นพลาสติกเคลือบผิวแบบเซรามิก ไม่สะท้อนแสงเท่าไหร่ ส่วน ZE551ML คือเครื่องสีแดง ฝาหลังจะเป็นพลาสติกที่มีการบรัชลายเป็นแบบโลหะ ซึ่งจะสะท้อนแสงเหมือนอลูมิเนียม ตรงจุดนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดที่ช่วยแยกความแตกต่างระหว่างสองโมเดลนี้ได้ง่ายที่สุดครับ (ถ้ามันไม่โดนสับเปลี่ยนฝาหลังซะก่อนนะ) ส่วนจุดเปรียบเทียบ จุดแตกต่างอื่นๆ ก็เข้าไปอ่านต่อได้จากในบทความนี้เลยครับ รับรองว่าช่วยแยกความแตกต่างให้ได้แน่นอน
เทียบข้อแตกต่าง ASUS Zenfone 2 รุ่นแรม 4 GB (ZE551ML) กับแรม 2 GB (ZE550ML) จะได้ไม่หยิบผิดตอนซื้อ
สำหรับด้านข้างของ ASUS Zenfone 2 แรม 2 GB (ZE550ML) ก็ตามนี้ครับ ด้านบนมีปุ่ม Power กับช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรตามปกติ ด้านล่างมีช่อง Micro USB สำหรับชาร์จไฟ ส่วนด้านข้างทั้งซ้ายและขวา ไม่มีปุ่มกดหรือพอร์ตใดๆ เลย จะมีแต่ฝั่งขวาล่างที่มีช่องสำหรับช่วยแงะฝาหลังออกมาจากตัวเครื่องเท่านั้นเอง
Software
แน่นอนว่า ASUS Zenfone 2 เครื่องนี้มันต้องมาพร้อม Android 5.0 ที่ครอบทับมาด้วยอินเตอร์เฟส ZenUI 2.0 ครับ ทำให้ประสบการณ์การใช้งาน หน้าตาต่างๆ ในตัว ZE550ML ไม่ได้แตกต่างไปจาก ZE551ML เท่าไหร่นัก ซึ่งก็เป็นจุดที่ดีนะ ทำให้คนที่ใช้งาน Zenfone 2 สามารถเปลี่ยนไปเป็นรุ่นอื่นในซีรี่ส์เดียวกันได้ง่าย หรือจะเป็นคนที่อัพมาจาก Zenfone รุ่นแรกก็สามารถเรียนรู้การใช้งานได้ไม่ยากนัก เพราะโครงสร้าง การออกแบบต่างๆ ยังคงใกล้เคียงกันอยู่ มีการปรับบางส่วนให้เข้ากับธีมและหลักการออกแบบของ Android 5.0 Lollipop มากขึ้น หน้าตาโดยรวมก็จัดว่าสะอาดตาดีครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็นแนวทางการออกแบบของ Android ในยุคหลังๆ มาอยู่แล้ว ยิ่งทำยิ่งเรียบ แต่ก็ดูสวยขึ้นเรื่อยๆ
ตัวของ ASUS Zenfone 2 แรม 2 GB (ZE550ML) นี้ให้รอมมาแค่ 16 GB ซึ่งเมื่อเปิดเครื่องมาครั้งแรก ก็จะเหลือพื้นที่ให้ใช้กันประมาณ 10.5 GB ส่วนตัวผมก็คิดว่ามันพอใช้งานได้แบบใกล้จะอึดอัดแล้วล่ะ ดีที่มีช่อง MicroSD ให้ใส่หน่วยความจำเพิ่มได้ แต่ก็แนะนำว่าควรซื้อแบบที่เป็นคลาส 10 เป็นอย่างน้อยนะครับ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะมันเห็นผลจริงๆ เช่นถ้าเราเลือกเก็บภาพถ่ายลง MicroSD อันนี้จะเห็นชัดเลยตอนเก็บภาพหลังถ่ายจะค่อนข้างช้ากว่าเก็บภาพลงรอมเครื่อง ดังนั้นแนะนำว่าควรหา MicroSD เร็วๆ แรงๆ มาใส่จะดีกว่า
สำหรับด้านของแรม ตัวนี้ให้แรมมา 2 GB อย่างที่ทราบๆ กัน ซึ่งหลังจากใช้งานไประยะหนึ่ง จะเหลือแรมว่างให้ใช้งานประมาณ 800 – 900 MB ครับ (ในภาพนี้คือตอนเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ๆ) การใช้งานโดยรวมก็โอเคดี ไม่เจอปัญหาอะไร อยู่ในระดับของมือถือแรม 2 GB ทั่วๆ ไป
Feature
ฟีเจอร์ทั่วๆ ไปก็จะเหมือนกับ ZE551ML เช่นกันครับ เช่นพวก ZenMotion, QuickTrigger, การปรับแต่งหน้าตาต่างๆ ในส่วนนี้ผมเลยขอหยิบเอาฟีเจอร์อื่นๆ มาพูดถึงบ้างครับ ที่น่าสนใจก็เช่น What’s Next ที่จะบอกนัดหมายจากปฏิทินให้เราล่วงหน้า บอกสภาพอากาศของวันถัดไป เป็นต้น ช่วยเตือนความจำได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้มันยังมี widget ให้นำมาปักหมุดไว้ที่หน้าโฮมสกรีนได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเปิดแอพขึ้นมาก็สามารถดูข้อมูลได้เหมือนกัน
สำหรับแอพที่เป็นเชิงบริการ เซอร์วิสของ ASUS เองก็จะมีแอพชื่อว่า MyASUS ครับ ซึ่งถ้าเราเลือกให้แสดงข้อมูลของประเทศไทย ก็จะมีข้อมูลน่าสนใจต่างๆ มาให้ได้อ่านกัน เช่นทางลัดสำหรับติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ตัวช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงยังสามารถหาข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ ASUS ได้เป็นแบบภาษาไทยให้อ่านง่ายๆ ด้วย ก็ลองเล่นกันดูครับ เผื่อได้ใช้งาน
แอพสุดท้ายที่น่าสนใจ และเป็นแอพที่มีเพิ่มเข้ามาใน Zenfone 2 เป็นครั้งแรกก็คือแอพ MiniMovie แอพที่ช่วยให้เราสามารถสร้างสไลด์นำเสนอแบบวิดีโอสั้นๆ จากภาพถ่ายในเครื่องได้อย่างง่ายดาย กับ 3 ขั้นตอนแค่ เลือกรูป เลือกธีม รอซักพักแล้วก็กดแชร์ได้เลย ซึ่งอันที่จริงหลายๆ แบรนด์ก็มีส่วนนี้มาให้ได้ใช้กันก่อนหน้านี้แล้วครับ แต่ไม่แน่ใจว่าได้รับความนิยมขนาดไหน ส่วนตัว MiniMovie เท่าที่ผมลองใช้ดู ก็ใช้งานง่ายดีนะ ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่
Camera
เรื่องกล้องก็เป็นอีกจุดที่ Zenfone 2 พัฒนาขึ้นจากเดิม ที่เห็นได้ง่ายสุดก็คงเป็นเรื่องความละเอียดภาพครับ เพิ่มมาเป็นกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ซึ่งทั้งคู่ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานทั่วไปได้ดีเกินพอเลยล่ะ ส่วนของเทคโนโลยีการประมวลผลก็ได้รับการอัพเกรดขึ้นเป็น PixelMaster 2.0 ซึ่งใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยในคราวนี้ จุดที่พัฒนาขึ้นจากเดิมก็เช่น การถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในโหมด low light และในตัวของโมเดล ZE550ML ที่ถึงแม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ก็ยังให้ทั้งฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์ต่างๆ มาเท่ากับ ZE551ML ที่เป็นรุ่นราคาสูงกว่าเลย ก็นับว่าคุ้มจริงๆ นะตัวนี้
เรื่องของโหมด low light นี้ต้องเล่าย้อนไปที่ตัว Zenfone รุ่นแรกก่อนครับ ตามปกติแล้วเทคโนโลยี PixelMaster ของโหมด low light มันคือการใช้เม็ดพิกเซลของเซ็นเซอร์รับภาพ 4 เม็ด รวมเป็นพิกเซลใหญ่สำหรับเก็บภาพ เพื่อเพิ่มความสว่างต่อพิกเซลให้มากขึ้น ดังนั้นภาพที่ถ่ายด้วยโหมด low light จึงมีความละเอียดสูงสุดแค่ 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น (เซ็นเซอร์ 8 ล้าน หาร 4 ลงมาเหลือ 2 ล้านพิกเซล) แต่พอมาใน Zenfone 2 ตัวเซ็นเซอร์กล้องได้เพิ่มจำนวนพิกเซลเป็น 13 ล้านพิกเซล จึงทำให้สามารถถ่ายภาพในโหมด low light ได้ภาพที่ความละเอียดสูงขึ้นเป็น 3 ล้านพิกเซลนั่นเอง (13/4 ได้ 3 กว่าๆ) ก็เท่ากับว่าภาพที่ถ่ายด้วยโหมด low light ของ Zenfone 2 จะมีรายละเอียดภาพที่ดีขึ้นนั่นเอง อันนี้คือเป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของการอัพเกรดครับ
ส่วนเรื่องของโหมดกล้องอื่นๆ สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้จากรีวิว ASUS Zenfone 2 แรม 4 GB (ZE551ML) นะครับ เพราะมันเหมือนๆ กัน มาชมตัวอย่างภาพเลยละกัน ในแกลเลอรี่ด้านล่างนี้ครับ โดย 6 ภาพท้ายสุด ภาพที่สว่างคือภาพจากโหมด low light ส่วนภาพที่มืดกว่าคือภาพจากโหมดออโต้ตามปกติ
Performance
พลังความแรงของชิป Intel Atom Z3560 ใน Zenfone 2 โมเดล ZE550ML ก็เป็นไปตามคาดครับ คือความแรงน้อยกว่า Z3580 ใน Zenfone 2 ตัวท็อปอยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อยู่ในระดับที่ประมวลผล ใช้งานทั่วไปได้แรงเกินพออยู่แล้ว ส่วนด้านของกราฟิกนั้น กลับกลายเป็นว่าทำได้ดีกว่า ZE551ML ซะอีก ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะความละเอียดจอที่น้อยกว่า (แค่ HD เท่านั้น แต่ ZE551ML เป็น Full HD) ทำให้ GPU ทำงานไม่หนักเกิน เลยได้คะแนนจากการทดสอบออกมาดี ส่วนในการเล่นเกมจริงๆ ก็บอกได้เลยครับว่าลื่นกว่าตัวท็อป ปัจจัยหลักก็คือเรื่องความละเอียดจอที่น้อยกว่านี่แหละ เล่นเกม Asphalt 8 ลื่นเลย (ชิป GPU ใน Z3560 กับ Z3580 เป็นตัวเดียวกัน)
พอตอนใช้งานจริงๆ ASUS Zenfone 2 แรม 2 GB (ZE550ML) ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ลื่น เร็ว แรงตามอย่างที่ควรจะเป็น การสลับสับเปลี่ยนแอพก็ทำได้ดี พัฒนาขึ้นจาก Zenfone รุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาเรื่องการจับสัญญาณ WiFi ก็ไม่พบแล้ว สามารถดาวน์โหลดเกมขนาดใหญ่ได้แบบไร้ปัญหา
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหานะครับ อย่างหนึ่งที่เจอเลยคือผมโหลดเกม Fish Pond Park เกมใหม่ล่าสุดของค่าย Kairosoft จาก Play Store มา ผลคือค้างอยู่ตรงหน้าโหลดตอนเริ่มเกม และไม่สามารถเล่นได้เลย แต่พอไปลองโหลดในเครื่องอื่นที่สเปคต่ำกว่า กลับสามารถเล่นได้ปกติ อันนี้น่าจะเกิดจากปัญหาความเข้ากันได้ระหว่างชิปประมวลผล Intel กับตัวแอพแหละครับ ซึ่งปัจจุบันนี้ปัญหามันก็น้อยลงแล้วนะ แต่ต้องยอมรับว่ามันก็ยังมีเหลืออยู่บ้างเหมือนกัน ส่วนแอพอื่นๆ ผมสามารถใช้งานได้ตามปกติดีครับ ซึ่งปัญหานี้ผมก็พบใน ZE551ML ที่เป็นตัวท็อปแรม 4 GB เหมือนกัน
ปิดท้ายด้วยเรื่องระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ เนื่องมาจากสเปคของ ZE550ML นั้นเหมือนกับ ZE551ML (4 GB) แทบจะทุกส่วน ยกเว้น ความละเอียดหน้าจอ, ชิปประมวลผล, จำนวนแรม, รอม ซึ่งแต่ละส่วนที่ว่ามานี่ต่างเป็นตัวที่กินพลังงานทั้งนั้น ทำให้อัตราการใช้พลังงานโดยรวมของ Zenfone 2 โมเดล ZE550ML ต่ำกว่า ZE551ML แล้วที่สำคัญคือแบตเตอรี่ของทั้งสองโมเดลมันเท่ากันที่ 3000 mAh จึงทำให้เราสามารถใช้งาน ASUS Zenfone 2 แรม 2 GB (ZE550ML) ได้ยาวนานกว่า ZE551ML ตัวท็อป จากที่ผมลองใช้งานดูระหว่างรีวิว ก็ใช้งานแบบเกินวันได้สบาย (ถ้าไม่ได้ใช้โหดๆ หนักๆ เช่นเล่นเกมตลอดเวลานะ)