ASUS Vivobook S 14 OLED โน๊ตบุ๊คจอ OLED รุ่นใหม่ล่าสุดของ ASUS ที่เปิดตัวมาด้วยขุมพลัง AMD Ryzen ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ความเบาบางเพียง 1.3 กก. เท่านั้น แต่แบตเตอรี่สามารถอยู่ยาวได้กว่า 14 ชั่วโมง แถมด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ไม่ได้สูงมากนัก ทำให้ Vivobook S 14 OLED เหมาะจะเป็นคู่หูให้คนยุคใหม่สุดๆ เลยครับ ซึ่งตอนที่ผมได้เอามาลองใช้งานนั้นบอกเลยว่าติดใจพอสมควรทีเดียว ส่วนเหตุผลจะมีอะไรบ้างเราไปชมกันได้เลย
สเปคของ ASUS Vivobook S 14 OLED
- รหัสโมเดล : D5406UA
- สี : Neutral Black
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 11 Home
- หน้าจอ : OLED, ขนาด 14 นิ้ว, ความละเอียด 2880 x 1800 พิกเซล (3K), Refresh Rate 120Hz, 100% DCI-P3, อัตราส่วนหน้าจอ 16:10, คอนทราสต์ 1,000,000:1, 1.07 พันล้านสี, ความสว่างสูงสุด 600nits
- ชิปประมวลผล :
- AMD Ryzen 5 87535HS (6 cores, 12 Threads) พร้อมด้วย AMD Ryzen™ AI
- AMD Ryzen 7 8845HS (8 cores, 16 Threads) พร้อมด้วย AMD Ryzen™ AI
- ชิปกราฟิก : AMD Radeon 780M
- แรม : 16GB ชนิด LPDDR5X
- ที่จัดเก็บข้อมูล : 512GB / 1TB SSD NVMe PCIe 4.0
- แบตเตอรี่ : 75WHrs 4-cell Li-ion
- อะแดปเตอร์ : 65W / 90W AC Adapter
- กล้อง : FHD พร้อม IR สำหรับ Windows Hello และที่ปิดเพื่อความปลอดภัย
- การเชื่อมต่อ
- Wi-Fi 6E 2×2 MIMO
- Bluetooth 5.3
- 1 x USB Type-C 4.0 Gen 1 (รองรับการแสดงผล/การป้อนไฟ)
- 1 x USB Type-C 3.2 Gen 1 (รองรับการแสดงผล/การป้อนไฟ)
- 2 x USB Type-A 3.2 Gen 1
- 1x HDMI 2.1 TMDS
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- Micro SD card reader
- ขนาด : 31.05 x 22.19 x 1.39 ~ 1.59 ซม.
- น้ำหนัก : 1.30 กก.
- ราคา :
- รุ่น CPU Ryzen 5 87535HS : 27,990 บาท
- รุ่น CPU Ryzen 7 8845HS : 36,990 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่องที่เรียบหรูและเบาบาง
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือดีไซนืตัวเครื่องของ Vivobook S 14 OLED ที่ชูจุดเด่นเรื่องความเบาบาง โดยที่ตัวเครื่องจะมีความบางเพียง 1.39 ซม. เท่านั้น พร้อมด้วยน้ำหนักเพียง 1.3 กก. ทำให้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถกางจอได้กว้างถึง 180 องศาเลยด้วย
โดยคอนเซ็ปต์ในการออกแบบตัวเครื่องของ Vivobook นั้นจะอาศัยความเรียบง่ายและมีเอกลักษณ์เป็นหลัก พร้อมด้วยการสลักโลโก้รุ่นแบบ CNC ไว้ที่ฝาอย่างประณีต
ตัวหน้าจอจะเป็นจอ OLED ที่มีชื่อว่า ASUS Lumina OLED Display มีขนาดจอแสดงผลอยู่ที่ 14 นิ้ว พร้อมด้วยความละเอียดระดัย 3K และรองรับอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ทำให้สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงที่นุ่มนวลและดื่มด่ำเป็นพิเศษ แต่ที่น่าสนใจคือหน้าจอแสดงผลนี้มีขอบเขตสี 100% DCI-P3 ทำให้สามารถแสดงผลสีได้กว้างมากเลยครับ
สำหรับในส่วนกล้องหน้านั้น ASUS ก็ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยไม่น้อย เพราะมีการใส่แถบเลื่อนเปิด-ปิดกล้องหน้ามาให้ด้วยครับ อีกทั้งใกล้ๆ กล้องหน้ายังมีเซ็นเซอร์อินฟาเรดสำหรับใช้ปลดล็อคโน็ตบุ๊คของฟีเจอร์ Windows Hello ด้วยครับ
ในส่วนของคีย์บอร์ดทาง ASUS ก็ใส่ลูกเล่นไว้ให้เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์คือคีย์บอร์ดไฟ RGB โซนเดียวซึ่งสามารถปรับแต่งได้ผ่าน Windows Dynamic Lighting ซึ่งทำให้สามารถปรับแต่งสี, โหมด และระดับความสว่างได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเสริมเลยสักนิด
อีกทั้งยังมาพร้อมปุ่ม Copilot อีกด้วยครับ ไม่ต้องไปกดคีย์ลัดอีกต่อไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ TouchPad ขนาดใหญ่ทำให้สามารถใช้งานได้ง่ายและแม่นยำอีกด้วย
สำหรับพอร์ตต่างๆ รอบตัวเครื่องนั้นที่ฝั่งซ้ายจะมีช่อง HDMI 1 ช่อง, USB Type-C 2 ช่อง, MicroSD Card Reader 1 ช่อง และช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. 1 ช่อง ส่วนฝั่งขวาจะมีช่อง USB Type-A 2 ช่อง ซึ่งช่อง USB Type-C นี้จะทำหน้าที่เป็นพอร์ตชาร์จด้วยครับ
ในส่วนของลำโพงตัวเครื่องนั้นก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเช่นกันเพราะเป็นลำโพงที่ปรับแต่งโดย Harman/kardon พร้อมด้วยฟีเจอร์ Smart Amplifier กับ ASUS Audio Booster และยังรองรับระบบเสียง Dolby ATMOS อีกด้วยทำให้ได้เสียงคุณภาพเยี่ยมในทุกสถานการณ์
สำหรับในเรื่องการระบายความร้อนนั้นได้มีการออกแบบแนวลมให้เข้าที่ด้านใต้ตัวเครื่องแล้วไปออกด้านหลังตรงใต้หน้าจอ โดยในเรื่องของระบบระบายความร้อนนั้นจะมาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อน ASUS IceCool ที่ใช้พัดลม 2 ตัว และ Heat pipes 2 เส้น ในการระบายความร้อนครับ แต่ความเจ๋งคือในสถานการณ์ปกติตัวในพัดจะส่งเสียงไม่เกิน 38dBA ซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างเงียบเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีที่กรองฝุ่นในพัดลมแต่ละตัวเพื่อป้องกันไม่ให้มีฝุ่นและเส้นใยเข้าตัวเครื่องอีกด้วยครับ
ประสิทธิภาพที่ทรงพลัง
สำหรับในเรื่องประสิทธิภาพนั้น Vivobook S 14 OLED เครื่องนี้มีการใช้ชิปประมวลผลจาก AMD อย่าง AMD Ryzen 7000 Series และ 8000 Series ทั้งยังมาด้วยรหัส HS ที่เป็นตัวท๊อปอีกด้วย โดยจะมีให้เลือก 2 รุ่นคือ Ryzen 5 7535HS ที่มี 6 Core / 12 Threads และ Ryzen 7 8845HS ที่มี 8 Core / 16 Threads และรุ่นที่เราได้มารีวิวนั้นจะเป็นรุ่น Ryzen 7 8845HS นั่นเองครับ
อีกสิ่งที่แตกต่างกันก็คือ SSD ที่ใส่มาให้โดยในรุ่น Ryzen 5 นั้นจะมาพร้อม SSD ขนาด 512GB ส่วนในรุ่น Ryzen 7 จะมาพร้อม SSD ขนาด 1TB เพียงแต่ทั้งคู่ก็เป็น SSD ชนิดเดียวกันคือเป็น SSD แบบ NVMe PCIe 4.0 ซึ่งมีความเร็วในการอ่านเขียนสูงเหมือนกัน ซึ่งจากที่เราลองเทสดูจะมีความเร็วในการอ่านอยู่ราวๆ 5,000 MB/s และมีความเร็วในการเขียนอยู่ที่ราวๆ 3,600 MB/s ซึ่งถือว่าเร็วเพียงพอที่จะเอามาใช้งานในทุกรูปแบบ
หนึ่งสิ่งที่เหมือนกันไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหนก็คือแรมที่จะได้ขนาด 16GB มาเหมือนกัน แต่ความน่าสนใจคือตัวแรมจะเป็นแบบ LPDDR5X ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถเพิ่มขนาดได้ เพราะตัวแรมมาเป็นแบบชิปฝั่งลงไปบนบอร์ดเลย แต่จากที่ลองใช้แล้วก็มีความรวดเร็ว สามารถเปิดใช้งานโปรแกรมซ้อนได้พอสมควรเลยทีเดียว
ในเรื่องความรวดเร็วในการประมวลผลเราลองเทสด้วยโปรแกรมแต่งภาพอย่าง Adobe Lightroom ซึ่งตอนที่เราลองเราทดลองด้วยการแต่งภาพถ่ายแบบ RAW กว่า 100 รูปและกด Export รวดเดียว ซึ่งตัวเครื่องใช้เวลาประมวลผลออกมาแค่นาทีนิดๆ เอง เป็นอะไรที่รวดเร็วพอสมควรเลย
ในเรื่องการเล่นเกมนั้นตัวเครื่องจะไม่มีการ์ดจอแยก แต่จะเป็นการใช้การ์ดจอจากในชิปประมวลผล หรือก็คือใช้ GPU แทน ซึ่งตัว GPU จะเป็น AMD Radeon 780M แต่ก็อย่างไปดูถูกมันเสียหล่ะ เพราะตัว GPU สามารถประมวลผลภาพระดับ 3K ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย รวมถึงสามารถเอามาใช้เล่นเกมได้อีกด้วย โดยเกมที่เราลองเล่นคือ Genshin Imapct ที่ความละเอียดภาพ 3K ผลคือตัวเกมตั้งค่าเริ่มต้นมาให้ที่กราฟิกต่ำสุด ซึ่งพอเราลองเล่นก็มีความลื่นไหลดี แต่พอปรับกราฟิกเพิ่มเข้าไปเป็ฯต่ำหรือกลางปุ๊บตัวเกมก็จะเริ่มกระตุกทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่า GPU Radeon 780M นั้นเอามาใช้เล่นเกมได้จริง ขอแค่ไม่ปรับกราฟิกสูงหรือเล่นเกมกินสเปคโหดๆ แล้วหล่ะก็นะ
แบตเตอรี่ที่ อึด ถึก ทน สุดๆ
ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นเป็นอะไรที่ตัวผู้เขียนค่อนข้างชอบเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นของตัวเครื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งทาง ASUS กล่าวว่าแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้กว่า 14 ชั่วโมง แต่จากการที่ได้ลองใช้งานมานั้นหากใช้งานแบบเซฟสุดๆ ก็สามารถอยุ่ได้ถึงจริงๆ แต่ถ้าใช้ทำงานนอกสถานที่ มีแต่งภาพ เปิดเบราเซอร์ อัพโหลด-ดาวน์โหลดภาพ พร้อมเปิดแสงราวๆ 50% แบตเตอรี่จะอยู่ได้ราวๆ 9 – 10 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่อึดเอามากๆ เลยครับ แถมด้วยความที่ๆ ชาร์จเป็น Type-C แบบ PD ด้วยแล้ว ทำให้สามารถใช้แบตเตอรี่สำรองที่สามารถจ่ายไฟกำลังสูงชาร์จได้อีกด้วยครับ (พวกแบตเตอรี่สำรองที่สามารถจ่ายไฟได้เกิน 30W ขึ้นไปนะครับ)
สรุปการรีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED
สรุปการรีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED จากที่ได้เอาไปลองใช้งานมา ต้องบอกเลยว่าเป็นหนึ่งในโน็ตบุ๊ครุ่นที่อยากได้เองเลยทีเดียว ด้วยขนาดตัวที่ไม่ได้ใหญ่มาก น้ำหนักที่ค่อนข้างเบา สเปคแรง แบตอึด ทำให้สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สบายหายห่วงเลย และจากทุกอย่างที่ ASUS ใส่มาให้นั้นต้องบอกเลยว่าสายทำงานนอกสถานที่, ช่างกล้องที่ต้องหิ้วคอมไปแต่งรูปนอกสถานที่, นักเรียน / นักศึกษา ควรใส่รุ่นนี้เอาไว้ในตัวเลือกสุดๆ เลยครับ นอกจากนี้ถ้าคิดว่าขนาดหน้าจอ 14 นิ้วยังเล็กไปทาง ASUS ก็ยังมีตัวเลือกขนาด 16 นิ้วให้เลือกด้วยนะ
โดยสำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ asus.com/th ได้เลย และถ้าอยากได้ก็สามารถสั่งซื้อผ่านเว็บ asus ได้เลย หรือจะไปซื้อตามตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ทั้วประเทศก็ได้เช่นกัน