ทุกวันนี้ ASUS เป็นมือถือที่มาแรงเป็นอย่างมาก เห็นได้จากเวลาที่มีการเปิดตัวมือถือหรือเวลาที่วางจำหน่ายก็จะมีผู้คนสนใจ และเป็นประเด็นที่ผู้คนจับตามองเสมอ โดยหลังจากที่ ASUS ได้เปิดตัวและวางจำหน่าย ASUS Zenfone 2 อย่างเป็นทางการก็ได้ทำให้บริษัทได้ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ในประเทศไต้หวันด้วยระยะเวลาสั้นๆ และจะเห็นได้ว่า ASUS ได้เปิดตัวมือถือตระกูล Zenfone ออกมาเรื่อยๆ จนล้นตลาด และล่าสุด ASUS ได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดอีกครั้ง และที่น่าสนใจคือมือถือรุ่นดังกล่าวกลับไม่ใช่มือถือตระกูล Zenfone อย่างที่ ASUS ได้ออกมาอยู่เรื่อยๆ จนทุกวันนี้เวลาจะไปซื้อต้องจำชื่อรหัสรุ่นกันเลย และวันนี้ผมจะมารีวิว ASUS Live มือถือน้องใหม่สุดชิคกับราคาเบาๆ เพียงแค่ 3,990 บาทเท่านั้น และมาดูกันว่าสเปคตัวเครื่องของ ASUS Live จะเป็นอย่างไร
- ระบบปฎิบัติการ Android 5.1 Lollipop
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5 นิ้วความละเอียดระดับ HD
- ซีพียู MediaTek MT6580 แบบ Quad core ความเร็ว 1.3 GHz
- แรม 2 GB
- หน่วยความจำภายใน 16 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD สูงสุด 64 GB)
- กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม
- แบตเตอรี่ความจุ 2,070 mAh
- ราคา 3,990 บาท
- สเปคของ ASUS Live แบบเต็ม
กล่องของ ASUS Live นั้นจะมาในดีไซน์แบบเดียวกันกับ ASUS Zenfone 2 เป๊ะเลยตัวกล่องมีขนาดกระทัดรัตสามารถถือได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแบบง่ายๆ เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับอุปกรณ์พื้นฐานอย่างอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ และสาย Micro USB เพื่อใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และชาร์แบตเตอรี่ พร้อมคู่มือการใช้งานอย่างง่ายๆ และที่เป็นข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ นั่นคือภายในกล่องของ ASUS Live ไม่มีหูฟังขนาด 3.5 มม.แถมมาให้ ดังนั้นหากเราต้องการใช้งานอาจจะต้องไปหาซื้อเพิ่มเติมเอานิดหน่อยซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นหูฟังของ ASUS เท่านั้นเพราะไม่ว่าหูฟังแบบไหนก็สามารถใช้งานกับ ASUS Live ได้นั่นเอง เอาล่ะครับเรามาพูดถึงเรื่องดีไซน์ของตัวเครื่องกันก่อนเลยดีกว่า
จุดเด่น
– ราคาเพียง 3,990 บาท
– แรม 2 GB
– งานประกอบดีใช้ได้
– กล้องขนาด 8 ล้านพิกเซล
– หน่วยความจำภายใน 16 GB
ข้อสังเกต
– มีอาการหน่วงอยู่บ้างเวลาใช้งาน
– แบตเตอรี่น้อยไปหน่อย
– ในราคาใกล้กันยังมีมือถือให้เลือกอีกหลายรุ่น
– กล้องหน้าความละเอียดค่อนข้างน้อย
บทสรุป
BEST PRICE
Design
เริ่มกันที่เรื่องแรกนั่นคือเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องของ ASUS Live ที่ผมได้มารีวิวนั้นจะมีการเปลี่ยนดีไซน์เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเข้าไปมากขึ้น สังเกตง่ายๆ ได้จากสีสันที่สดใสเรียบง่าย ด้านหน้าของตัวเครื่องจะเป็นหน้าจอขนาด 5 นิ้วความละเอียดอยู่ที่ HD โดยจอของ ASUS Live นั้นเป็นหน้าจอชนิดจอ IPS ดังนั้นเรื่องของความคมและความสดใสของภาพที่แสดงออกมาเรียกว่าทำได้น่าพอใจ และยังมีมุมมองภาพที่กว้างถึง 178 องศาอีกด้วย ส่วนตัวผมคิดว่าหน้าจอขนาด 5 นิ้วนั้นกำลังพอเหมาะกับการถือรวมไปถึงสะดวกในการใช้งาน มากกว่ามือถือที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ๆ และที่น่าสนใจนั่นคือ ASUS Live รุ่นนี้มีปุ่มควบคุมแบบ On-Screen มาให้แล้วถือว่าหมดปัญหาเรื่องของการใช้งานตอนกลางคืนซึ่งในกรณีอย่างเช่น Zenfone 2 ที่ปุ่มควบคุมหลักของตัวเครื่องไม่มีไฟ Backlight ใส่มาให้ทำให้ใช้งานในเวลากลางคืนค่อนข้างลำบาก เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ด้านบนของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งของกล้องขนาด 2 ล้านพิกเซลใกล้กันจะเป็นลำโพงสนทนาซึ่งทาง ASUS ได้เปลี่ยนดีไซน์ของลำโพงสนทนาเป็นแบบทรงกลมแทนแบบที่ใช้ใน ASUS Zenfone 2 ทุกรุ่น และใกล้ๆ กันจะเป็นตำแหน่งของไฟ LED ที่จะกระพริบแจ้งเตือนในกรณีที่แบตเตอรี่ของเรานั้นใกล้จะหมด หรือมีข้อความใหม่ๆ เข้ามา นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ที่จะช่วยวัดสภาพแสงเพื่อปรับความสว่างให้เหมาะสมตามสภาพอากาศรอบๆตัวอยู่ในบริเวณของด้านบนหน้าจออีกด้วย และที่ด้านล่างของหน้าจอนั้นจะเป็นแถบพลาสติกสีดำสนิทซึ่่งจะไม่มีปุ่มควบคุมใดๆ ทั้งสิ้นอยู่ในบริเวณนี้ ทิ้งไว้เพียงพื้นที่เรียบๆเนื่องจากปุ่มควบคุมหลักที่เคยอยู๋ในบริเวณนี้นั้นได้ย้ายไปใช้งานแบบ On-Screen อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วในก่อนหน้านี้
ด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะเป็นตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และจะสังเกตุได้ว่าในส่วนนี้นั้นได้มีการเปลี่ยนดีไซน์ด้วยเช่นกัน เพราะตามปกติแล้วเรามักคุ้นตากับการเห็นปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ใส่ไว้ในจุดนี้ของ Zenfone 2 ทุกรุ่น เมื่อเห็น ASUS Live ครั้งแรกผมก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะว่าไปแล้วการนำปุ่มเปิด/ปิดมาใส่ไว้ที่ด้านบนของตัวเครื่องแบบที่มีใน ASUS Zenfone 2 ทำให้การใช้งานนั้นลำบากเพราะตัวเครื่องนั้นก็มีน้ำหนักพอสมควรอยู่แล้ว แถมปุ่มกดนั้นก็ค่อนข้างแข็งทำให้กดยากอยู่เหมือนกัน ดังนั้นการเปลี่ยนดีไซน์ด้านบนใน ASUS Live ทำให้มั่นใจว่าปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับรุ่นอื่นๆ นั้นจะไม่เกิดขึ้นกับ ASUS Live
ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นจะไม่มีปุ่มอะไรเลยมีเพียงขอบตัวเครื่องโล่งๆ ซึ่ง ASUS Live ที่เราได้มารีวิวนั้นจะเป็นตัวเครื่องสีดำ-ฟ้า สีสันสดใสสวยงาม และด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของปุ่มเปิด/ปิดเครื่องที่ได้เปลี่ยนดีไซน์ย้ายลงมาไว้ที่จุดนี้แทน รวมถึงปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงที่จะมีการเปลี่ยนดีไซน์มาไว้ที่ด้านขวาของตัวเครื่องแทนการใส่ไว้ที่ด้านหลังของตัวเครื่องเหมือนรุ่นก่อนๆ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าปุ่มกดแบบด้านข้างตัวเครื่อง กดถนัดกว่าปุ่มกดแบบด้านหลังตัวเครื่องที่ใช้ใน ASUS Zenfone 2 ทุกรุ่น ที่เวลาใช้งานจริงกลับกดได้ไม่ถนัด
ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของช่องเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แบบ Micro USB ใกล้กันจะเป็นไมค์สำหรับสนทนาโทรศัพท์ และมาถึงส่วนสุดท้ายในเรื่องของดีไซน์นั่นคือด้านหลังตัวเครื่อง ASUS Live เครื่องที่ผมได้มารีวิวนั้นจะมีฝาหลังสีดำดูเรียบง่าย ตามสไตล์ของ ASUS ด้านบนของด้านหลังตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของกล้องถ่ายรูปขนาด 8 ล้านพิกเซลใกล้กันเป็นแฟลชแบบ LED ซึ่งช่วยในการถ่ายภาพในบริเวณที่มีแสงน้อยให้ได้ภาพที่ดีขึ้น ถัดลงมาเล็กน้อยจะเป็นตำแหน่งของโลโก้ ASUS ที่มีสีขาวโดดเด่น และที่ด้านล่างของด้านหลังจะเป็นตำแหน่งของลำโพงตัวเครื่อง หากสังเกตดีๆ จะเห็นช่องเล็กๆ สำหรับแกะฝาหลังของตัวเครื่อง ASUS Live ออกมาเพื่อใส่ซิมการ์ดและ Micro SD
เมื่อแกะฝาหลังออกมาแล้วสิ่งแรกที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นคือแบตเตอรี่ขนาด 2,070 mAh ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เยอะอะไรมากมายแต่ด้วยสเปคของ ASUS Live ที่ไม่สูงเท่าไรนักทำให้ ASUS Live เป็นมือถือที่ไม่กินพลังงานมากมายเท่าไร แต่สิ่งที่น่าสนใจนั่นคือเราสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ ASUS Live ด้วยตัวเองได้ เพราะทาง ASUS ได้ออกแบบ ASUS Live มาให้สามารถถอดแบตเตอรี่เปลี่ยนได้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ASUS Live ยังมาพร้อมช่องใส่ซิมแบบแยกระหว่างซิม 1 และซิม 2 อย่างเห็นได้ชัด และใกล้ๆกันยังมีช่องสำหรับใช้งาน Micro SD ที่รองรับมากสุด 64GB
ภาพรวมของงานประกอบนั้นถือว่า ASUS Live ยังคงมีงานประกอบที่แน่นหนาเช่นเดียวกับมือถือระดับเรือธงตระกูล Zenfone 2 ทั่วๆ ไปจาก ASUS เรียกว่าเรื่องของความแข็งแรงนั้นไม่มีเส้นแบ่งเลยก็ว่าได้ ASUS Live ถูกออกแบบมาให้ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นมีความโค้งมนเล็กน้อยเข้ากับมือของเรา การจับถือ ASUS Live นั้นทำได้ถนัดมือมากเพราะด้วยความที่ตัวเครื่องนั้นมีขนาดหน้าจอเพียง 5 นิ้วและน้ำหนักรวมของตัวเครื่องมีเพียง 135 กรัมเท่านั้น จึงทำให้ผู้ใช้งานที่เป็นผู้หญิงก็สามารถถือไปไหนมาไหนได้อย่างไม่ลำบาก เมื่อเทียบกับมือถือรุ่นก่อนๆ
Software
และมาถึงเรื่องของซอฟท์แวร์กันบ้าง ASUS Live มาพร้อมกับ Android เวอร์ชั่น 5.1 Lollipop ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสเถียรในการใช้งาน แอพที่ ASUS Live มีติดเครื่องมานั้นก็มีให้ใช้งานอย่างครบครันเหมือนเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นแอพจากทาง Google อย่างเช่น Google+,Hangouts,Youtube,Chrome,Maps เป็นต้น แต่เนื่องจาก ASUS Live นั้นเป็นมือถือที่มีราคาอยู่ในระดับล่างทำให้ผมรู้สึกว่าทาง ASUS ได้ตัดฟีเจอร์และแอพสำคัญๆ ออกไปเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ASUS Mobile Manager,Audio Wizard, Power Saver ซึ่งสามแอพนี้เป็นตัวช่วยที่สำคัญที่ทำให้เครื่องนั้นทำงานได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อพิจารณาจากราคาของ ASUS Live ที่ 3,990 บาททำให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่ยังพอให้อภัยได้อยู่ เพราะเพียงเท่านี้ก็คุ้มค่ากับเงิน 3,990 บาทแล้วล่ะครับ และด้วยความที่เป็น Android 5.1 Lollipop ทำให้รองรับการใช้งานแอพที่ออกมาในทุกๆ วันนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเกมหรือแอพทั่วๆ ไป
Camera
มาพูดถึงเรื่องของการถ่ายภาพบน ASUS Live กันบ้างดีกว่า ASUS Live มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลซึ่งเมื่อเทียบกับราคาของตัวเครื่องที่ไม่เกิน 4,000 บาทนั้นเรียกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ด้วยราคาของตัวเครื่องที่ไม่แพงมากทำให้ ASUS ต้องตัดฟีเจอร์หรือลูกเล่นต่างๆ ออกไปมาดพอสมควรแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ถึงกับแย่มากมายนัก เพราะ ASUS Live ยังสามารถถ่ายภาพแบบใช้เอฟเฟกต่างๆ ในแอพกล้องถ่ายภาพได้อยู่เหมือนเคย แต่อาจจะไม่มากเท่ามือถือเครื่องละ 8,000 – 9,000 บาทจาก ASUS ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะราคามันถูกกว่านั่นเอง และเอฟเฟคที่จะมีให้ได้ใช้งานก็ได้แก่ Night mode , Depth of field , Selfie mode , Panorama mode , Miniature , Time Rewind , Smart Remove , All Smiles , Time Lapse , HDR mode และ GIF animation นอกจากนี้ ASUS Live ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าขนาด 2 ล้านพิกเซลพร้อมโหมด Beautification ที่จะทำให้เราได้รูปเซลฟี่แบบหน้าใสไร้ริ้วรอย แต่ผมแอบเสียดายเล็กน้อยตรงที่กล้องของ ASUS Live นั้นไม่มีเทคโนโลยี PixelMaster เพื่อทำให้รูปที่ถ่ายออกมานั้นมีความละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม และมาดูภาพถ่ายตัวอย่างจากกล้องของ ASUS Live ว่าจะเป็นอย่างไร
ภาพจากกล้องหน้าของ ASUS Live
Performance
และมาพูดถึงเรื่องสุดท้ายนั่นคือเรื่องของประสิทธิภาพของตัวเครื่อง ASUS Live มาพร้อมกับซีพียู MediaTek MT6580 แบบ Quad-Core ความเร็ว 1.3GHz ซึ่งถือว่าไม่ได้เร็วอะไรมากมายนักแต่ถ้าเทียบจากการใช้งานทั่วไปของคนเราในแต่ละวันซีพียูความเร็วประมาณนี้ก็เอาอยู่แล้ว และผมได้ทดสอบจากการเล่นเกมหลายๆ เกมก็พบว่าสามารถเล่นได้ในระดับพอใช้ แรมที่ให้มา 2 GB ก็สามารถทำงานได้น่าพอใจสลับไปมาระหว่างแอพต่างๆ ได้อยู่เหมือนกัน ความไหลลื่นของการเล่นเกมนั้นจะดีขนาดไหนติดตามได้จากวีดีโอทดสอบการเล่นเกมบน ASUS Live ที่ด้านล่างของบทความได้เลย ในส่วนของการเชื่อมต่อต่างๆ Asus Live นั้นก็สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เรื่องของแบตเตอรี่จากการเล่นเกมก็พบว่าค่อนข้างสูบแบตเตอรี่อยู่เหมือนกัน ดังนั้นในการใช้งานจริงอาจจะต้องพึ่ง Powerbank อยู่เหมือนกันเพราะแบตเตอรี่ของ ASUS Live นั้นมีเพียง 2,070 mAh เท่านั้น แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าโอเคอยู่นะ
สุดท้ายนี้ผมสรุปง่ายๆ ว่า ASUS Live เป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานอะไรหนักมากและไม่อยากเสียเงินกับการซื้อมือถือแพงๆ เพราะด้วยสเปคของตัวเครื่องที่ไม่ถึงกับต่ำจนเกินไปอยู่ในเกณฑ์กำลังใช้งานได้พอดีๆ ที่สำคัญคือเรื่องดีไซน์ของตัวเครื่องที่เป็นมิตรต่อการใช้งาน ขนาดหน้าจอ 5 นิ้วนั้นก็กำลังถือได้กระชับมือและพกพาได้สะดวก และสำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของ ASUS Live ก็สามารถซื้อได้เลยที่ iTruemart ซึ่ง ASUS Live จะวางจำหน่ายแบบ Exclusive ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น