ตอนนี้ OPPO ได้เปลี่ยนสโลแกนมือถือของตัวเอง จาก OPPO Smartphone มาเป็น OPPO Camera Phone แล้วล่ะครับ นั่นก็เพราะว่า OPPO มีกล้องถ่ายภาพที่ชูจุดเด่น ให้ฮือฮามาตั้งแต่รุ่นที่เน้นนวัตกรรม อย่าง OPPO N3 ที่มาพร้อมกับกล้องหมุนได้
แม้แต่เรือธงสเปคเทพ อย่างอย่าง OPPO Find 7 ก็ยังมาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่ดี หรือรุ่นที่เน้นดีไซน์ความหรูหราพร้อมกล้องคมชัดอย่างตระกูล R5, R7 เราก็จะเห็นว่าจุดร่วมหนึ่งที่มือถือ OPPO มีก็คือความโดดเด่นด้านกล้องถ่ายภาพ จนมาถึงซีรี่ส์ใหม่ล่าสุดของมือถือ OPPO เน้นจุดเด่นเรื่องกล้อง กับฉายา “Selfie Expert” อย่าง OPPO F1 ที่ต้องบอกว่าเปิดตัวมาได้พอเหมาะกับช่วงที่ OPPO เปลี่ยนจาก OPPO Smartphone มาเป็น OPPO Camera Phone เลยทีเดียว
สเปค OPPO F1
- หน้าจอ : IPS ขนาด 5 นิ้วความละเอียด HD
- ซีพียู : Snapdragon 616 แบบ Octa Core ความเร็ว 1.5 GHz
- แรม : 3 GB
- หน่วยความจำภายใน : 16 GB
- รองรับการใช้งาน Micro SD : สูงสุด 128 GB
- กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล ƒ/2.2 พร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้า : 8 ล้านพิกเซล ƒ/2.0
- การเชื่อมต่อ : 3G/4G , Wi-Fi 802.11 b/g/n , Bluetooth 4.0 , GPS , OTG
- สีที่วางจำหน่าย : Golden
- แบตเตอรี่ความจุ 2500 mAh
- สเปคเต็มๆ OPPO F1
- ราคา : 8,990 บาท
สำหรับสเปคของ OPPO F1 จัดอยู่ในระดับกลาง แต่ถ้าเทียบในช่วงราคาใกล้เคียงกันแล้ว ผมว่าสเปคของ OPPO F1 ก็ถือว่าสู้กับยี่ห้ออื่นได้สบายๆ ครับ ทั้งชิปประมวลผล Snapdragon 616, Ram 3 GB รวมถึงความสามารถในการเชื่อมต่อทั้ง 4G/ 3G แถมยังรองรับการใช้งาน 2 ซิม และวัสดุตัวเครื่องที่ใช้เป็นโลหะอย่างดี สวย หรูหรา และพรีเมียมสุดๆ โดยรวมผมว่าสมกับราคา 8,990 บาทอยู่นะ
ระหว่างที่รอรีวิวฉบับเต็ม OPPO F1 ก็มาพบกับบทความพรีวิว OPPO F1 เรียกน้ำย่อยไปก่อนก็แล้วกันครับ โดยในบทความนี้ผมจะพูดรวมๆ เกี่ยวกับ OPPO F1 เริ่มจากการแกะกล่อง และทดลองใช้งานคร่าวๆ กันก่อน
ตัวกล่องของ OPPO F1 เป็นกล่องแบบ 2 ชั้น คือจะมีปลอกด้านนอก สกรีนสีทองดูหรูหรา (เครื่องรีวิว OPPO F1 ที่เราได้รับมาก็สีทอง) ด้านหน้าระบุไว้เลยว่า Selfie Expert ส่วนกล่องจริงๆ ของ OPPO F1 จะมีสีขาวล้วน สกรีนโลโก้ OPPO ตรงกลางไว้เท่านั้น
เปิดกล่องมาก็จะพบกับตัวเครื่อง OPPO F1 นอนรออยู่ในกล่อง และบรรดาอุปกรณ์เสริมก็จะอยู่ด้านล่างตัวเครื่องอีกที โดย OPPO F1 จัดว่าเป็นมือถือที่ซื้อแล้วจบตั้งแต่ในกล่อง เพราะติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่โรงงาน และแถมเคส TPU มาให้ในกล่องด้วย ส่วนอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น สาย USB, อแดปเตอร์ (ไม่รองรับ VOOC) และหูฟังก็แถมมาให้ตามปกติของ OPPO อยู่แล้ว (แต่ยี่ห้ออื่นส่วนมากไม่แถมหูฟังนะเออ)
ตัวเครื่องของ OPPO F1 ออกแบบมาได้คล้ายกับรุ่นพี่อย่าง OPPO R7s มากครับ รวมถึงวัสดุก็พรีเมียมพอกันซะด้วย คือถ้า OPPO F1 ย้ายปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับไปอยู่บนหน้าจอ แล้วใส่โลโก้ OPPO ลงไปนี่ก็คือ OPPO R7s ชัดๆ เลย
หน้าจอของ OPPO F1 มีขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD สำหรับความละเอียดอาจจะดูน้อยไปหน่อยในแง่ของสเปค แต่ถ้าดูที่ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซล 294 ppi ก็ถือว่าชัดในระดับที่มองไม่เห็นเม็ดพิกเซล สำหรับการใช้งานทั่วไปแบบไม่นั่งเพ่งจอแล้วล่ะครับ แถมการที่หน้าจอความละเอียด HD ยังช่วยให้ประหยัดพลังงาน และกินพลังงานในการประมวลผลน้อยกว่าหน้าจอความละเอียดสูงๆ ด้วย
OPPO F1 มาพร้อมกับความบางเพียง 7.25 มิลลิเมตร คือต่อให้ใส่เคสก็ยังถือว่าบางอยู่ดี จัดว่าเป็นมือถือที่มีตัวเครื่องกะทัดรัด เหมาะแก่การพกพาเป็นอย่างมาก ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องก็อยู่ที่ 147 กรัม ทำให้การถือเล่นนานๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าล้ามือแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีการเล่น Texture แบบฟรุ้งฟริ้งที่ขอบข้างซะด้วย สำหรับรายละเอียดทางด้านข้าง ว่ามีปุ่มอะไรบ้างก็ตามนี้เลยครับ
ช่องใส่ซิมเป็นแบบไฮบริด คือต้องเลือกระหว่างซิม 2 และ Micro SD Card
ด้านหลังของ OPPO F1 ใช้วัสดุเป็นโลหะ ประกอบกับการที่มีตัวเครื่องสีทอง ทำให้รู้สึกถึงความหรูหรา สัมผัสของวัสดุก็เป็นโลหะอย่างดี เกรดเดียวกับพวกมือถือราคาหมื่นบาทขึ้นไป
ด้านหลังก็จะประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED จำนวน 1 ดวง โดยตัวกล้องจะนูนขึ้นมาเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะ OPPO ได้ออกแบบให้มีกรอบสูงกว่าตัวกระจกเลนส์ ต่อให้วางลงไปกับพื้นตรงๆ แบบไม่ใส่เคส ตัวกระจกเลนส์ก็ไม่สัมผัสกับพื้นแน่นอนครับ แต่ถ้าจะเอาชัวร์ การใส่เคสก็เป็นทางเลือกในการปกป้องเลนส์กล้องหลังได้ดีเหมือนกัน
ใส่เคสที่แถมมากแล้วก็ประมาณนี้
ด้านล่างก็จะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่อง ให้เสียงที่ดังกระหึ่ม รายละเอียดมาเต็ม แต่ติดอยู่นิดเดียวตรงที่ลำโพงอยู่ด้านหลังนี่แหละครับ ถ้าวางบนพื้นตรงๆ เสียงจะอู้อี้มาก
สำหรับซอฟท์แวร์ของ OPPO F1 จะใช้เป็น ColorOS เวอร์ชัน 2.1.0i ที่มีพื้นฐานบน Android 5.1.1 Lollipop หน้าตา UI ตามสไตล์ OPPO สามารถเปลี่ยน Theme ได้หลายแบบมาก จะเปลี่ยนแบบ 7 วัน 7 Theme ก็ไม่มีปัญหา
ซอฟท์แวร์กล้องของ OPPO F1 จะใช้เป็น Pure Image 2.0+ เพราะฉะนั้นโหมดกล้องก็มีให้เลือกใช้ไม่แพ้รุ่นท็อปๆ ของ OPPO เลย ไม่ว่าจะเป็น Ultra HD โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง, โหมดถ่ายภาพซ้อน, ถ่าย Raw หรือจะเป็นโหมดยอดฮิตอย่าง Beauty มาเต็ม สมกับฉายา Selfie Expert แน่นอน
ตัวอย่างภาพถ่ายก็ตามนี้ครับ ผมแค่ย่อขนาดไฟล์อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้แต่งรูปเพิ่มเติม
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าก็ตามนี้ครับ ไล่ระดับจากปกติ ไปจนถึง Beauty แบบ Strong
ลองถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า OPPO F1 แบบใส่ฟิลเตอร์
ภาพรวมคร่าวๆ ของ OPPO F1 ก็จะประมาณนี้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมแบบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการใช้งาน, ตัวอย่างรูปถ่ายในสถานการณ์อื่นๆ สามารถติดตามได้จากรีวิว OPPO F1 ฉบับเต็มจากทีมงาน SpecPhone.com ได้ในเร็วๆ นี้ครับ