OnePlus 6 ได้เข้ามาทำตลาดไทยอย่างเป็นทางการเสียที หลังจากที่รุ่นที่ผ่าน ๆ มาเป็นการวางจำหน่ายผ่านร้านตู้ ซึ่งถึงแม้ว่าวางจำหน่ายผ่านร้านตู้ แต่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จากสเปคแรงระดับเรือธง แต่ราคาถูกกว่าเรือธงค่ายอื่นเกือบครึ่ง ทำให้ชื่อเสียงของ OnePlus ถูกตั้งให้เป็น Flagship Killer ซึ่งในรุ่น OnePlus 6 นั้นก็ยังสามารถทำได้อยู่ ไปดูรายละเอียดสเปคกันเลยครับ
รายละเอียดสเปค OnePlus 6
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอ 19:9 ความละเอียด Full HD 1080 x 2280 พิกเซล
- ขนาดตัวเครื่อง 155.7 x 75.4 x 7.8 มม. หนัก 177 กรัม
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 845 CPU Octa-core (4×2.8 GHz Kryo 385 Gold & 4×1.7 GHz Kryo 385 Silver) พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 630
- RAM 6 GB และ 8 GB
- ความจุ 128 GB และ 256 GB
- กล้องหลัง Dual Camera ความละเอียด 20+16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/1.7 พร้อมฟีเจอร์กันสั่น Gyro-EIS และ OIS
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/2.0 พร้อมฟีเจอร์กันสั่น Gyro-EIS
- รองรับ Dual SIM
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 3300 mAh พร้อมกับฟีเจอร์ Dash Charge
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo
ในส่วนของราคานั้นเป็นครั้งแรกที่ทาง OnePlus ร่วมมือกับทาง AIS นำ OnePlus 6 เข้ามาขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกหลังจากที่รุ่น 1-5 ก่อนหน้านี้จะมีเพียงร้านตู้นำเข้ามาจำหน่ายเพียงอย่างเดียว ทำให้ราคาที่ถูกอยู่แล้วเมื่อซื้อผูกโปรกับทาง AIS ราคายังถูกลงกว่าเดิมตามราคาด้านล่างนี้เลยครับ
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 17,999 บาทเท่านั้น สำหรับรุ่น 64 GB แรม 6 GB ถ้าผูกโปรโมชั่นรายเดือนก็ลดเพิ่มไปอีกสามพันบาท ถือว่าราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสเปคที่ให้มา เราไปดูในส่วนของการออกแบบตัวเครื่องกันเลยครับ
หน้าจอขนาด 6.28 นิ้วแบบ AMOLED ที่ขึ้นชื่อในเรื่องสีสันและสีดำที่ดำสนิท ส่วนความละเอียดอยู่ที่ระดับ Full HD 1080 x 2280 พิกเซลที่ถือว่าเพียงพอแล้วในปัจจุบัน ซึ่งกระจกที่ครอบหน้าจอนั้นเป็นแบบ 2.5D Gorilla Glass 5 ที่แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไป และยังติดฟิล์มหน้าจอมาให้แล้วตั้งแต่อยู่ในกล่อง แต่เป็นฟิล์มใสธรรมดา
ถึงแม้จะมากับหน้าจอแบบ Fullview แต่ก็ยังมี Notch ตามสไตล์ของ Android รุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน แต่จะมีขนาดของ Notch เล็กกว่าหากเทียบกับ iPhone X และ Zenfone 5 ซึ่งใน Notch จะประกอบไปด้วยลำโพงสนทนา กล้องหน้า และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ
ด้านล่างตัวเครื่องก็จะมีขอบเครื่องที่หนาเล็กน้อย ส่วนปุ่ม Navigation จะไปอยู่ในหน้าจอ
ตัวเครื่องด้านหลังที่เป็นกระจกที่เงาสวยงามมาก แต่ก็เป็นรายนิ้วมือง่ายมากและเห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน ใช้กล้องหลัง Dual Camera ในแนวตั้งพร้อมกับ Dual LED Flash และด้านล่างเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ถัดลงมาด้านล่างเป็นโลโก้ OnePlus สีเงินที่โดดเด่น
ด้านล่างตัวเครื่องก็จะมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ลำโพงสนทนา ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมค์รับเสียงสนทนา
ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่ม Power และปุ่มที่เราถูกใจเป็นพิเศษที่หาได้ยากบนสมาร์ทโฟน Android นั่นก็คือปุ่มเปิดสั่นแบบรวดเร็ว ซึ่งหากใครใช้ iPhone อยู่ก็คงนึกออกที่จะอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง แต่ในส่วนของ OnePlus 6 เองสามารถปรับได้ 3 ระดับด้วยกันคือ มีเสียง ระบบสั่น และเงียบไปเลย
ด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมีปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียงเป็นแบบปุ่มเดียวยาว ๆ และช่องใส่ซิมแบบ Dual Sim ซึ่ง OnePlus 6 ไม่สามารถใส่ microSD เพิ่มได้นะครับ
โดยรวมแล้วการออกแบบตัวเครื่องทำได้สวยงามลงตัวกว่ารุ่นเดิม จากการใช้กระจกโค้งมนทั้งตัวเครื่องตัดขอบเครื่องด้วยอะลูมิเนียมสีดำเงา ทำให้ตัวเครื่องดูหรูหรา ดูแพง ในราคาที่แสนถูก ซึ่งถือว่าทำได้ดีมากในการออกแบบตัวเครื่อง
สำหรับซอฟต์แวร์ของตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android Oreo 8.1 บน Oxygen OS 5.1.8 รอมที่ทาง OnePlus พัฒนาขึ้นเองที่โดดเด่นด้วยการทำงานที่รวดเร็วและเรียบง่าย
จุดเด่นก็คือสเปคที่แรงมาก มากับชิปประมวลผล Snapdragon 845 พร้อมกับชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 630 ซึ่งเป็นชิปตัวท็อปสุดของ Qualcomm ในขณะนี้ พร้อมกับแรมสูงสุดถึง 8 GB ทำให้การใช้งานไม่ว่าจะหนักแค่ไหนก็หายห่วงเกินความคาดหมาย
ส่วนใครที่ซื้อมาเล่นเกมนั้นก็ไม่ผิดหวัง เล่นได้แบบลื่น ๆ แม้ว่าเกมจะกินกราฟิกขนาดไหนก็ตาม ชิป Snapdragon 845 เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้วครับ จะมีให้กังวลอยู่บ้างก็คือเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้มาน้อยไปหน่อยที่ 3,300 mAh หากใครที่เล่นเกมหนัก ๆ ทั้งวัน อาจจะต้องพกสายชาร์จเผื่อไว้ระหว่างวัน ซึ่งรุ่นนี้ชาร์จแบตเข้าเร็วมากด้วยฟีเจอร์ Dash Charge
ในส่วนของกล้องมากับกล้องหลัง Dual Camera กล้องตัวแรกใช้เลนส์ของ Sony IMX 519 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 ส่วนอีกตัวใช้เลนส์ Sony IMX 376K ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 เช่นเดียวกัน และมาพร้อมกับเซ็นเซอร์กันสั่น OIS และ gyro-EIS ทำให้การถ่ายภาพนั้นนิ่งสุด ๆ ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซลที่มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 ไปดูตัวอย่างภาพถ่ายเบื้องต้นที่ด้านล่างได้เลยครับ
ตัวอย่างจากภาพถ่ายกล้องหลัง