สมัยนี้ใครๆ ก็นิยมการถ่ายภาพตัวเองในมุมสวยๆ หล่อๆ ไว้อวดเพื่อนในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือที่นิยมเรียกติดปากกันว่าการถ่ายเซลฟี่ (Selfie) ?และนอกจากจะเซลฟี่กันแล้ว คนสมัยนี้ยังนิยมการถ่ายเซลฟี่กันเป็นหมู่คณะ ทำให้เกิดศัพท์ใหม่ตามมาว่าเป็นการถ่ายแบบ กรุ๊ฟฟี่ (Groupfie) อีกด้วย
ด้วยความที่เซลฟี่ยังเป็นกระแสฮอตฮิตที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะจางหายไปได้ง่ายๆ ทำให้บรรดาค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนต่างหยิบเอาเรื่องการเซลฟี่มาเป็นจุดขายให้กับสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่นของตน โดยชูจุดเด่นที่กล้องหน้าความละเอียดสูงพร้อมซอฟต์แวร์แต่งภาพหน้าเนียนฟรุ้งฟริ๊ง และในเวลานี้ดูเหมือนว่า OPPO N1 mini ยังคงครองตำแหน่งเซลฟี่สมาร์ทโฟนที่โดดเด่น ด้วยกล้อง 13 ล้านพิกเซลที่สามารถหมุนมาถ่ายเซลฟี่ได้ด้วยความละเอียดสูงแบบสุดๆ
แต่ก็ยังก็มีสมาร์ทโฟนจากค่ายอื่นที่ต้องการแย่งชิงตำแหน่งสมาร์ทโฟนสำหรับการเซลฟี่ โดยหนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นที่สุด และเราคัดเลือกมาเป็นคู่แข่งกันในครั้งนี้คือ Samsung Galaxy Grand Prime สมาร์ทโฟนที่ประกาศตัวชัดเจนว่าเกิดมาเพื่อการเซลฟี่ ด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูง 5 ล้านพิกเซล และเลนส์ที่เก็บภาพได้กว้าง 85 องศาสำหรับการถ่ายกรุ๊ฟฟี่? เราลองมาดูกันดีกว่าว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ใครจะเด่นในด้านไหน และรุ่นไหนจะเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายเซลฟี่มากกว่ากัน
ใครเซลฟี่เจ๋งกว่ากัน?
เมื่อเทียบกันระหว่าง 2 รุ่นนี้ ก็ยังคงต้องยกให้ OPPO N1 mini เด่นกว่า เพราะถึงแม้ว่า Grand Prime จะได้มีการอัพเกรดความละเอียดกล้องหน้าให้สูงถึง 5 ล้านพิกเซล แต่ความละเอียดก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของกล้อง OPPO N1 mini ที่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ทำให้ถ่ายเซลฟี่ได้คมชัดและให้รายละเอียดได้ดีกว่า บวกกับโหมดการถ่ายภาพแบบหน้าเนียนของ OPPO ที่ให้ภาพเซลฟี่ออกมาแบบหน้าเนียนสวยหล่อเป็นธรรมชาติกว่าซอฟต์แวร์กล้องของค่ายอื่น ส่วนทางฝั่งของ Grand Prime กับการถ่ายในโหมดหน้าเนียน ก็ให้ภาพเซลฟี่ออกมาสวยงามดี? และให้ภาพถ่ายที่มุมกว้างกว่ากล้องหน้าของสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปจริง (มุมเก็บภาพกว้าง 85 องศา) ทำให้รองกับการถ่ายกรุ๊ฟฟี่ได้ดี
คงจะมีน้อยคนที่ซื้อสมาร์ทโฟนมาเพื่อถ่ายเซลฟี่กันเพียงอย่างเดียว ไปเที่ยวที่ไหนแล้วเจอวิวสวยๆ ก็ต้องมีหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายภาพกันบ้าง ทางฝั่งของ Grand Prime ติดตั้งกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เป็นกล้องที่ให้คุณภาพภาพถ่ายอยู่ในระดับกลางๆ ในขณะที่กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลของ OPPO N1 mini จะให้ภาพถ่ายที่ดูดีและความละเอียดของภาพสูงกว่า บทสรุปในเรื่องของกล้องคือ Grand Prime ให้ภาพถ่ายเซลฟีที่สวยใช้ได้ และรองรับการถ่ายกรุ๊ฟฟี่ได้ดี แต่การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ให้ผลงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนทางฝั่งของ OPPO N1 mini ให้ภาพถ่ายที่สวยงามทั้งการเซลฟี่และการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์
ในเรื่องของดีไซน์
จริงอยู่ที่ว่าความงามนั้นขึ้นอยู่กับสายตาของคนมอง หลายๆ คนมองเห็นสิ่งเดียวกันบางคนอาจบอกว่าสวยดี บางคนอาจบอกว่าไม่สวยเลย ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน เรามาดูทางฝั่งของ OPPO N1 mini กันก่อน แน่นอนว่าโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ด้วยขอบข้างตัวเครื่องที่โค้งมน และมีเอกลักษณ์ในส่วนของชิ้นกล้องหมุนได้ที่ถือว่าออกแบบมาได้ลงตัว สามารถหมุนกล้องเพื่อปรับการถ่ายภาพในมุมต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว และมีตัวเครื่อง OPPO N1 mini ให้เลือกซื้อสองสี คือตัวเครื่องสีขาว และตัวเครื่องสีฟ้า Cool mint
ทางฝั่ง Samsung Galaxy Grand Prime มาในรูปโฉมที่คุ้นตาของสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy กับปุ่ม Home ที่เป็นปุ่มจริงๆ นูนออกมาจากตัวเครื่อง ไม่ได้เป็นปุ่มสัมผัสเหมือนอย่างสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป และดีไซน์ขอบข้างตัวเครื่องที่โค้งมน ตัวเครื่องมีให้เลือกซื้อ 2 สี คือเครื่องสีขาวคาดขอบข้างสีเงิน และตัวเครื่องสีดำคาดขอบข้างสีเงินเทา
ประสิทธิภาพใครแรงกว่ากัน
ในเรื่องของประสิทธิภาพดูเหมือนว่า Grand Prime จะได้เปรียบอยู่เล็กน้อยด้วยความที่สดใหม่กว่า เลือกใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 410 สี่แกนประมวลผล 64 บิต ความเร็ว 1.2GHz? ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นใหม่กว่าของ OPPO N1 mini ที่เลือกใช้ Snapdragon 400 สี่แกนประมวลผล ความเร็ว 1.6GHz แต่เมื่อเทียบกันในเรื่องของขนาดหน่วยความจำ RAM ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความลื่นไหลในการรันแอพพลิเคชั่น ทางฝั่ง Grand Prime ให้ RAM มาขนาด 1GB ในส่วนของ OPPO N1 miniใส่ RAM มาให้ 2GB ทำให้เมื่อมองในภาพรวมแล้ว OPPO N1 mini รองรับการรันแอพพลิเคชั่นได้ลื่นไหลกว่า ด้วยขนาดหน่วยความจำ RAM 2GB
ในส่วนของขนาดหน่วยความจำสำหรับการเก็บไฟล์และเก็บข้อมูลต่าง Grand Prime มาพร้อมหน่วยความจำภายในขนาด 8GB และสามารถขยายเพิ่มได้อีก 64GB ด้วยการ์ด microSD ทำให้รองรับการเก็บข้อมูล ไฟล์ภาพ ไฟล์เพลงได้มากกว่า OPPO N1 mini ที่มีหน่วยความจำภายในขนาด 16GB (ไม่สามารถขยายเพิ่มด้วยการ์ด microSD) แต่สำหรับใครที่ไม่ได้เก็บไฟล์ไว้ในเครื่องมากมาย ขนาดหน่วยความจำ 16GB ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน
ความสวยงามของหน้าจอก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน ด้วยความที่หน้าจอของทั้ง 2 รุ่นนี้มีขนาดเท่ากันที่ 5.0 นิ้ว แต่ความละเอียดหน้าจอของ Grand Prime อยู่ที่ระดับเพียง 960×540 จุด ค่าความละเอียดของเม็ดสีอยู่ที่ 220ppi (จุดต่อตารางนิ้ว) ส่วนทางฝั่งของ OPPO N1 mini จอมีความละเอียดระดับ HD 1280×720 จุด ค่าความละเอียดของเม็ดสี 293ppi ทำให้ภาพที่แสดงบนหน้าจอมีความละเอียดเนียนตา สวยงามกว่าของ Grand Prime
แต่ก็ยังมีจุดเด่นของ Grand Prime ที่ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ กับการรองรับระบบ 4G ในขณะที่ OPPO N1 mini รองรับเพียงระบบ 3G ทำให้คนที่ทำงานหรือพักอาศัยอยู่ในย่านที่สัญญาณ 4G ครอบคลุม ได้รับประโยชน์จากการเลือกใช้ Grand Prime (ปัจจุบันสัญญาณ 4G ยังครอบคลุมอยู่เพียงเฉพาะย่านธุรกิจสำคัญใน กทม. รวมถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบนดิน และใต้ดิน)
บทสรุปของสุดยอดเซลฟี่สมาร์ทโฟน
OPPO N1 mini ยังคงเป็นที่สุดแห่งสมาร์ทโฟนสำหรับการเซลฟี่ ด้วยเซ็นเซอร์ภาพขนาด 13 ล้านที่รองรับได้ดีทั้งการถ่ายภาพตัวเอง และภาพวิวทิวทัศน์ทั่วไป Grand Prime ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่กล้องหน้าใช้ถ่ายเซลฟี่ได้ดี แต่กล้องหลังคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อมองในแง่ของประสิทธิภาพ OPPO N1 mini ยังคงเด่นกว่าด้วย RAM ขนาด 2GB โดยจุดที่เด่นที่สุดของ Grand Prime คือความสามารถในการรองรับระบบ 4G
โดยราคาขายของ Samsung Galaxy Grand Prime ตอนนี้อยู่ที่ 8,900 บาท ในขณะที่ OPPO N1 mini ราคาขายอยู่ที่ 12,990 บาท แน่นอนว่าสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ถ่ายเซลฟี่ได้ยอดเยี่ยม OPPO N1 mini คือคำตอบสุดท้าย โดยที่ Samsung Galaxy Grand Prime ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับการถ่ายเซลฟี่ได้ดี ในระดับค่าตัวที่ย่อมเยาลงมา