
Galaxy Watch8 และ Galaxy Watch8 Classic ชูดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์
พร้อมข้อมูลสุขภาพเฉพาะบุคคล สู่เป้าหมายของการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
นิวยอร์ก – 9 กรกฎาคม 2025 – ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ประกาศเปิดตัว Galaxy Watch8 และ Galaxy Watch8 Classic อย่างเป็นทางการ มาพร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ต่อยอดจากรูปทรง Cushion ของ Galaxy Watch Ultra โดยในซีรีส์ใหม่นี้ ซัมซุงได้พัฒนาให้ตัวเรือนบาง เบา และสวมใส่สบายที่สุดเท่าที่เคยมีมา2 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามสุขภาพได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันจนถึงตอนนอน รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ยกระดับประสบการณ์ด้านสุขภาพเฉพาะบุคคลได้อย่างแท้จริง
ทีเอ็ม โรห์ ประธานองค์กร ธุรกิจโมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้คนหลายพันล้านคนมีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น ด้วยการออกแบบที่มีเป้าหมายชัดเจน ผสานกับเซนเซอร์อัจฉริยะ และประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ Galaxy Watch8 Series เป็นจุดเริ่มต้นของไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดีในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว พร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้ผู้ใช้ลงมือดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง”
พลิกโฉมทั้งดีไซน์และฟังก์ชัน เพื่อประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่เหนือกว่า
Galaxy Watch8 Series ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อการสวมใส่ที่สบายควบคู่กับประสิทธิภาพการใช้งานระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม โดยนำดีไซน์แบบ Cushion อันเป็นเอกลักษณ์ที่เปิดตัวครั้งแรกใน Galaxy Watch Ultra ปรับปรุงโครงสร้างภายในใหม่ทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพการจัดวางชิ้นส่วนที่ดีขึ้นถึง 30% ส่งผลให้ตัวเรือนบางลงถึง 11% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ขณะที่ระบบ Dynamic Lug ช่วยให้ตัวเรือนขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติไปตามข้อมือ เพิ่มความกระชับและสบายขณะสวมใส่ ช่วยให้การติดตามสุขภาพมีความแม่นยำยิ่งขึ้น2
ไม่เพียงแค่รูปลักษณ์ที่เพรียวบาง Galaxy Watch8 ยังมาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลัง รองรับการใช้งานในที่กลางแจ้ง ด้วยหน้าจอที่สว่างขึ้นถึง 50% พร้อมความสว่างสูงสุด 3,000 nits อ่านหน้าจอได้ชัดแม้ในที่แสงจ้า รวมทั้งยังมีการปรับปรุงแบตเตอรี่ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เคลื่อนไหวแอคทีฟตลอดวัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ GPS แบบ Dual-Frequency ที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำยิ่งขึ้น และโปรเซสเซอร์ขนาด 3nm ที่เร็วที่สุดและประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Galaxy Watch
นอกจากนี้ Galaxy Watch8 Series ยังมาพร้อม BioActive Sensor รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถวัดข้อมูลสุขภาพได้อย่างแม่นยำและเจาะลึกยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสุขภาพของตนเองได้ในมิติที่หลากหลายและรอบด้านยิ่งกว่าเดิม
อัปเดตฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ บอกสัญญาณก่อนร่างรวน
- ครั้งแรกของโลก! Galaxy Watch8 Series เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกที่มาพร้อม Antioxidant Index3 สามารถวัดระดับสารแคโรทีนอยด์ในร่างกายได้ภายใน 5 วินาที เพื่อประเมินความสามารถในการต้านทานสารอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจในการดูแลสุขภาพได้ในระยะยาว

- Bedtime Guidance4 ช่วยตรวจวัดนาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm) เพื่อแนะนำเวลานอนที่เหมาะสมที่สุด ให้ตื่นมารู้สึกสดชื่นในเช้าวันใหม่ เพราะการนอนหลับถือเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพโดยรวม เพราะการพักผ่อนอย่างเพียงพอในแต่ละคืนจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจฟื้นตัวได้ในวันถัดไป ซัมซุงจึงเดินหน้าพัฒนาประสบการณ์ด้านการนอนหลับอย่างต่อเนื่อง ทั้งการโค้ชการนอนเฉพาะบุคคล การช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการหลับ และแม้กระทั่งการตรวจจับสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับในระดับปานกลางถึงรุนแรง

- Vascular Load5 ช่วยวิเคราะห์ระดับความเครียดของระบบหลอดเลือดขณะหลับ เพื่อให้เข้าใจสภาพร่างกายได้ลึกยิ่งขึ้น โดยข้อมูลเหล่านี้ยังรวมกับพฤติกรรมอื่น ๆ เช่น การนอน ความเครียด และกิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

- Running Coach6 ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งมือใหม่หรือมือโปร ก็สามารถประเมินระดับความฟิตตั้งแต่ 1 ถึง 10 พร้อมจัดแผนฝึกซ้อมเฉพาะบุคคลแบบเรียลไทม์ เสริมแรงบันดาลใจให้วิ่งต่อเนื่อง นอกจากนี้ฟีเจอร์ Together เวอร์ชันใหม่ยังรองรับการวิ่งร่วมกัน ช่วยให้สามารถแข่งขันกับเพื่อนหรือครอบครัวได้อย่างสนุกสนาน
- High Stress Alert หากตรวจพบระดับความเครียดสูงจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ใช้หยุดพักทันที ขณะที่ Mindfulness Tracker จะช่วยบันทึกอารมณ์และแนะนำการฝึกลมหายใจ เพื่อคลายความเครียดได้จากบนข้อมือ
- นอกจากนี้ Galaxy Watch8 Series ยังมาพร้อมฟีเจอร์สุขภาพใหม่ในแอป Samsung Health7 ที่ช่วยให้ผู้คนสร้างนิสัยที่ดีขึ้น ผ่านข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งการนอน โภชนาการ และการออกกำลังกาย และด้วย AI-powered Energy Score8 ผู้ใช้จะได้รับภาพรวมของระดับพลังงานในแต่ละวัน ครอบคลุมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อวางแผนให้มีวันที่สุขภาพดีขึ้นในทุก ๆ วัน
ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ด้วย Wear OS 6 และ Gemini
Galaxy Watch8 Series เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Wear OS 6 และติดตั้ง Gemini9 ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google มาให้พร้อมใช้งานตั้งแต่แกะกล่อง โดยได้รับการพัฒนาร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างซัมซุงและ Google
ผู้ใช้สามารถสั่งการด้วยเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อใช้งานแอปต่าง ๆ บนข้อมือ ไม่ว่าจะเป็น Samsung Health, Calendar, Reminder หรือ Clock เช่น เพียงพูดว่า “หาร้านกาแฟใกล้ฉัน” แล้วส่งข้อความชวนเพื่อนไปเจอกัน ก็สามารถทำได้ภายในคำสั่งเดียว หรือพูดว่า “เริ่มวิ่ง 30 นาที” ตัวนาฬิกาจะเริ่มบันทึกการออกกำลังกายใน Samsung Health ให้อัตโนมัติ
ขณะเดียวกัน One UI 8 Watch ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับขนาดและรูปทรงของหน้าปัดนาฬิกาโดยเฉพาะ ฟีเจอร์ Multi-Info Tiles ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลสุขภาพ สภาพอากาศ และกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในมุมมองเดียว ขณะที่ Now Bar และระบบการแจ้งเตือนรูปแบบใหม่ จะช่วยให้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญ

ดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และการวางจำหน่าย
Galaxy Watch8, Galaxy Watch8 Classic และ Galaxy Watch Ultra รุ่นใหม่ พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้10
- Galaxy Watch8 มาพร้อมดีไซน์ที่มินิมอล เหมาะกับการสวมใส่ในทุกวัน ในสี มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่
- Galaxy Watch8 (Bluetooth, 44mm) สี Graphite ราคา 13,900 บาท
- Galaxy Watch8 (Bluetooth, 40mm) สี Graphite และ สี Silver ราคา 11,900 บาท
- Galaxy Watch8 Classic มอบความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ผสานฟีเจอร์สมัยใหม่ ด้วยขอบหน้าปัดหมุนได้และปุ่มลัดเพื่อการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น สามารถจับคู่กับสายรัดหลากหลายสไตล์11 มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่
- Galaxy Watch8 Classic (LTE) สี Black ราคา 19,900 บาท
- Galaxy Watch8 Classic (Bluetooth) สี Black และ สี White ราคา 17,900 บาท
- Galaxy Watch Ultra 2025 ดีไซน์สุดล้ำ มาพร้อมประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานที่สุดในซีรีส์ มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่
- Galaxy Watch Ultra 2025 (LTE) สี Titanium Blue, สี Titanium Gray และ สี Titanium Silver ราคา 24,900 บาท
นอกจากนี้ยังมี Galaxy Ring คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ ดีไซน์เรียบหรู สามารถติดตามสุขภาพได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง สวมใส่สบาย และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 7 วัน มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สี Titanium Black, สี Titanium Silver และ สี Titanium Gold พร้อมขนาดตั้งแต่ไซซ์ 6 ถึง 1310
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Galaxy Watch8 และ Galaxy Ring ได้ที่:
www.samsungmobilepress.com
news.samsung.com/global
www.samsung.com/galaxy-watch
www.samsung.com/galaxy-ring
ข้อมูลจำเพาะ Galaxy Watch8 Series
Galaxy Watch8 | Galaxy Watch8 Classic | ||
สี | – 44มม.: Graphite– 40มม.: Graphite, Silver | 46 มม.: Black, White | |
ขนาด[12] & น้ำหนัก[13] | – 44 มม.: 43.7มม. x 46มม. x 8.6t (34 กรัม)– 40มม.: 40.4มม. x 42.7มม. x 8.6t (34 กรัม) | 46มม.: 46.4มม. x 46มม.10.6t (63.5 กรัม) | |
หน้าจอ | Sapphire Crystal– 44มม.: 1.47 นิ้ว (480×480)Super AMOLED, Full Color Always On Display– 40มม.: 1.34 นิ้ว (438×438)Super AMOLED, Full Color Always On Display | Sapphire Crystal– 46มม.: 1.34 นิ้ว (438×438)Super AMOLED, Full Color Always On Display | |
ชิปประมวลผล | Exynos W1000 (5 Core, 3nm) | ||
ความจำ & หน่วยความจำ | 2GB + 32GB | 2GB + 64GB | |
แบตเตอรี่[14] (typical) | – 44มม.: 435mAh– 40มม.: 325mAh | 445mAh | |
การชาร์จ15] | Fast Charging (WPC-based wireless charging) | ||
ระบบปฏิบัติการ[16] | Wear OS Powered by Samsung (Wear OS 6) | ||
UI | One UI 8 WatchOne UI 8 Watch | ||
เซ็นเซอร์ | Samsung BioActive Sensor (Optical Bio-signal Sensor + Electrical Heart Signal + Bioelectrical Impedance Analysis), Temperature Sensor, Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Light Sensor | Samsung BioActive Sensor (Optical Bio-signal Sensor + Electrical Heart Signal + Bioelectrical Impedance Analysis), Temperature Sensor, Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Light Sensor, 3D Hall sensor | |
การเชื่อมต่อ | LTE[17], Bluetooth 5.3, Wi-Fi 2.4+5GHz, NFC, L1+L5 Dual-Frequency GPS (GPS, Glonass, Beidou, Galileo) | ||
ความทนทาน[18] | 5ATM + IP68 / MIL-STD-810H | ||
ความสามารถในการใช้งานร่วมกัน | Android 12.0 or higher and with more than 1.5GB of memory[19] | ||
[1] การวางจำหน่ายและฟีเจอร์อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ รุ่นของผลิตภัณฑ์ และสมาร์ทโฟนที่ใช้งานร่วมกัน คุณสมบัติ ฟังก์ชัน สเปก และข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ระบุในเอกสารนี้ รวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) ประโยชน์การใช้งาน การออกแบบ ราคา ส่วนประกอบ ประสิทธิภาพ การวางจำหน่าย และความสามารถของผลิตภัณฑ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
[2] เมื่อเทียบกับ Galaxy Watch รุ่นก่อนหน้า
[3] ในการวัดค่าดัชนีสารต้านอนุมูลอิสระ ผู้ใช้ควรวางปลายนิ้วให้อยู่กึ่งกลางบนเซ็นเซอร์ด้านหลังของนาฬิกา และกดค้างไว้เป็นเวลา 5 วินาที แม้ว่าจะสามารถใช้ได้กับนิ้วทุกนิ้ว แต่แนะนำให้ใช้นิ้วหัวแม่มือเพื่อความแม่นยำสูงสุด หากต้องทำการวัดซ้ำ เนื่องจากลักษณะพื้นผิวผิวหนังที่ไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ผลลัพธ์แตกต่างกันได้
[4] อ้างอิงจากการวิเคราะห์พฤติกรรมการนอนและจังหวะนาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm) ของผู้ใช้ตลอดระยะเวลา 3 วัน
[5] ผู้ใช้จำเป็นต้องสวม Galaxy Watch ที่รองรับในขณะนอนหลับอย่างน้อย 3 ครั้ง ภายในช่วง 14 วันที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้
[6] ก่อนเริ่มโปรแกรม Running Coach ผู้ใช้จำเป็นต้องทำแบบทดสอบระดับการวิ่งและได้รับการประเมินระดับก่อน
[7] อุปกรณ์นี้ออกแบบมาเพื่อการดูแลสุขภาพทั่วไปและการออกกำลังกายเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจหา วินิจฉัย รักษา เฝ้าติดตาม หรือจัดการภาวะหรือโรคทางการแพทย์ใดๆ ข้อมูลด้านสุขภาพใดๆ ที่เข้าถึงได้ผ่านอุปกรณ์และ/หรือแอปพลิเคชัน ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ ผู้ใช้งานควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำทางการแพทย์ที่เหมาะสม ฟีเจอร์บางอย่างอาจแตกต่างกันไปตามประเทศ ผู้ให้บริการเครือข่าย หรืออุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกัน
[8] ฟีเจอร์นี้จะสามารถใช้งานได้ต่อเมื่อผู้ใช้เคยลงทะเบียน Galaxy Watch หรือ Galaxy Ring ที่รองรับอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
[9] แอป Gemini บนมือถือรองรับเฉพาะบางอุปกรณ์ ภาษา และบางประเทศเท่านั้น ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทวอทช์ Wear OS ที่รองรับและอุปกรณ์ที่รองรับเช่นกัน โปรดตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณสมบัติอาจแตกต่างกันไปตามประเภทการสมัครใช้งานและบัญชี ผลลัพธ์ใช้เพื่อประกอบภาพรวมเท่านั้น และอาจแตกต่างกันไป โดย Google และ Gemini เป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC.
[10] สีและขนาดของผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันไปตามประเทศ
[11] สายนาฬิกาจำหน่ายแยกต่างหาก และอาจมีความหลากหลายในการวางจำหน่ายตามประเทศหรือผู้ให้บริการเครือข่าย
[12] ขนาดที่ระบุไม่รวมเซ็นเซอร์สุขภาพ
[13] น้ำหนักที่ระบุไม่รวมน้ำหนักของสายนาฬิกา
[14] อายุการใช้งานแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับผลการทดสอบภายในห้องปฏิบัติการของซัมซุง จากรูปแบบการใช้งานทั่วไป ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันตามพฤติกรรมการใช้งาน รุ่นอุปกรณ์ สภาพแวดล้อมของเครือข่าย และปัจจัยอื่นๆ ค่าทั่วไปได้มาจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการของบุคคลที่สาม โดยเป็นค่าประมาณเฉลี่ยที่พิจารณาความคลาดเคลื่อนของความจุแบตเตอรี่จากตัวอย่างที่ทดสอบตามมาตรฐาน IEC 61960
[15] การทดสอบโดยซัมซุงทำกับอุปกรณ์เวอร์ชันก่อนวางจำหน่ายของ Galaxy Watch8 และ Galaxy Watch8 Classic (BT และ LTE) ที่จับคู่กับสมาร์ทโฟนซัมซุง โดยใช้งานร่วมกับสายชาร์จ Galaxy Watch Magnetic Fast Charging USB C Cable (EP-OL300) และอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว Samsung 25W USB C Power Adapter (EP-TA800) ซึ่งจำหน่ายแยกต่างหาก ระยะเวลาการชาร์จอาจแตกต่างกันตามภูมิภาค การตั้งค่า พฤติกรรมการใช้งาน และสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างจากที่แสดง
[16] Wear OS Powered by Samsung รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน Android 12 ขึ้นไป ที่มี RAM มากกว่า 1.5GB โดยอุปกรณ์ที่รองรับอาจแตกต่างกันตามประเทศ ผู้ให้บริการเครือข่าย หรือแบรนด์ของอุปกรณ์
[17] การเชื่อมต่อ LTE รองรับเฉพาะรุ่นที่รองรับ LTE เท่านั้น
[18] Galaxy Watch8 Series ผ่านการรับรองมาตรฐานความทนทาน MIL-STD 810H โดยผ่านการทดสอบภายใต้สภาวะอุณหภูมิ –20°C (1 ชั่วโมง) และ 50°C (1 ชั่วโมง) สลับกัน รวมทั้งหมด 6 ชั่วโมง
[19] การเปิดใช้งานอุปกรณ์สามารถทำได้หลังจากเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่รองรับบริการ Google Mobile Services อุปกรณ์ที่รองรับอาจแตกต่างกันไปตามประเทศ ผู้ให้บริการเครือข่าย หรือแบรนด์ของอุปกรณ์