หลังจากที่เปิดตัวกันไปสดๆร้อนๆกับ LG G4 สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่จากทาง LG ที่จะมาต่อยอดความสำเร็จจาก LG G3 ที่เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง วันนี้เรามีรายละเอียดในส่วนต่างๆมาให้ชมกัน จะเปรียบเทียบให้เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนไปแค่ไหน เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง LG G3 แล้วถ้าเทียบกับตัวแรงอย่าง Galaxy S6 และ S6 Edge จะสู้ได้ไหม ลองมาชมกันเลยครับ
ดีไซน์
ว่าด้วยเรื่องดีไซน์ คงต้องบอกว่า โดยรวมก็ยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนอย่าง LG G3 จะต่างกันก็ในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น รายละเอียด กล้องและปุ่มด้านหลังเครื่องที่ ย้อนไปใกล้เคียงกับตัว LG G2 แต่รูปทรงตัวเครื่องยังถอดแบบมาจาก LG G3 ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย คาดว่าเพื่อทำให้สามารถที่จะจับได้ถนัดมือยิ่งขึ้น โดยมีขนาดอยู่ที่ 148.9 x 76.1 x 6.3-9.8 มม. น้ำหนัก 155 กรัม
ส่วนจุดที่เป็นโฮไลต์และพูดถึงมากที่สุดก็คือฝาหลังที่ทำมาจากหนังนั่นเอง ซึ่งทำออกมาในแนว Retro ให้ความรู้สึกหรูหรา แต่ไม่ได้โฉบเฉี่ยวมากนัก ออกแนวขรึมๆซะจะมากกว่า ถือเป็นอะไรที่ดูดีทีเดีย และน่าจะให้สัมผัสในการจับถือที่ดีมากเลยทีเดียว
แต่แน่นอนถ้าใครไม่ชอบ ก็ยังมีฝาหลังแบบเดิมๆที่เป็นพลาสติคให้เลือกได้เช่นกัน โดยน่าจะใช้วัสดุเดียวกับที่ใช้ใน LG G3 แต่จะมีลวดลายเป็นรูปทรงเพชร อยู่ แทนที่จะเป็นเส้นแนวนอนแบบใน LG G3
โดย LG ยังคงยึดมั่นอยู่กับดีไซน์ของตัวเอง ไม่ได้เปลี่ยนไปใช้ กระจก และโลหะในการทำตัวบอดี้อย่างที่หลายๆค่ายเริ่มทำกัน ซึ่งการที่ยังคงใช้พลาสติคอยู่นั้นก็ยังคงมีข้อดีอยู่ เช่น สามารถถอดฝาหลังมาเปลี่ยนแบต ใส่เมม ใส่ซิมได้ ราคาเครื่องก็ถูกลงมาอีกด้วย แต่แน่นอนว่าความหรูหราของวัสดุก็น่าจะลดลง ส่วนเรื่องความคงทน อาจจะต่างกันไม่มากนัก เพราะยังไง มันก็แตกง่ายทุกตัวอยู่แล้ว 555
หน้าจอ
ยังคงเป็นหน้าจอขนา 5.5 นิ้ว ความละเอียด Quad HD 2560×1440 พิกเซล เช่นเดิมแต่มีการปรับปรุงในเรื่องของสีสันให้ครอบคลุมความสมจริงยิ่งขึ้น เพิ่มอัตราความแตกต่างของสี ความบาง และลดการใช้พลังงาน ซึ่งถ้าเทียบกับ LG G3 จะเพิ่มในด้านความสว่างขึ้นมา 50% และเพิ่ม Contrast ได้ดีขึ้น 50% ใครที่ว่าจอ LG G3 สีจืด งานนี้น่าจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องของการกินไฟของจอ ที่เป็นที่รู้ๆกันว่ากินไฟอย่างมาก ก็ต้องมาลุ้นกันว่า ใน LG G4 จะสามารถใช้งานได้ยาวนานมากกว่ารุ่นก่อนมากน้อยแค่ไหน
อินเตอร์เฟส
LG G4 จะมาพร้อมกับหน้าอินเตอร์เฟสแบบใหม่กับ LG UX 4.0 ที่จะเน้นให้มีสีสันที่ฉูดฉาดมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นใน LG G3 (ใครที่เคยใช้ G3 จะรู้ว่า เมนูมันสีออกแนว Flat Style มากๆ เรียบสุดๆ) และแน่นอนฟีเจอร์ ต่างๆจัดเต็มมากกว่าเดิมแน่นอน
และที่ใครหลายๆคนรอคอย และน่าจะเห็นกันมาบ้างแล้ว กับเมนูกล้องที่สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ จัดเต็ม เหมือนกล้องระดับโปร พร้อมรองรับการถ่าย RAW file แล้วด้วย
ประสิทธิภาพ
อันนี้ต้องยอมรับว่ามาแปลก เพราะตอนนี้ เรือธงส่วนใหญ่จะใช้ Snapdragon 810 กันเสียหมด แต่ LG G4 กลับเลือกใช้ Snapdragon 808 ที่เป็น Hexa-Core (4+2) แทน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจากการที่หลีกเลี่ยงปัญหาความร้อนที่เป็นประเด็นของ Snapdragon 810
แต่ถ้ามารวมกับแรม 3 GB ที่มีมาให้กับชิปกราฟฟิค Adreno 418 ก็คาดว่าประสิทธิภาพที่ออกมาก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก
ส่วนในด้านของแบตเตอรี่ ให้มาที่ความจุ 3,000 mAh เท่าเดิม ซึ่งก็พอสำหรับการใช้งาน 1 วันพอดี
กล้อง
LG G4 มาพร้อมกับกล้องหลังเซนเซอร์ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.8 ซึ่งให้ความสามารถในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมากขึ้น ว่ากันว่ารับแสงได้ดีกว่าใน LG G3 ถึง 80% ซึ่งทาง LG เองก็ออกมายืนยันว่าในที่แสงน้อยจะสามารถถ่ายภาพได้ดีที่สุดแน่นอน ซึ่งงานนี้ก็ต้องรอดูตัวจริงกันแล้วหล่ะครับว่ามันจะเจ๋งจริงหรือเปล่า
ส่วนทางด้านกล้องหน้าก็มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งให้ความคมชัดสวยงามแน่นอน
ส่วนทางด้านระบบ O.I.S ก็ยังคงมีมาให้เช่นเดิม แถมเพิ่มประสิทธิภาพด้วย ซึ่งก็ต้องมาทดสอบกันอีกทีว่ามันจะต่างกันแค่ไหน
ราคา และวันวางจำหน่าย
หัวข้อนี้น่าจะเป็นที่สนใจที่สุดแล้ว โดยคาดว่าน่าจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นมิถุนายนที่เกาหลีใต้ แล้วจึงจะทยอย เปิดตัว และวางจำหน่ายใน 170 ประเทศ ทั่วโลกต่อไป โดยราคาที่ออกมานั้น สำหรับเครือข่าย Verizon, AT&T, T-Mobile & Sprint ในสหรัฐฯจะอยู่ที่ “200 ดอลลาร์ ติดสัญญา 2 ปี” สำหรับเวอร์ชั่นพิเศษที่ใช้ฝาหลังหนังให้บวกเพิ่มไปอีก 100 ดอลลาร์ คาดว่าถ้าเป็นเครื่องไม่ติดสัญญา น่าจะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 600-700ดอลลาร์ หรือประมาณ 19,500-22,800 บาท
ที่มา : PhoneArena