Kirin 9000 ชิปเซ็ทระดับเรือธงของทาง Huawei ที่คาดว่าจะถูกใช้งานกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่างซีรีส์ Mate 40 นั้นน่าจะมีปัญหาในการผลิตจริงๆ แล้ว โดยจากรายงานล่าสุดนั้นพบว่าทาง Huawei อาจจะสามารถผลิตชิปเซ็ท Kirin 9000 ได้แค่ 8.8 ล้านชิปเท่านั้นซึ่งทำให้สมาร์ทโฟนซีรีส์ Mate 40 อาจจะวางจำหน่ายน้อยกว่าที่คิดหรือไม่ก็อาจจะทำให้ในบางรุ่นใช้ชิปเซ็ทรุ่นอื่นแทนด้วย
Kirin 9000
ด้วยความที่ทาง Huawei นั้นถูกแบนจากทางสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการโดยทำให้นอกเหนือไปจากที่ทาง Huawei จะไม่สามารถวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตัวเองในสหรัฐอเมริกาแล้วนั้น ทาง Huawei เองก็ไม่สามารถที่จะใช้ซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่มีฐานการพัฒนาอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ด้วย ที่หนักไปกว่านั้นก็คือทาง Huawei นั้นยังถูกปฎิเสธจากบริษัทผู้ผลิตชิปเซ็ทอย่าง TSMC และ Samsung ทำให้ไม่สามารถผลิตชิปเซ็ทเองได้อีก ดังนั้นแล้วผลกระทบดังกล่าวจึงทำให้ชิปเซ็ทเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง Kirin 9000 นั้นถูกระงับการผลิตโดยที่ทาง Huawei ได้ออกมาประกาศเองว่ามีชิปเซ็ท Kirin 9000 เพียงแค่ราวๆ 8.8 ล้านชิปเท่านั้น
สำหรับชิปเซ็ท Kirin 9000 นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาโดยใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 5 nm เท่ากันกับชิปเซ็ทรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Apple อย่าง A14 Bionic โดยตัวชิปเซ็ท Kirin 9000 นั้นจะมาพร้อมกับแกนการประมวลผลสถาปัตยกรรม ARM Cortex-A77 แบบเดียวกับที่ใช้งานบน Qualcomm Snapdragon 865 แน่นอนว่าในอดีตที่ผ่านมานั้นชิปเซ็ทซีรีส์ Kirin ของทาง Huawei ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งหนึ่งในชิปเซ็ทที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ทว่าปัญหาของ Huawei นั้นก็คือในประเทศจีนไม่มีเทคโนโลยีที่ดีมากพอที่จะผลิตชิปเซ็ทได้เองจึงต้องพึ่งทาง TSMC และ Samsung เป็นผู้ผลิตแทน
แน่นอนว่าผลกระทบดังกล่าวนี้นั้นย่อมส่งผลกับสมาร์ทโฟนซีรีส์ Mate 40 ที่คาดว่าจะมีการวางจำหน่ายน้อยลงจากที่ทาง Huawei เคยคาดการไว้ งานนี้นั้นก็คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าทาง Huawei จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวเช่นใด แต่ที่แน่ๆ สำหรับแฟนๆ ของ Huawei นั้นในปีนี้น่าจะหาซื้อสมาร์ทโฟนซีรีส์ Mate 40 ได้น้อยลงกว่าเดิมอย่างแน่นอน(ที่สำคัญที่สุดก็คือมีข่าวว่าสมาร์ทโฟนซีรีส์ Mate 40 ของทาง Huawei อาจจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นสุดท้ายที่มีการวางจำหน่ายนอกประเทศจีนอีกด้วย)
ที่มา : notebookcheck