[บทความ Advertorial]
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา HUAWEI ได้ประกาศเปิดจองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด HUAWEI P20 Series ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าชาวไทยอย่างล้นหลาม เห็นได้จากข่าวยอดจองที่ถล่มทลาย นอกจากนั้นทางหัวเว่ยได้จัดงาน HUAWEI P20 Series Blogger Day ซึ่งในงานมี Experience Zone ที่แบ่งออกเป็น 2 ห้องให้สื่อมวลชน กับบล็อกเกอร์ได้ทดสอบประสิทธิภาพของกล้อง HUAWEI P20 Pro ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างจุใจ ที่สำคัญคือพริตตี้แต่ละโซนนี่อย่างแจ่มเลยครับ 🙂
มาดูกันว่าประสิทธิภาพกล้องของ HUAWEI P20 Pro จะดีสมคำล่ำลืออย่างไรบ้าง
Master photography Powered by AI
โซนแรกจะเป็นโซนสำหรับโชว์ประสิทธิภาพของ AI ในกล้อง HUAWEI P20 Pro ที่สามารถแยกแยะวัตถุกับฉากได้ถึง 19 รูปแบบ โดยในแต่ละรูปแบบ AI จะเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ ทำให้ใครก็ถ่ายรูปออกมาสวยได้ แม้จะไม่มีความรู้เรื่องกล้องก็ตาม แค่หยิบ HUAWEI P20 Pro แล้วก็กดชัตเตอร์เท่านั้น
ในโซนดังกล่าวจะประกอบไปด้วยวัตถุหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนางแบบคนสวย (Portrait Mode), ขนมมาการอง (Food), ดอกไม้ (Flower) และอื่น ๆ ให้ลองทดสอบถ่ายภาพด้วย HUAWEI P20 Pro ส่วนเรื่องความเร็วในการเปลี่ยนโหมดก็ถือว่าทำได้รวดเร็วทันใจ พร้อมทั้งมีความแม่นยำมากทีเดียว ถ่ายคนก็เปลี่ยน Portrait พอขยับมาจะถ่ายขนมก็เปลี่ยนเป็น Food Mode
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก HUAWEI P20 Pro
Portrait Lighting
โซนที่ 2 มีชื่อว่า Portrait Lighting ที่เป็นโหมดใหม่ของ HUAWEI P20 Pro สามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง การถ่ายภาพบุคคลด้วย Portrait Lighting เป็นการใช้เทคโนโลยีจำลองใบหน้า 3D ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อตรวจจับลักษณะใบหน้า พร้อมปรับเอฟเฟ็กต์แสงคุณภาพระดับสตูดิโอ เหมือนกับว่าไปถ่ายรูปในสตูดิโอที่มีการจัดไฟสวย ๆ และยังสามารถปรับโหมดไฟ รวมถึงตำแหน่งของแสงไฟหลังจากถ่ายภาพไปแล้วได้อีกด้วย
โดย 3D Portrait Mode จะอยู่บริเวณตรงกลางที่เป็นรูป 3D สามารถเลือกรูปแบบของเอฟเฟ็กต์แสงได้ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่
- Soft lighting
- Butterfly lighting
- Split lighting
- Stage lighting
- Classic lighting
ตอนถ่ายด้วย 3D Portrait Mode ก็ให้สังเกตตรงสัญลักษณ์ 3D ว่าเปลี่ยนเป็นสีส้มหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มก็แสดงว่าตอนนั้นกำลังถ่ายด้วย 3D Portrait Mode อยู่
หลังจากถ่ายภาพเสร็จแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบของเอฟเฟ็กต์แสง รวมถึงตำแหน่งของแสงไฟหลังถ่ายภาพไปแล้ว โดยเข้าไปที่ Gallery สังเกตภาพที่มีสัญลักษณ์ 3D แล้วเลือกปรับแต่งได้ตามชอบใจครับ
Night Club Light and Shadow
โซนถัดมาถูกจำลองสถานการณ์เป็นไนท์คลับ ความยากของแสงในโซนนี้คือมีความสว่างน้อย แต่ดันมีแสงไฟนีออนด้านหลัง แถมมีนางแบบยืนรออยู่ที่บาร์อีก ถ้ากล้องของสมาร์ทโฟนที่ไม่เจ๋งจริง ถ่ายภาพออกมาตัวแบบจะมืด เนื่องจากต้องการเก็บแสงด้านหลัง และในทางกลับกัน หากโฟกัสที่ตัวนางแบบ ด้านหลังก็จะสว่างจนเก็บรายละเอียดอะไรไม่ได้เลย
เริ่มแรกผมทดสอบ HUAWEI P20 Pro ด้วยโหมด Auto แน่นอนว่าพอ AI ตรวจพบนางแบบก็เปลี่ยนโหมดเป็น Portrait ให้ทันที ได้ภาพที่ออกมาสวยทีเดียวครับ คือเก็บรายละเอียดได้ดี แล้วก็ได้ภาพใกล้เคียงกับที่ตาเห็นในแง่ของความสว่าง
ทีนี้ Trainer ของ HUAWEI ก็บอกว่าให้ลองโหมด Night หรือ Night Shot ที่ HUAWEI เคลมว่า “สามารถถ่ายด้วยมือเปล่าได้นานถึง 6 วินาที” ตรงนี้ต้องอธิบายก่อนว่า โหมด Night ของสมาร์ทโฟนปกติทั่วไปจะเป็นการเปิดม่านชัตเตอร์ค้างไว้ (Long Exposure) เพื่อให้เซ็นเซอร์เก็บแสงได้มากที่สุด แต่ก็ต้องแลกมากับภาพที่สั่นไหว ทำให้การถ่ายภาพลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง ซึ่งมันเป็นปัญหาของช่างภาพที่ไม่เคยถูกแก้ไขได้มากว่า 179 ปี
โหมด Night บน HUAWEI P20 Pro (รวมถึง HUAWEI P20) ออกแบบมาให้ถ่ายด้วยมือเปล่าได้สบาย ๆ ด้วยกระบวนการบางอย่างที่ใช้ AI เข้ามาช่วยจัดการภาพถ่ายในที่แสงน้อย โดยในโหมด Night จะใช้เวลาในการถ่ายประมาณ 3 – 4 วินาที ผลที่ได้ก็คือภาพที่สว่าง และยังสามารถเก็บรายละเอียดได้คมชัดทั้งภาพ แบบนี้ครับ
AI Stabilization and Hybrid Zoom
อีกหนึ่งโซนที่น่าสนใจและเป็นอีกจุดเด่นของ HUAWEI P20 Pro ก็คือความสามารถในการซูมได้สูงสุด 5 เท่า แบบไม่เสียรายละเอียด (5X Hybrid Zoom) เทียบเท่าระยะ 135 มิลลิเมตรบนกล้องฟลูเฟรม และซูมแบบ Optical ได้ถึง 3 เท่า (เทียบเท่าระยะ 80 มิลลิเมตร) ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับการซูมได้มากกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
โซนดังกล่าวจะแบ่งเป็นส่วนโมเดล อารมณ์แบบโลกขนาดจิ๋วให้ได้ทดสอบความเทพของ 5X Hybrid Zoom ที่เมื่อซูมแล้วสามารถเก็บรายละเอียดของภาพถ่ายได้เป็นอย่างดี
ระยะปกติ
ซูม 3 เท่า
ซูม 5 เท่า
ข้อจำกัดอีกอย่างของการซูมภาพ ก็คือความสั่นไหวอันเกิดจากการที่ระยะของภาพ กับความเร็วชัตเตอร์ไม่สัมพันธ์กัน แต่ปัญหาดังกล่าวได้ถูกแก้ไขใน HUAWEI P20 Pro ด้วยการใช้ AI เข้ามาช่วยป้องกันภาพสั่นไหว HUAWEI A.I.S (AI Image Stabilization) เมื่อทำการซูม 3 เท่า หรือ 5 เท่า
Super Slo-mo 960 fps
โซนสุดท้ายในห้องแรกจบลงด้วยการทดสอบถ่ายวีดีโอ Super Slo-mo โดย HUAWEI P20 Pro สามารถถ่ายวีดีโอ Slo-mo ได้ 960 fps ที่ความละเอียด HD ถามว่า 960 fps ช้าขนาดไหน ลองรับชมได้จากวีดีโอด้านล่างเลยครับ
Super Low Light Zone
ห้องที่สองในงานเรียกว่าเป็นการทำร้ายสมาร์ทโฟนอย่างแท้จริง เป็นโซน Super low light ที่เป็นห้องมืดสนิท ในห้องนั้นจะมีวัตถุอยู่ 5 อย่าง ให้ทดสอบถ่ายภาพด้วย HUAWEI P20 Pro เพื่อแสดงให้เห็นเลยว่า รูปในตำนานตอนงานเปิดตัว ISO 102400 ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะมันทำได้จริง
ด้านล่างเป็นภาพที่ถ่ายด้วย HUAWEI P20 Pro ในโหมด Auto เพื่อให้ตัวกล้องทำการเร่ง ISO สูงที่สุด น่าเสียดายที่เฟิร์มแวร์ของเครื่องที่ผมได้ทดสอบยังไม่สามารถดัน ISO ได้ในหลักแสน (เฟิร์มแวร์แรกดันได้แค่ 51200) อย่างไรก็ตาม ตอนที่ HUAWEI P20 Pro วางจำหน่าย ก็จะเป็นเฟิร์มแวร์ตัวใหม่หมดแล้วครับ
จะเห็นว่าภาพที่ถ่ายในห้องดังกล่าวด้วย HUAWEI P20 Pro สามารถเก็บรายละเอียดของภาพออกมาได้มากกว่าคู่แข่ง เพราะผมลองเทียบกับเรือธงปี 2018 อีกยี่ห้อ แม้จะถ่ายภาพออกมาได้เหมือนกัน แต่ด้วยความที่ห้องมันมืดมาก ๆ ทำให้มือถืออีกรุ่นต้องพยายามทั้งดัน ISO ให้สูง และปรับความเร็วชัตเตอร์ให้ต่ำ ผลก็คือภาพเบลอ และเก็บรายละเอียดไม่ได้เท่ากับ HUAWEI P20 Pro
ถามว่าห้องมืดสนิทนั้นมืดขนาดไหน เอาเป็นว่าตากล้องที่ถ่ายรูปให้ผม ใช้กล้องฟลูเฟรม Canon 6D เลนส์ 35 f/1.4 ยังต้องดัน ISO สูงสุดเท่าที่กล้องทำได้ (25600) เพื่อที่จะให้ได้ภาพประกอบบทความครับ
สำหรับ HUAWEI P20 และ HUAWEI P20 Pro เปิดราคามาที่ 19,990 บาท (HUAWEI P20) และราคา 27,990 บาท (HUAWEI P20 Pro) สามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 16 เมษายน 2561 โดยคนที่พรีออเดอร์ HUAWEI P20 จะได้รับของสมนาคุณเป็นหูฟัง HUAWEI Sport Bluetooth Headphones มูลค่า 1,990 บาท ส่วนการพรีออเดอร์ HUAWEI P20 Pro จะได้รองของแถมเป็นกล้อง HUAWEI EnVizion 360 มูลค่า 4,490 บาทฟรีไปเลย