Huawei Mate 50 และ Mate 50 Pro เปิดตัวอย่างเป็นการ พร้อมกับสเปคที่สมกับการเป็นเรือธงอย่างที่รอคอยแต่ยังครึ่งๆ กลางๆ ด้วย Snapdragon 8+ Gen 1 กับแหล่งเก็บข้อมูลขนาด 512 GB
หลังจากในปี 2021 ที่ Huawei มีปัญหาอย่างหนักกับการโดนแบนจากทางสหรัฐอเมริกาทำให้สมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง Huawei Mate 40 Series นั้นออกมาแล้วดูจะไม่สมกับเป็นเรือธงสักเท่าไรไม่ว่าจะเป็นทั้งในส่วนของระบบปฏิบัติการณ์ที่ยังครึ่งๆ กลางๆ อย่าง Harmony OS หรือจะเป็นฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้ชิปเซ็ทรุ่นเก่าของทาง Huawei เอง พอมาปี 2022 นี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของทาง Huawei จะดีขึ้นมาค่อนข้างมากเลยทีเดียวกับการเปิดตัว Huawei Mate 50 Series ทั้ง 2 โมเดลอย่าง Huawei Mate 50 และ Huawei Mate 50 Pro
เริ่มกันที่จุดเด่นที่น่าสนใจของ Huawei Mate 50 Series กันก่อนอย่างหน้าจอที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนเรือธงยี่ห้ออื่นๆ โดยจะแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
- Huawei Mate 50 Pro มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.74 นิ้ว พาเนลเป็o OLED มีความละเอียดอยู่ที่ 2616×1212 pixels พร้อมด้วย refresh rate 120 Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสอยู่ที่ 300 Hz ตัวหน้าจอยังคงออกแบบโดยใช้กล้องด้านบนเป็นแบบติ่งรอยบาก(คล้ายกับ iPhone แต่มีขนาดเล็กกว่า) หน้าจอรองรับการแสดงผลสีแบบ 10 bit หรือ 1 พันล้านสีแถมด้วยเทคโนโลยี HDR Vivid
- Huawei Mate 50 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว พาเนลเป็o OLED มีความละเอียดอยู่ที่ 2700×1224 pixels พร้อมด้วย refresh rate 90 Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสอยู่ที่ 300 Hz ตัวหน้าจอออกแบบโดยใช้กล้องด้านบนเป็นแบบรูกลางหน้าจอ หน้าจอรองรับการแสดงผลสีแบบ 10 bit หรือ 1 พันล้านสีแถมด้วยเทคโนโลยี HDR Vivid
- กล้องหน้าของทั้ง 2 โมเดลนั้นจะใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกันโดยจะมีความละเอียดอยู่ที่ 13 MP และเป็นเซนเซอร์แบบ ultra-wild ที่สามารถเก็บภาพได้กว้างมากสุดถึง 100 องศา
สำหรับกล้องหลังของ Huawei Mate 50 Pro และ Huawei Mate 50 นั้นจะใช้เะป็นระบบกล้องแบบ 3 เซนเซอร์ซึ่งเป็นเซนเซอร์ที่ทาง Huawei เองมีส่วนร่วมในการออกแบบด้วยเหมือนกันเรียกว่า XMAGE ซึ่งสามารถที่จะปรับขนาดของรูรับแสดงได้ตามต้องการ(ตามที่เซนเซอร์สามารถรองรับได้) แยกเป็นดังต่อไปนี้
- Huawei Mate 50 Pro ใช้เซนเซอร์หลักความละเอียด 50 MP เป็นเซนเซอร์แบบ RYYB ที่รูรับแสงสามารถปรับค่อได้ระหว่าง f/1.4 – f/4.0 เซนเซอร์ตัวที่ 2 เป็น Ultra-Wild ความละเอียด 13 MP รูรับแสงอยู่ที่ f/2.2 ปิดท้ายด้วยเซนเซอร์ Periscope 3.5X รูรับแสงอยู่ที่ f/3.5 ทำงานคู่กับเซนเซอร์ OV64B ความละเอียด 64 MP สามารถซูมภาพได้ถึง 200 เท่า โดยตัวเซนเซอร์หลักและ Periscope นั้นจะมาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS ด้วย
-
Huawei Mate 50 ใช้เซนเซอร์หลักความละเอียด 50 MP เป็นเซนเซอร์แบบ RYYB ที่รูรับแสงสามารถปรับค่อได้ระหว่าง f/1.4 – f/4.0 เซนเซอร์ตัวที่ 2 เป็น Ultra-Wild ความละเอียด 13 MP รูรับแสงอยู่ที่ f/2.2 ปิดท้ายด้วยเซนเซอร์ telephoto 5X รูรับแสงอยู่ที่ f/3.4 ความละเอียด 12 MP โดยตัวเซนเซอร์นั้นจะมาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS ด้วยสำหรับเซนเซอร์หลักและ telephoto
ในส่วนของสเปคอื่นๆ นั้นทั้ง Huawei Mate 50 Pro และ Huawei Mate 50 จะใช้เหมือนกันดังนี้
- ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 4G
- หน่วยความจำขนาด 8GB
- แหล่งเก็บข้อมูลมีให้เลือกตั้งแต่ความจุขนาด 128 GB ไปจนสูงสุดที่ 512 GB
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายสูงสุดแค่ที่ 4G
- Bluetooth 5.2
- ระบบปฏิบัติการณ์ Harmony OS 3
- รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่กำลังไฟฟ้าสูงสุด 67 W
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จย้อนกลับที่กำลังไฟฟ้าสูงสุด 7.5 W
- Huawei Mate 50 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,700 mAh
- Huawei Mate 50 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,660 mAh
แน่นอนว่าทั้ง Huawei Mate 50 Pro และ Huawei Mate 50 จะยังคงทำการวางจำหน่ายก่อนเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น โดยในส่วนของราคาของแต่ละรุ่นตามขนาดความจุนั้นจะมีดังต่อไปนี้
Huawei Mate 50 Pro
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 256GB ราคา CNY 6799 หรือประมาณ 35,900 บาท
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 512GB ราคา CNY 7799 หรือประมาณ 41,200 บาท
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 256GB เวอร์ชันฝาหลังหนังเทียม ราคา CNY 6999 หรือประมาณ 36,940 บาท
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 512GB เวอร์ชันฝาหลังหนังเทียม ราคา CNY 7999 หรือประมาณ 42,220 บาท
Huawei Mate 50
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 128GB ราคา CNY 4999 หรือประมาณ 26,390 บาท
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 256GB ราคา CNY 5499 หรือประมาณ 29,000 บาท
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 512GB ราคา CNY 6499 หรือประมาณ 34,300 บาท
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 256GB เวอร์ชันฝาหลังหนังเทียม ราคา CNY 5699 หรือประมาณ 30,000 บาท
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 512GB เวอร์ชันฝาหลังหนังเทียม ราคา CNY 6699 หรือประมาณ 35,360 บาท
ที่มา : notebookcheck