เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว ที่ Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro จากกำหนดการจะเปิดตัววันที่ 16 ตุลาคมนี้ที่ลอนดอน ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นเรือธงที่จับตามองอีกรุ่นหนึ่งในช่วงปลายปี เนื่องจากมากับชิปประมวลผลสุดแรงอย่าง Kirin 980 เป็นรุ่นแรก และขึ้นชื่อในเรื่องของกล้องที่ร่วมกับ Leica ซึ่งรุ่นเก่าที่วางขายไปก็ทำได้ประทับใจ ได้รับคำชมมากมาย หลายคนจึงอยากรู้ว่ากล้องนี้ดีขึ้นขนาดไหน และยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย เราจึงทำการ รวมข้อมูล Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro จากข่าวลือ ก่อนเปิดตัวมาให้ดูกันก่อน ไปดูกันเลยครับ
Design & Size
สำหรับการออกแบบของ Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro นั้นอาจทำหลายคนผิดหวังเล็กน้อย เนื่องจากมันมาพร้อมกับตื่งหน้าจอทั้งสองรุ่น ซึ่ง Huawei Mate 20 จะมาพร้อมกับติ่งแบบหยดน้ำเล็ก ๆ สำหรับกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ส่วน Huawei Mate 20 Pro นั้นจะมาพร้อมกับติ่งเป็นแถบขนาดใหญ่ สำหรับกล้องหน้า (อาจจะกล้องหน้าสองตัว) และเซ็นเซอร์สแกนหน้าแบบ 3D ทำให้มีติ่งขนาดใหญ่กว่า ส่วนด้านหลังตัวเครื่องจะคล้าย ๆ กันโดยมาพร้อมกับกล้องหลัง Triple Camera พร้อม LED Flash ขนาดใหญ่ ที่มีดีไซน์แบบใหม่ เรียงตัวเป็นสี่เหลี่ยมแปลกตา ซึ่งฝาหลังเป็นกระจกโค้งด้านข้างรับกับมือ ซึ่ง Mate 20 น่าจะมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมืออยู่ใต้กล้องเพราะไม่มีฟีเจอร์สแกนหน้าเหมือน Mate 20 Pro สำหรับสีที่พบข้อมูลในภาพหลุด ก็จะมีสี Twilight , Blue และ Black
Display
Huawei Mate 20 Pro จะมาพร้อมกับหน้าจอ OLED หรือ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้วโค้งด้านข้าง ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 3120 x 1440 มีติ่งขนาดใหญ่ด้านบนสำหรับกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 3D ลำโพงสนทนาและเซ็นเซอร์ต่าง ๆ
Huawei Mate 20 มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ไม่โค้งด้านข้าง ความละเอียดอยู่ที่ 2240×1080 พิกเซล มีติ่งแบบหยดน้ำสำหรับกล้องหน้า ทำให้ไม่มีฟีเจอร์สแกนใบหน้า 3D
Performance
ทั้ง Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro จะใช้ชิปประมวลผล Kirin 980 ซึ่งถือเป็นสองรุ่นแรกที่ได้ใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธงรุ่นใหม่ของ Huawei เป็นชิปโพรเซสเซอร์ 7 nm ตัวแรกของโลก และ ยังมาพร้อมแกนประมวลผล Cortex-A76 ตัวแรกของโลก Dual-NPU ตัวแรกของโลก ชิปประมวลผลกราฟิก Mali-G76 ตัวแรกของโลก ชิปตัวแรกของโลกที่รองรับ Cat. 21 LTE และชิปเซ็ตตัวแรกที่รองรับ LPDDR4X 2133 MHz เรียกได้ว่าชิป Kirin980 มากับ 6 ฟีเจอร์เป็นครั้งแรกของโลกในชิปเดียว !!
ชิปประมวล Kirin980 เป็น CPU Octa-Core (8 Core) ที่มีการจัดการทำงานแบบ Tri-Cluster หรือ 2+2+4 ซึ่งแกนประมวลผลตัวใหม่ Cortex A76 จะมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.6 GHz ส่วนชิปประมวลผลกราฟิก Mali G76 MP10 นั้น มาพร้อมความเร็วที่ 720 MHz ที่ทาง Huawei เคลทว่าประสิทธิภาพแรงกว่าตัวเดิม 48 % และจัดการพลังงานได้ดีว่า 178 % !! ซึ่งเปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Snapdragon 845 ชิปคู่แข่งจากค่าย Qualcomm ชิป Kirin 980 นั้นมีประสิทธิเหนือกว่าในทุกด้าน และมาพร้อมกับระบบปฏืบัติการ Android 9 Pie พร้อมกับ EMUI 9.0
อ่านรายละเอียด เจาะลึกชิป Kirin 980
Ram & Rom
จากข้อมูลใน TENAA เผยให้เห็นข้อมูลหน่วยความจำทั้งรอมและแรมของ Huawei Mate 20 ที่ซอยจนครบตั้งแต่แรมเริ่มต้น 4 GB ไปจนถึง 8 GB และรอมเริ่มต้น 64 GB ไปจนถึง 512 GB ซึ่งขนาดความจุและแรมในแต่ละพื้นที่ที่วางขายจะไม่เหมือนกัน ต้องรอดู Huawei ประเทศไทยประกาศอีกครั้งว่าในไทยจะมีเวอร์ชั่นความจุอะไรให้เลือกบ้าง ไว้จะมาอัปเดตให้ทราบทันทีครับ
- แรม 4 GB แบ่งเป็น รอม 64 GB / 128 GB และ 256 GB
- แรม 6 GB แบ่งเป็น รอม 128 GB / 256 GB และ 512 GB
- รุ่นท็อปสุด แรม 8 GB แบ่งเป็น รอม 128 GB / 256 GB และ 512 GB
Camera
กล้องหลังของ Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro นั้นจะมาพร้อมกล้องหลังสามตัว โดยเรียงเป็นสี่เหลี่ยม สี่จุดพร้อมกับ LED Flash ขนาดใหญ่ โดยสเปคกล้องจากรายงานนั้น มาพร้อมกล้องเลนส์หลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล เลนส์ TelePhoto 20 ล้านพิกเซล และเลนส์ Wide-Angle ที่ 8 ล้านพิกเซล โดยมีรูรับแสงกว้างสุดที่ f/1.8 ถึง f/2.4 รองรับ Optical Zoom สูงสุดที่ 5 เท่า !! ที่สำคัญรองรับการถ่ายมาโครที่ระยะใกล้มากที่ 2.5 เซนติเมตร ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียดอยู่ที่ 24 ล้านพิกเซล
Battery
Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro จากรายงานจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,200 mAh พร้อมกับฟีเจอร์ SuperCharge 2.0 40w ที่ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 70% ภายในเวลา 30 นาทีเท่านั้น และรองรับ Wireless Charge อีกด้วย โดยใช้พอร์ต USB Type-C
Price
สำหรับราคาของ Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro ที่หลุดออกมานั้น มีหน่วยเป็น ฟรังก์สวิส (CHF) โดย Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro ที่เป็นรุ่นรอม 128 GB นั้น Mate 20 มีราคาอยู่ที่ 799 CHF ตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 26,400 บาท ส่วน Huawei Mate 20 Pro มีราคาอยู่ที่ 999 CHF หรือประมาณ 33,300 บาท ต้องรอดูราคาอย่างเป็นทางการในวันเปิดตัวอีกครั้ง