สำหรับคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือขับขี่รถยนต์ การต่อใบขับขี่ หรือจองต่อใบขับขี่ออนไลน์นั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่เป็นประจำ เมื่อใบขับขี่หมดอายุ ไม่ว่าจะเป็นการต่อจากใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี) หรือต่อจากแบบ 5 ปี ไปเป็น 5 ปี ปัญหาที่หลายๆ คนเจอเลยก็คือ หลายคนไม่รู้ว่าใช้เอกสารอะไรบ้าง และหลักๆ ก็คือการหาเวลาไปนั่งอบรมที่ขนส่ง หรือว่าต้องออกไปนั่งอบรมในที่ต่างๆ ที่ทางกรมขนส่งจัดแยกไว้ การแก้ปัญหาเหล่านี้ของกรมขนส่งก็คือ การนั่งฟังอบรมผ่านทางออนไลน์ และการทำเรื่องก่อนจะไปสอบภาคปฏิบัติอีกครั้ง เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเวลาไปได้อีกเยอะมากๆ ไม่ต้องไปเสี่ยงกับไวรัสโควิด 19 ด้วย
สำหรับการทำเรื่องขออบรมออนไลน์ และการทำเรื่องผ่านทางออนไลน์ในเว็บ www.dlt-elearning.com หรือว่าในแอปฯ DLT Smart Queue ในตอนนี้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น และช่วยประหยัดเวลาสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการทำงานประจำได้ดีมาก เนื่องจากสมัยก่อน กว่าจะได้จองไปอบรมก็ต้องเสียเวลาไปเต็มๆ 1 วันแล้ว ไหนจะต้องเสียเวลาอีก 1 วันเพื่อไปทำเรื่องขอทำใบขับขี่ใหม่อีก แล้วถ้ายิ่งเจอปัญหาตอนไปทำเรื่อง ที่กรมขนส่งก็ยิ่งต้องเสียเวลา และเสียวันทำงานไปอีกหลายวัน การอบรมออนไลน์ และการเตรียมเอกสาร พร้อมการจองออนไลน์เพื่อไปทำเรื่องทีเดียว ก็จะช่วยให้การต่อใบขับขี่เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมากๆ แต่ต้องบอกก่อนว่า การทำเรื่องทำใบขับขี่ออนไลน์นี้สามารถทำได้แค่การ “ต่อใบขับขี่” เท่านั้น ถ้าทำใบขับขี่ใหม่ หรือทำครั้งแรกยังไม่สามารถทำได้ รวมไปถึงการทำเรื่องออนไลน์ และการอบรมออนไลน์เสร็จแล้ว ก็ยังต้องไปที่กรมขนส่ง เพื่อทำเรื่องต่อจากนี้อีกที แล้ววันนี้ทาง Specphone ก็จะมาบอกกันว่า วิธีจองอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ทำอย่างไร และการจะไปต่อใบขับขี่ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง รวมไปถึงการจองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์ด้วย มาดูกันเลย
- วิธีจองอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
- การจองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์
- ต่อใบขับขี่ออนไลน์ ใช้เอกสารอะไรบ้าง และจ่ายกี่บาท
- ขั้นตอนการทดสอบสมรรถภาพร่างกายมีอะไรบ้าง
วิธีจองอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
สำหรับการจองอบรมทำใบขับขี่ออนไลน์ จะสามารถทำได้ทั้งในคอมฯ บนมือถือ หรือแท็ปเล็ต (ในแอปฯ DLT Smart Queue) แนะนำว่าให้โหลดแอปฯ มาไว้เลยก็ได้ก่อนทำการอบรม และทำการจองทำใบขับขี่ออนไลน์ก่อนทุกครั้ง เพื่อความสะดวกในการใช้งานที่มากขึ้น และผลของการอบรมออนไลน์ จะมีอายุเพียง 90 วันเท่านั้น นับจากวันที่ผ่านการอบรม ควรวางแผนให้ดีก่อนจะไปทำการอบรมออนไลน์ และหาวันจองการทำใบขับขี่ที่ขนส่งให้ดีก่อนทุกครั้ง ส่วนการอบรมออนไลน์นี้ จะสามารถทำได้ทั้งการต่อจากใบขับขี่ชั่วคราว และจาก 5 ปีเป็น 5 ปี มีวิธีการจอง และอบรมออนไลน์ดังนี้
1. เข้าไปยังเว็บของขนส่งที่ www.dlt-elearning.com และเลือกเมนู “ลงทะเบียน”
2. หลังจากที่เข้ามาแล้วเจอกับหน้าของการใส่ข้อมูล ทั้งเลขบัตรประชาชน วัน/ เดือน/ ปีเกิด และเบอร์โทรศัพท์ ให้กรอกให้ครบถ้วนทั้งหมด และกดยืนยัน
3. หลังจากกรอกเรียบร้อยแล้ว จะเข้ามายังหน้าของการเลือกประเภทการต่อใบขับขี่ ให้เลือกตามที่ต้องการต่อใบขับขี่ และกดเลือกเมนูแรกก่อน คือ “แบบทดสอบก่อนอบรม”
4. ตอบคำถามให้ครบทุกข้อ (ส่วนใหญ่เป็นคำถามทั่วไป) เมื่อตอบครบแล้ว จะเข้าไปยังหน้าวิดีโอของการอบรม ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะมีการสุ่มแบบสอบถามด้วย 3 คำถาม (ถ้าตอบผิดหมดเลยอาจจะไม่ผ่าน) และไม่สามารถเปิดหน้าจออื่นได้ (เปิดแล้วคลิปหยุดทันที) รวมไปถึงการเลื่อนคลิปไปข้างหน้าก็ทำไม่ได้ด้วย หลังจากนั้นจะได้ผลการอบรมมาเป็นแบบออนไลน์ ให้แคปหน้าจอเก็บเอาไว้ใช้เป็นหลักฐาน และเข้าไปจองในระบบในขั้นตอนต่อไป
การจองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์
มาต่อกันที่การจองคิวเพื่อทำใบขับขี่ออนไลน์ อย่าลืมว่าจองแล้วต้องไปที่ขนส่ง เพื่อทำแบบทดสอบด้วยทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าจองแล้วได้บัตรเลยนะ ส่วนการจองคิว จะสามารถทำได้สองช่องทางคือผ่านเว็บ gecc.dlt.go.th หรือโหลดแอปฯ DLT Smart Queue มาใช้งานก็ได้ทั้งระบบ iOS และ Android มีวิธีการจองดังนี้
- iOS : โหลดแอปฯ DLT Smart Queue
- Android : โหลดแอปฯ DLT Smart Queue
1. เข้าไปยังเว็บ gecc.dlt.go.th หรือแอปฯ DLT Smart Queue และใส่เลขบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเข้าสู่ระบบ (ถ้าใครยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ลงทะเบียนสมัครก่อน แค่กรอกเลขประจำตัวประชาชน วันเกิด และรหัสผ่านไว้ใช้ครั้งต่อไป)
2. เมื่อเข้าสู่ระบบมาแล้ว ก็จะเป็นการเลือกจังหวัด, สำนักงาน, ประเภท และเลือกประเภทงานของการต่อใบขับขี่ออนไลน์ ให้เลือกตามที่ตัวเองสะดวกได้เลย
3. เมื่อใส่ครบแล้ว ระบบจะดำเนินการให้โดยอัตโนมัติ และเปลี่ยนมายังหน้าการจองให้เลือกตามวัน และเวลาที่ว่างอยู่ได้ทันที (แนะนำว่าควรจองก่อนขั้นต่ำ 1 เดือน เนื่องจากถ้ากระชั้นชิดเกินไปจะไม่มีที่ว่าง และจะข้ามไปอย่างน้อย 2 เดือน)
4. เมื่อยืนยันการจองเรียบร้อยแล้ว ระบบจะสรุปข้อมูลทั้งหมดมาให้อีกครั้ง ในหน้านี้หากใครที่พลาด หรือจองวันผิดไป เราสามารถเข้าระบบมาอีกครั้ง เพื่อทำการยกเลิกการจองได้เหมือนกัน โดยการกดปุ่ม “คลิกเพื่อยกเลิก” และกดยืนยันการยกเลิก ระบบก็จะทำการยกเลิกให้เลย ง่ายและสะดวกมากๆ
ต่อใบขับขี่ออนไลน์ ใช้เอกสารอะไรบ้าง และจ่ายกี่บาท
การทำใบขับขี่ออนไลน์ ความจริงจะทำได้แค่เพียงการจองวันว่าง และต้องเอาเอกสารในการต่อไปที่ขนส่ง ตามที่ได้จองออนไลน์เอาไว้ ซึ่งการเตรียมเอกสารสำหรับการต่อจากใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี) ไปเป็น 5 ปี และจาก 5 ปี เป็น 5 ปีจะไม่ค่อยต่างกันมากนัก แยกรายละเอียดได้ดังนี้
ต่อใบขับขี่แบบชั่วคราว 2 ปี ไปเป็น 5 ปี เอกสารที่ต้องนำไปด้วย
- บัตรประตัวประชาชนตัวจริง (ฉบับจริงเท่านั้น)
- ใบขับขี่ชั่วคราว ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี
- ใบรับรองแพทย์ ใช้ได้หลังจากวันที่ไปตรวจไม่เกิน 1 เดือน
การต่อใบขับขี่ล่วงหน้าของ การต่อใบขับขี่แบบชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปี จะสามารถต่อล่วงหน้าได้ไม่เกิน 60 วัน หรือประมาณ 2 เดือน ส่วนใครที่ใบขับขี่หมดอายุ จะสามารถแบ่งได้อีก 2 แบบได้แก่
- ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปีต้องสอบข้อเขียนใหม่ทั้งหมด
- ใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 ปี ต้องอบรมเพิ่มอีก สอบข้อเขียนใหม่ และสอบขับรถใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง (เหมือนทำใหม่ครั้งแรก)
ค่าใช้จ่ายในกาต่อใบขับขี่แบบชั่วคราว 2 ปี ไปเป็น 5 ปี ต้องจ่ายเงินค่าใบขับขี่ 500 บาท และค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็น 505 บาท
ต่อใบขับขี่แบบ 5 ปี ไปเป็น 5 ปี เอกสารที่ต้องนำไปด้วย
- บัตรประตัวประชาชนตัวจริง (ฉบับจริงเท่านั้น)
- ใบขับขี่ชั่วคราว ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี
- ใบรับรองแพทย์ ใช้ได้หลังจากวันที่ไปตรวจไม่เกิน 1 เดือน
การต่อใบขับขี่ล่วงหน้าของ การต่อใบขับขี่แบบ 5 ปี เป็น 5 ปี จะสามารถต่อล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน หรือประมาณ 3 เดือน ส่วนใครที่ใบขับขี่หมดอายุ จะสามารถแบ่งได้อีก 2 แบบเหมือนกันคือ
- ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปีต้องสอบข้อเขียนใหม่ทั้งหมด
- ใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 ปี ต้องอบรมเพิ่มอีก สอบข้อเขียนใหม่ และสอบขับรถใหม่ทั้งหมด (เหมือนทำใหม่ครั้งแรก)
ค่าใช้จ่ายในกาต่อใบขับขี่แบบ 5 ปี ไปเป็น 5 ปี ต้องจ่ายเงินค่าใบขับขี่ 500 บาท และค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็น 505 บาท
**เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบการต่อใบขับขี่ใหม่ โดยคนที่ใบขับขี่หมดอายุ เกิน 1 ปี ระหว่างวันที่ 4 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 จะได้รับการยกเว้นการสอบข้อเขียน แต่ยังต้องทำการทดสอบภาคปฏิบัติ (สอบสมรรถภาพของร่างกาย) และเข้ารับการอบรมเหมือนเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่
***เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบการต่อใบขับขี่ใหม่ โดยคนที่ใบขับขี่หมดอายุ เกิน 3 ปี ระหว่างวันที่ 4 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 จะได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถใหม่ แต่ยังต้องทำการทดสอบภาคปฏิบัติ (สอบสมรรถภาพของร่างกาย) ทดสอบข้อเขียน และเข้ารับการอบรมเหมือนเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่
ขั้นตอนการทดสอบสมรรถภาพร่างกายมีอะไรบ้าง
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการทำใบขับขี่ใหม่แล้ว ถ้าได้ทำการจองต่อใบขับขี่ออนไลน์ไว้แล้ว พร้อมกับการอบรม และเตรียมเอกสารทั้งหมดครบแล้ว ก็ให้ไปยังขนส่งตามเวลาที่ได้จองเอาไว้ทั้งหมด และทำตามขั้นตอนดังนี้
1. เข้าไปที่ขนส่ง ยื่นเอกสารทั้งหมดที่ได้เตรียมมา และออกคำขอเพื่อทำเรื่องต่อใบขับขี่ใหม่
2. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย 4 รูปแบบ ได้แก่
- ทดสอบทางด้านการมองสีไฟจราจร (แดง เหลือง เขียว)
- ทดสอบการมองด้านทางลึก (กดหยุดก้านให้เท่ากันสองแท่ง)
- ทดสอบการมองด้านความกว้าง (มองสีจากด้านข้าง)
- ทดสอบความเร็วของเท้า (เหยียบเบรคทันทีเมื่อเห็นไฟแดง)
3. ถ่ายรูป หลังจากนั้นให้นั่งรอใบขับขี่ใบใหม่และจ่ายเงิน
**ต้องผ่านทุกการทดสอบ
จะเห็นได้ว่าในสมัยนี้ การต่อใบขับขี่นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก เพราะสามารถจองอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่อบรมข้างนอก หรือว่าต้องเสียเวลาทำใบขับขี่ใหม่หลายวัน ที่สำคัญอย่าลืมว่า การจองนั้นควรจะจองล่วงหน้าก่อนวันที่จะไปจริงอย่างต่ำ 1 เดือน เพราะว่าจะไม่ค่อยเหลือที่ว่างในเวลาใกล้ๆ อย่างต่ำๆ ก็เกิน 1 เดือนแน่นอน อีกสิ่งที่สำคัญก็คือเอกสารที่ต้องนำไปให้ครบ รวมไปถึงหลักฐานการอบรมที่ได้อบรมออนไลน์ไปแล้ว จะได้ไม่เสียเวลาไปฟรี โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ใครที่ใบขับขี่ใกล้หมดอายุแล้ว ก็ลองเข้าไปจองและอบรมตามที่เราได้แนะนำกันได้เลย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะเอามาฝากกันอีกเรื่อยๆ เลยนะครับ