เป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานว่า RAM หรือหน่วยความจำบนสมาร์ทโฟนนั้นควรจะมีให้มาเท่าไรถึงจะเพียงพอ ในวันนี้เราจะขอเสนอให้คุณได้เห็นว่าจำเป็นไหมที่จะต้องเพิ่มเงินให้กับเครื่องที่มาพร้อมหน่วยความจำมากขึ้น
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้นเรื่องของการมีหน่วยความจำหรือ RAM บนสมาร์ทโฟนควรจะมีขนาดอยู่ที่เท่าไรถึงจะดีกันแน่เป็นหัวข้อที่เราๆ ท่านๆ มักจะได้ยินผู้มีความรู้หลายๆ แขนงออกมาถกเถียงกันอย่างมากมาย อย่างไรก็ตามหากลองสังเกตดูกันว่าในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมานั้นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะถยอยเพิ่มหน่วยความจำให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ มากขึ้นมาเรื่อยๆ
ในอดีตนั้นสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อปสุดของตลาดนั้นมักจะมาพร้อมกับหน่วยความจำบนตัวเครื่องที่ราว 2GB ทว่าในปัจจุบันนี้นั้นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงมักจะมีหน่วยความจำขนาดเริ่มต้นที่ 8GB ไปจนถึงมากที่สุดที่ 16GB ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมา 8 เท่าในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
แน่นอนว่าถึงแม้ผู้ผลิตจะเพิ่มหน่วยความจำเข้ามาให้กับสมาร์ทโฟนเรือธงมากขึ้นหลายเท่าตัว แต่ก็ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ในมุมกว้างว่าจริงๆ แล้วขนาดหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นมานั้นเพียงพอต่อความต้องการในการใช้งานมากพอแล้วหรือยัง
ในบางมุมมองอาจจะบอกกันแค่ว่าขนาดหน่วยความจำบนสมาร์ทโฟนนั้นมีขนาดอยู่ที่เพียง 4GB ก็มากพอแล้วสำหรับการใช้งานทั่วไปไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บไซต์หรือเล่นแอปพลิเคชัน Social Media ต่างๆ หรือกระทั่งจะนำเอาไปใช้ในการสตรีมไฟล์หรือคลิปวีดีโอมาเปิดบนเครื่อง สมาร์ทโฟนที่มีพร้อมกับหน่วยความจำ 4GB นั้นก็มากเพียงพอแล้ว
แต่สำหรับในมุมมองผู้ใช้สมาร์ทโฟนสำหรับการเล่นเกมแล้วด้วยนั้น หน่วยความจำบนตัวเครื่องขนาด 4GB มักจะถูกมองว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วนั้นการที่จะสรุปได้ว่าสมาร์ทโฟนควรจะมีหน่วยความจำให้มาที่เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ใช้งานในแต่ละแนวมากกว่าว่าต้องการนำเอาสมาร์ทโฟนนั้นๆ มาใช้งานเพื่อเหตุผลอะไรกันแน่ ทั้งนี้ในปัจจุบันนี้นั้นสมาร์ทโฟนในระดับกลางก็มักจะมาพร้อมกับหน่วยความจำขนาด 6GB – 8GB กันอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็เลยทำให้ผู้ใช้ทั่วไปอาจจะเกิดความสับสนขึ้นได้ว่าสรุปแล้วนั้นสมาร์ทโฟนควรจะมาพร้อมกับหน่วยความจำขนาดเท่าไรกันแน่ ในวันนี้เราจะขอมาไขข้อข้องใจให้ทุกท่านได้ทราบกัน
ทำไม่สมาร์ทโฟนถึงต้องมีหน่วยความจำ
หน่วยความจำหรือ Random access memory (RAM) ถือกำเนินมาตั้งแต่ยุคสมัยเครื่องคอมพิวเตอร์โดยถือเป็นอุปกรณ์หลักของคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถขาดไปได้เลยไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะหรือคอมพิวเตอร์แบบโน๊ตบุ๊ค หน้าที่ของหน่วยความจำนั้นถูกกำหนดใช้ขึ้นมาเพื่อเป็นหน่วยความจำชั่วคราวสำหรับการเก็บข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นที่จะต้องทำการเข้าถึงบ่อยๆ ในขณะที่เปิดใช้งาน ด้วยหลักการดังกล่าวนี้เองนั้นหน่วยความจำบนสมาร์ทโฟนก็จะทำงานในลักษณะเดียวกันกับบนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยหลักๆ แล้วหน่วยความจำบนสมาร์ทโฟนนั้นจะเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบปฎิบัติการ, แอปพลิเคชัน, ข้อมูลต่างๆ (เช่นข้อมูลที่ถูกดาวน์โหลดผ่านหน้าเว็บไซต์และข้อมูลจากการทำงานอื่นๆ เอาไว้
สาเหตุที่ต้องมีการเพิ่มหน่วยความจำเข้ามาทั้งบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนทั้งๆ ที่อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้นก็มีแหล่งเก็บข้อมูลหลักอยู่แล้วนั้นก็เนื่องมาจากว่าหน่วยความจำจะมีความความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลรวดเร็วมากกว่าแหล่งเก็บข้อมูลหลัก อย่างไรก็ตามด้วยความเร็วที่มากกว่าทำให้หน่วยความจำมาพร้อมกับราคาที่สูงมากกว่าแหล่งเก็บข้อมูลทั่วไปซึ่งนั่นทำให้ราคาต่อขนาดหน่วยความจำนั้นสูงกว่าแหล่งเก็บข้อมูลปกติค่อนข้างมาก ดังนั้นแล้วหน่วยความจำนั้นจะไม่ได้ถูกนำเอามาใส่ไว้บนเครื่องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนในขนาดที่มากจนเกินไปเพราะจะทำให้ราคาของอุปกรณ์นั้นสูงมากขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้การมีหน่วยความจำขนาดใหญ่โดยปกติแล้วจะดีกว่าการที่มีหน่วยความจำขนาดเล็กกว่าเสมอเพราะนั่นหมายความว่าอุปกรณ์ของคุณสามารถที่จะเก็บข้อมูลชั่วคราวในการทำงานได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอปพลิเคชัน การสลับใช้แอปพลิเคชันที่รวดเร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วหน่วยความจำเองก็มีการดีไซน์ออกมาหลายรูปแบบรวมทั้งยังมีสถาปัตยกรรมในการออกแบบที่แตกต่างกันไปสำหรับการใช้งานในแต่ละอุปกรณ์เพื่อให้เหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละประเภทนั่นเอง
การใช้งานหน่วยความจำของอุปกรณ์ iOS และ Android
นอกจากแอปพลิเคชันและโปรแกรมที่มีการเก็บข้อมูลเอาไว้ในหน่วยความจำแล้ว ระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนยังมีการเก็บข้อมูลเอาไว้ในหน่วยความจำอย่างมีนัยสำคัญจำนวนหนึ่งอีกด้วย สำหรับระบบปฎิบัติการบนสมาร์ทโฟนยอกนิยมทั้ง 2 แพลตฟอร์มอย่าง iOS และ Android นั้นถึงจะมีความจำเป็นในการใช้งานหน่วยความจำเหมือนกัน ทว่าหลักการในการใช้งานหน่วยความจำของทั้ง 2 แพลตฟอร์มนั้นแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS นั้นจะมีการเก็บข้อมูลในหน่วยความจำน้อยกว่าระบบปฎิบัติการ Android เป็นอย่างมาก สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องมาจากที่ระบบปฎิบัติการ iOS นั้นเป็นระบบปิดที่มีเพียง Apple ใช้งานแค่เพียงบริษัทเดียวจึงถูกปรับแต่งออกมาให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่มีการวางจำหน่ายในตลาดไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ iPad ต่างจากระบบปฎิบัติการ Android ซึ่งเป็นระบบเปิดที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถที่จะนำเอาโค๊ดต้นฉบับจาก Google ไปทำการปรับแต่งให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ของแต่ละผู้ผลิตนั้นๆ อีกถอดหนึ่ง
ดังนั้นแล้วถึงแม้ว่าอุปกรณ์อย่าง iPhone ที่ถูกวางจำหน่ายตั้งแต่ในปี 2014 อย่าง iPhone 6 นั้นยังสามารถที่จะได้รับการอัปเกรดระบบปฎิบัติการ iOS ได้อย่างยาวๆ นานหลายปีทั้งๆ ที่ตัวเครื่องเองก็มาพร้อมกับหน่วยความจำแค่เพียง 1GB เท่านั้น และถึงแม้จะเป็น iPhone รุ่นล่าสุดอย่าง iPhone 14 ที่พึ่งวางจำหน่ายไปได้ไม่นานนั้นตัวเครื่องก็มาพร้อมกับหน่วยความจำเพียงแค่ 6GB เท่านั้นด้วยสาเหตุข้างต้นที่ทาง Apple เองนั้นได้มีการปรับแต่งฮาร์ดแวร์และระบบปฎิบัติการให้เข้ากันมาอย่างดีแล้ว
และอย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นว่า Android นั้นเป็นระบบปฎิบัติการเปิดที่ผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ สามารถที่จะนำเอาตัวระบบปฎิบัติการ Android ในส่วนของพื้นฐานไปทำการปรับแต่งให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของตัวเองได้ โดยปกติแล้วแบรนด์ผู้ผลิตต่างๆ นั้นจะมีการเพิ่มเติมเสริมแต่งซอฟต์แวร์ของตัวเองลงไปบนระบบปฎิบัติการ Android อย่างเช่น สกินตกแต่งพิเศษเฉพาะแบรนด์, Launcher รวมไปถึงแอปพลิเคชันเฉพาะของแต่ละแบรนด์นั้นๆ (เช่น App Store ของตัวเองอย่าง Samsung App Store เป็นต้น) ซึ่งจุดที่เป็นปัญหาทำให้ระบบปฎิบัติการ Android ต้องใช้หน่วยความจำมากกว่า iOS ก็อันเนื่องมาจากซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ นี่เองเพราะมันต้องรันเป็นพื้นฐานระบบตลอดเวลาอีกทั้งผู้ใช้งานทั่วไปยังไม่สามารถที่จะลบแอปพลิเคชันต่างๆ เหล่านี้ทิ้งออกไปได้ด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้สมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการ Android จึงมักจะมาพร้อมกับหน่วยความจำขนาด 4GB ขึ้นไป
สรุปแล้วสมาร์ทโฟนสำหรับคุณจะต้องใช้หน่วยความจำเท่าไร
คำตอบของคำถามดังกล่าวนั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในแต่ละรูปแบบ ตัวอย่างเช่นหากคุณถามผู้ใช้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนเพียงเพื่อโทรเข้ารับสายหรือเปิดแอปพลิเคชันพื้นฐานบ้างนั้น กลุ่มคนเหล่านี้จะบอกคุณว่าหน่วยความจำขนาด 4GB ก็มาเพียงพอแล้ว ทว่าหากคุณไปถามผู้ใช้ที่ใช้งานหนักๆ ไม่ว่าจะเปิดแอปพลิเคชันมากๆ ไปจนกระทั่งนักเล่นเกม กลุ่มคนเหล่านี้จะตอบคุณว่าสมาร์ทโฟนควรจะมีหน่วยความจำตั้งปค่ 8GB ขึ้นไป
พื่อช่วยคุณประเมินว่าคุณต้องการ RAM เท่าใด มาดูกิจกรรมทั่วไปที่ผู้คนทำบนสมาร์ทโฟนกัน
- การเปิดใช้งาน Social Media อย่างเช่น Facebook หรือ Twitter โดยปกติแล้วนั้นจะใช้หน่วยความจำ 100MB – 500MB ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
- เบราว์เซอร์เช่น Chrome สามารถใช้ RAM ได้มาก ขึ้นอยู่กับการใช้งาน จำนวนแท็บที่คุณเปิด และเนื้อหาของแท็บเหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นว่า Chrome ใช้ RAM มากกว่า 500MB หรือแม้แต่ 1GB+
- เครื่องเล่นวิดีโอเช่น Youtube ยังใช้ RAM ประมาณ 500MB ขึ้นอยู่กับจำนวนแท็บที่เปิดอยู่และคุณภาพวิดีโอที่คุณกำลังดู ยิ่งวิดีโอมีคุณภาพดีขึ้นเท่าใดก็ยิ่งต้องใช้ RAM มากขึ้นเท่านั้น
- เกมมือถือนั้นแตกต่างกันไปตามคุณภาพกราฟิกและไม่ว่าคุณจะเล่นแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ ตัวอย่างเช่น เกมอย่าง Minecraft บน Android สามารถใช้ RAM ได้สูงสุด 1GB ขณะใช้งาน อย่างไรก็ตาม เกมที่ต้องใช้เงินมากอย่าง Genshin Impact แนะนำให้ติดตั้ง RAM อย่างน้อย 4GB และมีแนวโน้มว่าจะใช้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจำนวนนั้นในขณะที่คุณเล่นเกม
โปรดทราบว่าคุณต้องเพิ่ม RAM ที่ระบบปฏิบัติการของคุณใช้ด้วย จากที่นี่ คุณจะเห็นว่าทำไมบริษัทมือถือบางแห่งจึงเสนอหน่วยความจำขนาด 6GB, 8GB และแม้กระทั่ง 12GB หากคุณใช้บางอย่างเช่น Samsung DeX คุณจะต้องการ RAM เพิ่มขึ้น
สิ่งที่ควรทราบอีกอย่างคือคุณอาจเห็นแอพแนะนำ RAM ขั้นต่ำที่แนะนำ แม้ว่าแอพจะไม่ได้ใช้เกือบเท่านั้นก็ตาม นั่นเป็นเพราะผู้พัฒนาแอพรู้ว่าคุณต้องการ RAM มากขึ้นเพื่อบัญชีสำหรับแอพอื่นที่ทำงานบนสมาร์ทโฟน ดังนั้นเมื่อแอพ Facebook บอกว่าคุณต้องการ RAM อย่างน้อย 2GB นั่นไม่ใช่เพราะแอพต้องการ RAM ทั้งหมดเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง มันจะทำให้สมาร์ทโฟนของคุณได้รับประสบการณ์โดยรวมที่ดีขึ้นมากหากคุณติดตั้ง RAM 2GB ในขณะที่ใช้แอพร่วมกับผู้อื่น (และอย่าลืมความต้องการ RAM ของระบบปฏิบัติการด้วย)
วิธีการเช็คหน่วยความจำที่ถูกใช้งานไปบนสมาร์ทโฟน
สำหรับวิธีตรวจสอบดูว่าแอปพลิเคชันและระบบปฎิบัติการใช้หน่วยความจำบนตัวเครื่องไปเท่าไรแล้วนั้นให้คุณดำเนินการดังวิธีต่อไปนี้
สำหรับผู้ใช้งาน Android
- เข้าไปที่ Settings เลือกหัวข้อ Device Care หรือ Device Maintenance
- กดเลือกที่ตัวเลือก Memory เมื่อเข้ามาแล้วคุณจะพบกับหน้าจอบอกขนาดหน่วยความจำทั้งหมดของสมาร์ทโฟนของคุณและหน่วยความจำที่ถูกใช้ไปด้วยตัวระบบปฎิบัติการเองและแอปพลิชันที่ดำเนินการเปิดใช้งานอยู่(ทั้งเบื้องหน้าและพื้นหลัง)
- ในโทรศัพท์บางรุ่น คุณต้องเปิดใช้ตัวเลือกสำหรับนักพัฒนา(Developer Options) ก่อนที่จะดำเนินการสองขั้นตอนก่อนหน้าให้เสร็จสิ้น โดยไปที่การตั้งค่า > เกี่ยวกับ(Settings > About) เลื่อนลงและแตะที่ Build Number เจ็ดครั้งก่อนที่จะป้อน PIN ของคุณ
สำหรับผู้ใช้ iOS
- จากหน้าจอหลักของคุณ ให้ไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป (Settings > General)
- แตะที่จัดเก็บข้อมูลของ iPhone(iPhone Storage) เพื่อดูหน่วยความจำที่มีอยู่และที่ใช้แล้ว รวมทั้งการแจกแจงว่าแอปใดกำลังใช้ RAM ของคุณ
สรุปแล้วสมาร์ทโฟนควรมาพร้อมหน่วยความจำเท่าไร
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว RAM ของสมาร์ทโฟนไม่ถึงเพดาน 1GB ด้วยซ้ำ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทำให้สมาร์ทโฟนเรือธงบางรุ่นมี RAM ขนาด 12GB หรือแม้แต่ 16GB นอกเหนือจากคุณสมบัติที่น่าประทับใจ สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าโมเดลเหล่านี้ยังมีราคามากกว่าปกติอยู่
โทรศัพท์สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มี RAM ระหว่าง 6GB และ 8GB ตัวอย่างเช่น Google Pixel 7 ปี 2022 เปิดตัวพร้อม RAM 8GB และเป็นอุปกรณ์ระดับบนสุด iPhone 14 ดังกล่าว (และรุ่น Pro) เปิดตัวพร้อม RAM ขนาด 6GB แสดงว่าการใช้ RAM อย่างมีประสิทธิภาพก็มีความสำคัญเช่นกัน การใส่ข้อมูลลงในอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการสร้างสมาร์ทโฟนระดับเรือธงและมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียม แม้ว่าจะช่วยได้มากก็ตาม
หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ที่มี RAM 16GB ลอง Samsung Galaxy S22 Ultra 5G หรือ Oppo Find X5 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมทั้งคู่และแน่นอนว่าสมาร์ทโฟนระดับเรือธงเหล่านี้ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นเดียวกัน
เอาเข้าจริงๆ แล้วนั้นสมาร์ทโฟนที่ดีควรจะมีขนาดหน่วยความจำตั้งแต่ 6GB ขึ้นไปก็ถือว่าเพียงพอแล้วต่อการใช้งานทั่วไป ทว่าหากคุณเป็นคนที่ใช้สมาร์ทโฟนในการเล่นเกมไปด้วยนั้นคุณควรที่จะมองหาสมาร์ทโฟนที่มาหน่วยความจำมาให้ตั้งแต่ 8GB ขึ้นไป
สรุปแล้วหน่วยความจำขนาด 2GB เพียงพอกับสมาร์ทโฟนในปัจจุบันหรือไม่
สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน iPhone นั้นคุณจะยังสามารถใช้งาน iPhone 8 ที่มีหน่วยความจำขนาด 2GB กับ iOS 16 ที่เป็นระบบปฎิบัติการเวอร์ชันล่าสุดได้เป็นอย่างดีอยู่ ซึ่งด้วยความที่ Apple พัฒนาระบบปฎิบัติการ iOS แบบปิด ดังนั้นจึงทำให้ทาง Apple ควบคุมฮาร์ดแวร์ให้เหมาะสมกับระบบปฎิบัติการใหม่ได้ ดังจะเห็นได้จาก iPhone 7 ลงไปนั้นจะไม่สามารถอัปเกรดระบบปฎิบัติการ iOS 16 ได้แล้ว
สำหรับผู้ใช้งานระบบปฎิบัตัิการ Android นั้น หน่วยความจำขนาด 2GB ดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณจะสังเกตได้ชัดเลยว่าหากคุณเปิดเบราว์เซอร์ที่มีวีดีโอคลิปแสดงผลอยู่บนหน้าเว็บไซต์นั้นด้วย คุณจะพบว่าสมาร์ทโฟนของคุณมีอาการหน่วงมากขึ้นเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างไรก็ตามสำหรับระบบปฎิบัติการ Android 13 เวอร์ชันล่าสุดก็ยังคงสามารถใช้งานกับเครื่องที่มีหน่วยความจำขนาด 2GB ได้อยู่
ยิ่งสมาร์ทโฟนมีหน่วยความจำมาก ยิ่งดีจริงไหม
อย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นทั้งหมดคุณจะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนควรจะมีหน่วยความจำบนตัวเครื่องเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ใช้ในแต่ละรายนั้นๆ แต่หากจะให้บอกกันตรงๆ แล้วก็คงต้องบอกเอาไว้เลยว่าการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน่วยความจำขนาดใหญ่ย่อมดีกว่าสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน่วยความจำขนาดเล็กในระยะยาวอย่างแน่นอน สำหรับปัจจุบันนั้นคุณควรมองหาสมาร์ทโฟนที่มีหน่วยความจำขนาด 6GB ขึ้นไปในการเลือกซื้อมาใช้งาน
ที่มา : makeuseof