9 วิธีเบื้องต้นแก้ปัญหาโทรเข้า-ออกบนสมาร์ทโฟน Android ไม่ได้

สมาร์ทโฟน Android ใช้งานนานๆ บางครั้งอาจจะเอ๋อถึงขั้นทำให้โทรเข้า-ออกไม่ได้เลย ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดการติดต่อสื่อสาร เรามาดูวิธีแก้ไขเบื้องต้นกันดีกว่าว่าจะสามารถทำกันได้อย่างไรบ้าง

Android
วิธีแก้สมาร์ทโฟน Android เอ๋อโทรเข้า-ออกไม่ได้เบื้องต้น

สมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการ Android แม้ว่าเครื่องจะแรงเพียงใด สเปคสูงแค่ไหน แต่ถ้าหากใช้งานไปนานๆ เข้าเครื่องของคุณก็อาจจะเกิดอาการเอ๋อขึ้นมาได้ แน่นอนว่าบางครั้งก็เป็นอาการเล็กๆ น้อยๆ ที่แก้ไขได้ไม่ยาก แต่ในบางครั้งก็เป็นอาการหนักไปถึงขั้นทำให้ตัวเครื่องสมาร์ทโฟนของคุณนั้นโทรเข้า-ออกไม่ได้เลย

ถึงอย่างไรแล้วสมาร์ทโฟนก็ยังเป็นโทรศัพท์ที่เป้าหมายหลักในการใช้งานก็คือการโทรเข้า-ออกเพื่อทำการติดต่อสื่อสาร หากสมาร์ทโฟน Android ของท่านเอ๋อจนทำให้ไม่สามารถโทรเข้า-ออกได้แล้วล่ะก็อาจจะทำให้ท่านพลาดการรับสายสำคัญไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเพื่อไม่ให้การติดต่อสื่อสารของท่านติดขัดแล้วเรามาดูกันดีกว่าว่าหากสมาร์ทโฟน Android เอ๋อจนไม่สามารถโทรเข้า-ออกได้เลยนั้น เราจะสามารถแก้ไขเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ว่าแล้วก็ไปติดตามกันได้เลย



เปิด-ปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode)

Android Phone Not Receiving Calls 001

โดยปกติแล้วโหมดบนเครื่องบิน(Airplane Mode) ระบบปฏิบัติการ Android จะปิดใช้งานการเชื่อมต่อเครือข่ายและปิดการใช้งานข้อมูลทั้งหมดซึ่งนั่นเป็นเรื่องแน่นอนว่าจะทำให้คุณไม่สามารถใช้สมาร์ทโฟนในการโทรเข้า-ออกหรือใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เลย หากคุณเผลอไปเปิดใช้งานโหมดเครื่องบินนี้ คุณจะเห็นไอคอนรูปเครื่องบินในแถบสถานะ(Status bar ทางด้านบน) หากคุณพบไอคอนเครื่องบินอยู่ล่ะก็คุณสามารถทำการปิดโหมดเครื่องบินได้ดังวิธีการต่อไปนี้

ขั้นตอนด้านล่างอ้างอิงจากสมาร์ทโฟน Samsung ที่ครอบทับด้วย One UI สมาร์ทโฟนของแบรนด์อื่นๆ นั้นอาจจะมีชื่อหัวข้อแตกต่างกันไปแต่จะไม่ต่างกันเท่าไรนัก

  1. ปัดลงเพื่อดูเมนูการตั้งค่าด่วน(Quick Settings) หรือไปที่การตั้งค่า(Settings) แล้วแตะที่การเชื่อมต่อ(Connections)
  2. สลับสวิตช์เพื่อปิดใช้งานโหมดเครื่องบิน(Airplane mode)
  3. เมื่อปิดโหมดเครื่องบินแล้ว สมาร์ทโฟนของคุณจะแสดงแถบความแรงของเครือข่ายในแถบสถานะด้านบนของตัวเครื่อง

ปิดโหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb Mode)

Android Phone Not Receiving Calls 002

โหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb หรือ DND) จะทำการบล็อกเสียงและการสั่นทั้งหมดจากการแจ้งเตือนและการโทร หากเปิดใช้ระบบจะปิดเสียงเวลามีสายเข้า ซึ่งหมายความว่าแม้จริงๆ แล้วสมาร์ทโฟน Android ของคุณอาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่หากเปิดโหมดนี้อยู่ล่ะก็คุณจะไม่เห็นหรือไม่ได้ยินการแจ้งเตือนใดๆ ทั้งสิ้น(แต่จะมีการแจ้งเตือนสายเรียกเข้าที่ฟ้องในแถบสถานะแทนหลังจากที่มีสายเข้าแล้ว) ในการแก้ไขปัญหาให้ตรวจสอบดูว่าคุณได้เผลอไปเปิดโหมดนี้เอาไว้หรือไม่โดยทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เปิด App Drawer แล้วแตะที่การตั้งค่า(Settings)
  2. จากนั้นแตะที่การแจ้งเตือน(Notifications) ในสมาร์ทโฟนบางรุ่นคุณอาจพบตัวเลือก DND ใต้หัวข้อเสียงและการสั่น(Sounds and vibrations
  3. เลื่อนลงและแตะที่ห้ามรบกวน(Do not disturb)
  4. สลับสวิตช์เพื่อปิดใช้งาน ห้ามรบกวน(Do not disturb)
  5. ตอนนี้ลองโทรหาหมายเลขของคุณ และคุณควรรับสายโดยไม่ต้องปิดเสียง

อย่างไรก็ตามคุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าห้ามรบกวนเพื่อเพิ่มข้อยกเว้นสำหรับการโทรและการเตือนจากแอปพลิเคชั่นที่คุณต้องการได้ หากต้องการเพิ่มผู้โทรที่คุณต้องการให้เครื่องเตือนสายเรียกเข้าเช่นเดิมคุณจะต้องไปเพิ่มยังรายการข้อยกเว้นืั้อยู่ด้านล่างโดยให้แตะที่การโทร(Calls) เพื่อเพิ่มชื่อหรือเบอร์ที่คุณต้องการให้แจ้งเตือนตามปกติหากคุณเปิดโหมด DND, ข้อความ(Messages) สำหรับเปิดให้รับแจ้งเตือนเวลามี SMS เข้าและการสนทนา(conversations) ซึ่งจะเป็นการเลือกให้สมาร์ทโฟนของคุณแจ้งเตือนแอปพลิเคชั่นที่เป็นแอปสำหรับการแชท

หมายเหตุ – ในการตั้งค่าโหมด DND นั้นยังมีการตั้งค่าอีกหลายๆ อย่างที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากหากคุณต้องการที่จะคัดกรองการแจ้งเตือนของสมาร์ทโฟนสำหรับการใช้งานในสถานที่ต่างๆ ด้วยตัวของคุณเอง


เปิด-ปิดการทำงานซิม

Android Phone Not Receiving Calls 003

บางครั้งปัญหาโทรเข้า-ออกไม่ได้ก็มาจากสัญญาณจากผู้ให้บริการเครือข่ายที่คุณใช้งานอยู่มีปัญหา ซึ่งมีบางกรณีที่พอผู้ให้บริการเครือข่ายแก้ไขปัญหาแล้วปรากฎว่าสมาร์ทโฟน Android ยังไม่อัปเดทข้อมูลเครือข่ายผ่าน SIM Card ของคุณใหม่ ดังนั้นวิธีการแก้ไขปัญหานี้ก็คือคุณสามารถปิดใช้งานซิมของคุณชั่วคราวได้โดยไม่ต้องถอด SIM Card ออก สำหรับวิธีการนั้นให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เปิด หน้ารวมแอปพลิเคชั่นทั้งหมด(App Drawer) แล้วแตะที่การตั้งค่า(Settings)
  2. จากนั้นแตะที่การเชื่อมต่อ(Connections) หรือเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต(Network and Internet)
  3. แตะที่ตัวจัดการซิมการ์ด(SIM card manager) คุณจะมี SIM Card ทั้งหมดของคุณแสดงอยู่ในส่วน SIM Card
  4. สลับสวิตช์สำหรับ SIM Card ที่ได้รับผลกระทบและตั้งค่าเป็นปิด เมื่อข้อความแจ้งปรากฏขึ้นให้แตะ ตกลง(OK) เพื่อยืนยัน

เมื่อปิดใช้งานแล้ว ให้รอสักพัก(เป็นไปได้ควรจะรออย่างน้อย 2- 5 นาที) จากนั้นสลับสวิตช์อีกครั้งเพื่อเปิดใช้งาน SIM Card การดำเนินการนี้ควรคืนค่าแถบความแรงของสัญญาณเครือข่ายและแก้ไขข้อบกพร่องชั่วคราวที่อาจทำให้สมาร์ทโฟนของคุณโทรเข้า-ออกไม่ได้


ปิดการโทรผ่าน Wi-Fi (Wi-Fi Calling)

Android Phone Not Receiving Calls 004

บนสมาร์ทโฟน Android เวอร์ชัน 11 มานั้นจะรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi ที่ทำให้คุณสามารถโทรผ่าน Wi-Fi ได้ ถึงแม้ว่าฟีเจอร์นี้จะเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานสะดวก แต่ในบางครั้งมันก็อาจไปขัดแย้งกับความสามารถในการโทรเข้า-ออกของสมาร์ทโฟนได้ ดังนั้นแล้วคุณควรลองทำการปิดการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวเพื่อเป็นทดสอบแก้ไขปัญหาดูว่าจะช่วยได้หรือไม่ วิธีการปิดการโทรผ่าน Wi-Fi นั้นสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เปิดการตั้งค่า(Settings)และแตะที่การเชื่อมต่อ(Connections)หรือเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต(Network and Internet)
  2. จากนั้นแตะที่การโทรผ่าน Wi-Fi(Wi-Fi Calling)
  3. หากเปิดใช้งาน ให้สลับสวิตช์เพื่อปิดใช้งานการโทรผ่าน Wi-Fi
  4. เมื่อปิดใช้งาน ให้ตรวจสอบว่าคุณสามารถโทรเข้า-ออกได้หรือไม่

ใส่ซิมการ์ดใหม่

60a6c911e25d05001880cc38

ในบางครั้งแล้วปัญหาการโทรเข้า-ออกไม่ได้อาจจะเกิดมาจากการที่ SIM Card ผิดพลาด ซึ่งคุณสามารถที่จะสังเกตได้จากการที่นอกจากคุณจะไม่สามารถโทรเข้า-ออกได้แล้วนั้นตัวเครื่องอาจจะเชื่อมต่อเครือข่ายไม่ได้หรือใช้งานข้อมูล(อินเทอร์เน็ต)ไม่ได้เลย

กรณีนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องเก่าและผู้ที่พึ่งเปลี่ยนสมาร์ทโฟนไปเป็นเครื่องใหม่ ปกติถาดใส่ SIM Card จะถูกออกแบบมาให้ใส่ได้เพียงด้านเดียวเพื่อความถูกต้องในการใช้งานอยู่แล้ว เพื่อตรวจสอบให้คุณลองใช้เข็มจิ้ม SIM กดเอาถาดใส่ SIM ออกมาแล้วลองใช้ยางลบทำความสะอาดหน้าสัมผัสของชิปบน SIM Card ดู(ห้ามใช้น้ำเด็ดขาด) หลังจากนั้นให้ลองใส่ SIM Card กลับเข้าไปอีกครั้งแล้วตรวจสอบปัญหา หากยังไม่ได้และเครื่องของคุณลองรับการใช้งาน SIM Card มากกว่า 1 SIM ให้คุณลองทำการเปลี่ยนช่องใส่ SIM Card ดูด้วยเพื่อดูว่าปัญหาได้ถูกแก้ไขแล้วหรือไม่


ปิดใช้งานการกรองการโทรบนแอป Phone

pixel 6 phone app

สำหรับสมาร์ทโฟน Google Pixel จะมีฟีเจอร์ Call Screen หรือการกรองสายโทรเข้า-ออกในแอปโทรศัพท์(Phone) ซึ่งจะช่วยให้คุณคัดกรองสายเรียกเข้าจากหมายเลขที่ไม่รู้จักได้ อันที่จริงฟีเจอร์นี้ถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก(โดยเฉพาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มิจฉาชีพเยอะไปหมด) แต่บางครั้งฟีเจอร์นี้ก็อาจทำให้โทรศัพท์ของคุณหยุดรับสายไปซะดื้อๆ เพราะมันจะบล๊อคเบอร์แปลกเอาไว้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้สมาร์ทโฟนซีรีย์ Pixel ของ Google ให้ปิดใช้ Call Screen เพื่อแก้ไขปัญหา

ฟีเจอร์การกรองสายเข้า-ออกเป็นคุณสมบัติของอุปกรณ์ Google Pixel สำหรับสมาร์ทโฟน Android ที่ไม่ใช่ Pixel คุณอาจจะเกิดปัญหาจากการติดตั้งแอปพลิเคชั่นกรองสายเข้า-ออกอย่างเช่น Whoscall เอาไว้ดังนั้นให้คุณเข้าไปทำการปิดการกรองในแอปที่คุณใช้เพื่อทดสอบดูว่าสมาร์ทโฟน Android ของคุณสามารถใช้งานโทรเข้า-ออกได้ปกติหรือไม่

หากต้องการปิดการกรองสายเข้าออกบนสมาร์ทโฟนซีรีย์ Pixel ให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เปิดแอปโทรศัพท์(Phone)แล้วแตะเมนูสามจุดที่มุมขวาบน
  2. แตะที่การตั้งค่า(Settings)
  3. จากนั้นแตะที่สแปม(Spam)และหน้าจอการโทร(Call Screen)
  4. แตะที่กรองการโทร(Call Screen)และตั้งค่าเป็นปิด(Off)

รีสตาร์ทสมาร์ทโฟน Android

Shut down phone without power button

การรีบูตถือว่าเป็นวิธีการที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ บนสมาร์ทโฟน Android ของคุณได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่งเพราะในบางครั้งการใช้งานสมาร์ทโฟน Android เป็นระยะเวลานานมากๆ โดยที่ไม่ได้เปิด-ปิดเครื่อง(หรือรีสตาร์ทใหม่) ก็จะทำให้ระบบปฎิบัติการ Android เกิดอาการเอ๋อขึ้นมาได้บ้าง สำหรับวิธีการรีสตาร์ทเครื่ิองของคุณนั้นสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้เพื่อดูตัวเลือกการปิดเครื่องหรือรีสตาร์ท(Shutdown/Restart)
  2. แตะที่รีสตาร์ทแล้วแตะอีกครั้งที่รีสตาร์ท
  3. รอให้โทรศัพท์รีสตาร์ทและตรวจสอบว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

ทำการรีเซ็ตเครือข่าย

Android Phone Not Receiving Calls 005

การรีเซ็ตเครือข่ายจะคืนค่าคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายจำนวนหนึ่งกลับเป็นการตั้งค่าเริ่มต้น(ไม่ใช่การรีเซ็ทเครื่องทัั้งหมด ให้คุณระวังว่าในขั้นตอนนี้นั้นไม่ใช่การให้คุณทำการ Factory Reset หรือการคืนค่าโรงงาน) นอกจากข้อมูลเครือข่ายมือถือ, Wi-Fi และ Bluetooth แล้ว วิธีการนี้ยังรีเซ็ตการตั้งค่าการเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ เช่น โหมดการเลือกเครือข่ายอีกด้วยต่างหาก สำหรับวิธีการนั้นให้คุณทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. แตะที่การตั้งค่า(Settings)เพื่อดูการตั้งค่าโทรศัพท์ของคุณ
  2. เลื่อนลงและแตะที่การจัดการทั่วไป(General Management) สำหรับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ คุณอาจพบคุณสมบัตินี้ภายใต้ตัวเลือกขั้นสูง(Advanced options)
  3. จากนั้นแตะที่รีเซ็ต(Reset)
  4. แตะที่รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย(Reset network settings)
  5. แตะรีเซ็ตการตั้งค่า(Reset Settings)แล้วป้อน PIN ปัจจุบันของคุณเพื่ออนุมัติการดำเนินการ

ติดตั้งการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่รอดำเนินการ

Android Phone Not Receiving Calls 006

ในบางครั้งสมาร์ทโฟน Android ของคุณอาจโทรเข้า-ออกไม่ได้เนื่องจากข้อผิดพลาดในเฟิร์มแวร์ของสมาร์ทโฟนที่คุณพึ่งอาจจะทำการอัปเดทใหม่(โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ใช้ที่ร่วมเป็นผู้ทดสอบที่จะได้รับเฟิร์มแวร์เวอร์ชันทอสอบที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งอาจจะมาพร้อมกับข้อผิดพลาดหลายๆ อย่างได้)

ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของคุณอาจรวมการแก้ไขไว้ในการอัปเดตเฟิร์มแวร์ครั้งต่อไป(หรือหากเป็นข้อผิดพลาดใหญ่ๆ หลายครั้งมากจะเห็นได้ว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงผู้ผลิตจะรีบปล่อยอัปเดทเพื่อแก้ไขออกมาอย่างรวดเร็ว) ดังนั้นการตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่รอดำเนินการของโทรศัพท์และติดตั้งเพื่อดูเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยสามารถแก้ไขปัญหาให้คุณได้ สำหรับวิธรการอัปเดตสมาร์ทโฟน Android ของคุณนั้นสามารถที่จะทำได้ดังต่อไปนี้

  1. แตะที่การตั้งค่า(Settings)
  2. เลื่อนลงและแตะที่ อัปเดตซอฟต์แวร์(Software update) ในอุปกรณ์บางรุ่นคุณอาจพบตัวเลือกนี้ภายใต้ความปลอดภัย(Security)หรือการอัปเดตระบบ(System Updates) หรือบางครั้งตัวเครื่องก็จะแจ้งเตือนการอัปเดทเฟิร์มแวร์โดยตรงผ่านทางการแจ้งเตือนบน Notifications
  3. แตะที่ ตรวจสอบการอัปเดต(Check for updates) และแตะ ตกลง(OK) เพื่อยืนยันการดำเนินการ
  4. ตัวอัปเดตจะตรวจสอบการอัปเดตใหม่ หากมีการอัปเดตให้ดำเนินการดาวน์โหลดและติดตั้งการอัปเดต หลังจากรีสตาร์ทให้ตรวจสอบว่าคุณสามารถโทรเข้า-ออกได้หรือไม่

บางครั้งปัญหาก็ไม่ได้เกิดจากสมาร์ทโฟนของคุณ

หากคุณได้ลองทำตามขั้นตอนเบื้องต้นทั้ง 9 ขั้นตอนในบทความนี้แล้วและยังพบว่าปัญหาเรื่องการโทรเข้า-ออกยังเกิดขึ้นอยู่กับสมาร์ทโฟนของคุณ ในบางครั้งต้นเหตุของปัญหาจริงๆ อาจจะมาจากผู้ให้บริการเครือข่ายเช่นคุณอาจจะอยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณโทรศัพท์อ่อนเกินไปในบางครั้งหรือที่หนักไปกว่านั้นก็คือช่วงเวลาที่คุณโทรเข้า-ออกไม่ได้นั้นเครือข่ายของผู้ให้บริการที่คุณใช้งานอยู่อาจจะเกิดอาการสัญญาณล่มชั่วขณะ

อย่างไรก็ดียังมีอีกหนึ่งสาเหตุที่สำคัญซึ่งนั่นก็คือการที่ SIM Card พัง ซึ่งการที่ SIM Card พังนั้นจะแบ่งเป็น 2 กรณีก็คือพังจากตัว SIM Card เองอันเนื่องมาจากชิปข้อมูล SIM Card อาจจะหน้าสัมผัสเสียหายซึ่งหากเป็นเช่นนี้คุณจะต้องนำเอา SIM Card ไปเปลี่ยนที่ศูนย์บริการผู้ให้บริการเครือข่ายที่ใกล้บ้านของคุณ แต่หากเปลี่ยนแล้วก็ยังพบอาการเดิมอยู่ล่ะก็นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าสมาร์ทโฟนของคุณอาจจะมีปัญหาอะไรสักอย่างเกิดขึ้นภายในฮาร์ดแวร์ตัวเครื่องก็เป็นได้ ซึ่งหากเป็นกรณีหลังนี้เราขอแนะนำให้คุณนำเอาสมาร์ทโฟนของคุณไปหาช่างที่ไว้ใจได้เพื่อดูอาการและแก้ไขต่อไป

ที่มา : makeuseof, giznext

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก