ในงาน TME 2018 มีสมาร์ทโฟนจาก Xiaomi สองรุ่นใหม่โผล่มาเซอร์ไพรส์กันในงานด้วย นั่นก็คือ Xiaomi Redmi Note 6 Pro ที่เปิดตัวที่ไทย เป็นที่แรกในโลกเลยก็ว่าได้ และ Pocophone F1 รุ่นพิเศษ ที่ตอนแรกไม่เข้ามา นั่นก็คือ Pocophone F1 Armored Edition ที่หลายคนชื่นชอบกันนั่นเอง เราจึงไปลองจับให้เพื่อน ๆ ได้เห็นตัวจริงกันไปดูกันเลยครับ
รายละเอียด Pocophone F1 Armored Edition
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 1080 x 2246 พิกเซล อัตราส่วน 18.7:9 ความสว่างสูงสุด 500 nit
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 845 CPU Octa-core (4×2.8 GHz Kryo 385 Gold & 4×1.7 GHz Kryo 385 Silver) พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 630
- RAM 6 GB LPDDR4X
- ความจุ 128 GB
- รองรับ microSD สูงสุด 256 GB
- กล้องหลัง Dual Camera ความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/1.9 เลนส์ Sony IMX363 พร้อมเทคโนโลยี AI
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/2.0
- รองรับ Dual SIM แบบ Hybrid Slot
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมกับฟีเจอร์ Quick Charge 3.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo พร้อมกับ MIUI 9.6
- ฟีเจอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำ LiquidCool
- ระบบปลดล็อคหน้าจอด้วยอินฟราเรด
- ลำโพงขับเสียงสเตอริโอ
- มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- ฝาหลังเป็นเคฟลาร์
- ราคา 12,990 บาท
ตอนงานเปิดตัว Pocophone F1 หรือ Poco F1 สมาร์ทโฟนตัวคุ้มที่ให้ชิป Snapdragon 845 ราคาถูกที่สุดในไทย ดูเหมือนว่า Xiaomi Thailand จะข้ามรุ่นพิเศษ Poco F1 Armored Edition ที่เป็นฝาหลังเคฟลาร์ไป และไม่น่าจะนำเข้ามาจำหน่าย ล่าสุดในงาน Thailand Mobile Expo 2018 Showcase ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่บูธ TG Fone มีการจำหน่าย Pocophone F1 รุ่นพิเศษนี้ ในจำนวนจำกัด สนนราคา 12,990 บาท สเปคเป็น Ram 6 GB/ ROM 128 GB
นอกจากฝาหลังเคฟล่าร์แล้ว ทุกอย่างจะเหมือนเดิม พูดง่าย ๆ คือเปลี่ยนแค่ฝาหลัง ซึ่งไปลองจับดูแล้ว ให้สัมผัสที่ดีมาก ไม่ใช่พลาสติกหลอก ๆ เล่นลวดลายเฉย ๆ เป็นอารมณ์แบบนุ่ม ๆ หนึบมือ
ส่วนด้านหน้าตัวเครื่อง Pocophone F1 เดิม ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
อ่าน Review Pocophone F1
ไปดูตัวเด่นอีกตัวกันบ้าง ก็คือ Xiaomi Redmi Note 6 Pro
รายละเอียดสเปค Xiaomi Redmi Note 6 Pro
- หน้าจอ IPS LCD ความละเอียด Full HD+ 1080 x 2160 พิกเซล ขนาด 6.26 นิ้ว
- ขนาดตัวเครื่อง 158.6 x 76.4 x 8.2 มม.
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 636 และชิปประมวลผลกราฟฟิก Adreno 509
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64 GB และ Ram 4 GB
- รองรับ Micro SD Card สูงสุด 256 GB
- กล้องหลัง Dual Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 + 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมกับ Dual LED Flash
- กล้องหน้า Dual Camera ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซลพร้อมกับ LED Flash
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง และเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าด้วยอินฟาเรด
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม (Hybrid Slot)
- แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo
- ราคา 6,990 บาท
สำหรับสิ่งที่เปลี่ยนไปจากรุ่นเดิม (Redmi Note 5) อย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ เพิ่มหน้าจอเป็น 6.26 นิ้ว โดยการใช้ดีไซน์หน้าจอ Fullview มีติ่งบนหน้าจอจากการใช้กล้องหน้า Dual Camera ความละเอียด 20+2 ล้านพิกเซลพร้อมกับ LED Flash
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไร้ปุ่มใด ๆ จะมีเพียงช่องเสียบซิมการ์ดเท่านั้น เป็นถาดซิมแบบ Hybrid Slot รองรับ Nano Sim ส่วนด้านขวาของตัวเครื่อง ก็จะมีปุ่ม Power และปุ่มเพิ่มเสียง และลดเสียง
ด้านหลังของตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมด ให้สัมผัสที่ดูหรูหรา กล้องหลัง Dual Camera เรียงกันเป็นแนวตั้งชิดขอบตัวเครื่องบนซ้าย ซึ่งนูนออกมาพอสมควร ดังนั้นเวลาจะวางเครื่องต้องวางเบา ๆ หน่อย เดี๋ยวกล้องเป็นรอยได้
ขนาดตัวเครื่องเท่าพอดีมือ มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นในขนาดที่ใกล้เคียงกับรุ่นเดิม
เพิ่มคือสีแดง เอาใจคนชอบสีแดง