งาน Thailand Mobile Expo 2013 Showcase ที่ศูนย์สิริกิติ์รอบนี้ แม้จะเป็นงานวันแรก แต่ก็จัดว่าคึกคักมากครับ เนื่องมาจากแบรนด์ต่างๆ ได้นำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มาวางจำหน่ายและโปรโมตอย่างเป็นทางการกันที่งานนี้เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มของเครื่องรุ่นเรือธงที่น่าจับตามอง ที่ต่างฝ่ายต่างจัดโปรกันมาอย่างเต็มที่เลยทีเดียว ในบทความนี้เราจะมา hands-on สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ๆ ที่เป็นตัวเอกของงานกันครับ ว่ามีอะไรบ้าง
Samsung Galaxy Note 3 + Galaxy Gear
สเปค Samsung Galaxy Note 3:?https://specphone.com/Samsung/Galaxy-Note-3/?ราคา 23,500 บาท
หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับ Galaxy Note II ตอนนี้ก็ถึงเวลาของรุ่นใหม่อย่าง Note 3 เข้ามาทำตลาดแทนแล้วครับ ซึ่งหน้าตาของตัวเครื่องก็มาในดีไซน์สไตล์ของ Samsung ที่ดูคล้ายๆ กันในหลายรุ่น แต่จุดที่เด่นของ Note 3 ก็คือหน้าจอขนาดใหญ่ ขอบจอค่อนข้างบาง โดยเครื่องที่ผมลองเล่นดู สีสันหน้าจอสดสวยคมชัดดีมากครับ การทำงานโดยทั่วไปก็ไหลลื่นดี สมกับเป็นมือถือสเปคแรงแห่งปี น้ำหนักเมื่อเทียบกับตัวขนาดหน้าจอแล้ว จัดว่าไปหนักเกินไป สามารถพกพาได้สบายๆ
ผิวด้านหลังเป็นพลาสติกที่ทำลวดลายและสัมผัสให้คล้ายหนัง ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวครับ ทำให้สามารถจับแล้วสบายมือขึ้นกว่าจับเนื้อพลาสติกแข็งๆ ซึ่งสีดำนี้คงไม่ต้องห่วงอะไร แต่ถ้าเป็นฝาหลังสีขาว อันนี้ไม่แน่ใจว่าเมื่อใช้ไปนานๆ แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเปล่า ส่วนช่องด้านล่างเป็นช่องใส่ปากกา S Pen ครับ แต่ในเครื่องที่โชว์นี้ไม่มีใส่ไว้
ดูด้านข้างของ Note 3 กัน สังเกตว่าตัวเครื่องจัดว่าบางมาก จุดและพอร์ตเชื่อมต่อที่น่าสนใจก็เช่น ช่องเล็กๆ ฝั่งซ้ายของด้านบนเครื่อง อันนี้เป็นช่องของพอร์ตอินฟราเรดนะครับ หลักๆ คือใช้สำหรับเป็นรีโมทสั่งงานอุปกรณ์ต่างๆ (เพราะคงไม่มีใช้อินฟราเรดส่งข้อมูลระหว่างมือถือกันแล้วล่ะ) อีกจุดที่น่าสนใจก็คือด้านล่างของตัวเครื่อง ที่ได้เปลี่ยนเป็นพอร์ตรองรับ USB 3.0 แล้ว ซึ่งประโยชน์ที่จะเห็นได้ชัดที่สุดก็คือการถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง Note 3 กับคอมพิวเตอร์ได้เร็วขึ้นกว่าสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในปัจจุบัน (ต้องเชื่อมเข้ากับพอร์ต USB 3.0 ของคอมพิวเตอร์ด้วยนะ) โดยรูปร่างพอร์ตที่ Note 3 จะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยครับ น่าเสียดายที่ไม่สามารถแกะสายล็อกเครื่องออกได้ จึงไม่ได้เห็นกันแบบเต็มๆ แต่แม้ว่าจะเปลี่ยนหน้าตาพอร์ตไป แต่ผู้ใช้ก็ยังสามารถใช้สาย Micro USB เสียบชาร์จไฟและซิงค์ข้อมูลได้เช่นเดิม แต่ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลจะอยู่ที่ระดับ USB 2.0 ทั่วไปเท่านั้น
ด้านข้างซ้ายและขวาก็ไม่มีอะไรผิดปกติครับ ฝั่งซ้ายเป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงและฝั่งขวาเป็นปุ่ม Power อยู่ในตำแหน่งค่อนไปทางด้านบนจอ
Samsung Galaxy Gear
Galaxy Gear จัดเป็นหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่หลายคนให้ความสนใจกันไม่น้อยเลย เนื่องด้วยฟีเจอร์ของ Gear ที่สามารถเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้หลากหลายรูปแบบ ที่เห็นภาพได้ชัดสุดก็คือเราสามารถรับสายและคุยโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Gear ได้โดยที่ไม่ต้องยกมือถือออกมาเลย ทั้งยังสามารถถ่ายรูปจากกล้องในตัวของ Galaxy Gear ได้อีกด้วย อีกหนึ่งข้อที่ทำให้หลายคนสนใจก็คือจะมีแอพพลิเคชันทยอยออกมาให้ดาวน์โหลดมาใช้งานบน Galaxy Gear ได้อีกด้วย
โดยสนนราคาของ Galaxy Gear ปกติก็อยู่ที่ 8,900 บาท แต่ในงาน TME 2013 รอบนี้ Samsung จัดโปรโมชันร่วมกับ Galaxy Note 3 ทำให้สามารถรับสิทธิ์ซื้อ Galaxy Gear ในราคาเพียง 4,450 บาทอีกด้วย ตามเงื่อนไขในภาพด้านล่างนี้ครับ
โดย Galaxy Gear เครื่องที่มีโขว์ในงานจะมีตัวล็อกเครื่องติดกับแท่นอยู่นะครับ คือส่วนที่เป็นสีเทาใต้ตัวเรือน ซึ่งอ้อมมาล็อกขั้วสายด้วย ดังนั้น Galaxy Gear ตัวจริงจะบางกว่าในรูปนะ
ลักษณะตัวเครื่องจัดว่าดูหรูหราแข็งแรงไม่น้อยเลยทีเดียว ตัวเรือนภายนอกทำจากโลหะ สายทำมาจากยาง หน้าจอ Super AMOLED ให้สีสันสดใสภาพคมชัดดี จุดดำเล็กๆ ที่ภาพซ้ายบนนั้นคือช่องรับเสียงของไมค์ในตัวครับ โดยถ้าหากเรายกนาฬิกาขึ้นมา จอก็จะสว่างขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
สเปค Galaxy Gear คร่าวๆ
- ชิปประมวลผล Exynos 4212 Single-core ความเร็ว 800 MHz
- แรม 512 MB หน่วยความจำภายใน 4 GB
- หน้าจอขนาด 1.63 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด 320×320
- กล้องความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล รองรับ Auto Focus สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 720p ได้นานคลิปละ 10 วินาที
- มี Bluetooth 4.0
- แบตเตอรี่ 315 mAh
เท่าที่ลองสัมผัสดู ตัวเครื่องจัดว่าแข็งแรงใช้ได้ครับ แต่น่าเสียดายที่อาจจะต้องระวังในการใช้งานหน่อย เพราะตัวนาฬิกามันไม่กันน้ำนะครับ
ในขณะนี้ Galaxy Gear สามารถใช้งานร่วมกับ Galaxy Note 3 และ Galaxy Note 10.1 รุ่นใหม่ (2013) เท่านั้น แต่จะมีการอัพเดตซอฟต์แวร์ให้เครื่องรุ่นอื่นๆ สามารถใช้งานร่วมกับ Galaxy Gear ได้ในอนาคตครับ หลักๆ ก็จะเป็น Galaxy S4, Galaxy S III และ Galaxy Note II
Sony Xperia Z1
สเปค Sony Xperia Z1:?https://specphone.com/Sony/Xperia-Z1/ ราคา 20,900 บาท
สำหรับสาวกอารยธรรม Sony ปีนี้ก็มีเรือธงขนาดพกพาสะดวกมาต่อยอด Xperia Z นั่นคือ Sony Xperia Z1 ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ของ Sony ทั้งหน้าจอที่ใช้พาเนลเทคโนโลยี Triluminos พร้อมชุดเลนส์ G Lens ที่ได้รับการพัฒนามาให้มีคุณภาพการทำงานที่ดีกว่าในสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป ส่วนตัวเครื่องภายนอกก็ได้รับการปรับปรุงจาก Xperia Z ในหลายๆ จุด เช่นขอบเครื่องที่โค้งมนยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถจับถือได้สบายมือกว่าเดิม
โดยหลักๆ Xperia Z1 จะมีให้เลือกด้วยกันสองสีคือดำกับขาวนะครับ ส่วนสีม่วงคงต้องรอลุ้นกันอีกทีว่าจะเข้ามาขายในไทยหรือเปล่า
ขอบข้างโค้งมนลงไปมากครับ ทำให้สัมผัสเวลาจับเครื่องใช้งานดีขึ้นกว่า Xperia Z มากๆ
อีกจุดที่จะช่วยทำให้สังเกตข้อแตกต่างระหว่าง Xperia Z1 กับ Xperia Z ได้ก็คือช่องเสียบแจ็คหูฟังด้านบนเครื่อง เนื่องจากใน Z1 จะไม่มีฝาปิดอีกแล้ว (รูปซ้ายบน) ส่วนของ Z จะซ่อนช่องทั้งหมดไว้ใต้ฝาปิดกันน้ำ แต่ทั้งนี้ Xperia Z1 ก็ยังคงมาพร้อมความสามารถในการป้องกันน้ำ และสามารถใช้งานเครื่องในน้ำได้ด้วย?ส่วนด้านล่างของเครื่องก็จะเป็นตำแหน่งของช่องลำโพง ซึ่งดูแล้วน่าจะให้เสียงออกมาได้ดังกว่า Z พอสมควร
ฝั่งซ้ายของเครื่องจะมีช่อง Micro USB ซ่อนอยู่ใต้ฝาปิดกันน้ำ ส่วนตรงกลางนั้นเป็นช่องสำหรับต่อ dock เสริมครับ ปิดท้ายด้วยฝั่งขวาของเครื่องจะมีปุ่ม Power ที่เป็นหมุดสีเทาอยู่ตรงกลาง ใกล้ๆ กันนั้นเป็นแผงปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ปุ่มที่อยู่ริมซ้ายของภาพคือปุ่มชัตเตอร์สำหรับถ่ายรูป/วิดีโอ ทำให้่สามารถถ่ายภาพและวิดีโอใต้น้ำได้อย่างไม่มีปัญหาเรื่องจออีกต่อไป
Nokia Lumia 1020
สเปค Nokia Lumia 1020:?https://specphone.com/Nokia/Lumia-1020/ ราคา 24,900 บาท
ในช่วงสองสามปีหลังมานี้ จุดเด่นของ Nokia ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือการเป็นผู้นำในด้านกล้องมือถือ โดยเฉพาะการพัฒนาเซ็นเซอร์รับภาพและระบบประมวลผลภาพที่มีชื่อว่า PureView จนติดตลาดและหลายคนยกให้ Nokia เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่กล้องดีที่สุดไปเลยทีเดียว
มาในปีนี้ Nokia ก็ได้จับเอาเทคโนโลยี PureView เข้ามาใส่ในเครื่อง Windows Phone 8 ตระกูล Lumia ของตนอย่างเต็มตัวใน Nokia Lumia 1020 ซึ่งจุดเด่นสุดก็อยู่ตรงที่กล้องหลัง เพราะมันมาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ถึง 41 ล้านพิกเซล เพื่อให้สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้มากกว่า สามารถซูมภาพหลังถ่ายได้ดีกว่า ชัดเจนกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป แม้ว่าราคาจะปรับขึ้นจากปกติไปบ้าง แต่ถ้าแลกมาด้วยคุณภาพกล้อง ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ (สำหรับคนที่เงินถึง)
ซึ่งในงาน TME 2013 ครั้งนี้ ที่บูท Nokia ก็มีเครื่อง Lumia 1020 ให้ลองเล่นกันหลายเครื่องเลยทีเดียว จากที่ได้สัมผัสมาทั้งจากในงานนี้และก่อนหน้านี้ ด้านฮาร์ดแวร์ภายนอกก็ยังคงเป็นจุดเด่นของ Nokia อยู่ครับ งานประกอบดี วัสดุดึ สัมผัสตัวเครื่องทำออกมาได้เนียนมือมาก โดยเฉพาะส่วนโค้งที่ขอบเครื่อง ซึ่งทำให้สามารถถือไว้ในมือได้สบายมือดี หน้าจอเครื่องให้สีสันสวยงาม คมชัด แม้ contrast อาจจะสูงไปหน่อยก็ตาม
จุดเด่นที่โดดไปจากสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นในตลาดก็คือโมดูลกล้องบนฝาหลังที่นูนขึ้นมานี่ล่ะครับ จากที่ลองถือจริง มันก็ไม่ได้เพิ่มความลำบากให้กับการใช้งานมากนัก แถมไม่ต้องกลัวว่านิ้วหรือวัตถุอื่นจะไปกระแทกโดนกระจกหน้าเลนส์ด้วย เพราะระบบจะปิดฝาเลนส์อัตโนมัติเมื่อเราไม่ได้ใช้งานกล้อง
สังเกตว่าตัวเครื่องจะดูค่อนข้างหนานิดนึงครับ แต่พอจับจริงๆ มันก็ไม่ได้หนาเกินไปหนัก ถือใช้งานง่ายกว่า Lumia 920 ด้วยซ้ำ
จับเทียบกับกันระหว่างสีขาว สีเหลืองและสีดำครับ
ปิดท้ายด้วยรุ่นเรือธงอีกตัวที่ได้รับความสนใจในงานเป็นอย่างมาก นั่นคือ LG G2 ที่มีจุดเด่นคือการย้ายปุ่มกดทั้งหมดไปไว้หลังเครื่อง ประกอบกับดีไซน์โดยรวมที่ออกมาดี และปัจจัยสุดท้ายก็คือราคาเปิดตัวซึ่งอยู่ที่ 19,900 บาทเท่านั้น แถมในงาน TME 2013 รอบนี้ หลายๆ ร้านยังมีโปรโมชันของแถมแบบสะใจเลยด้วย เช่นแถมเคส ฟิล์มกันรอย เป็นต้น (บางร้านแถมมากกว่านี้อีก)
สเปค LG G2:?https://specphone.com/LG/G2/
บทความ hands-on LG G2 : คลิกที่นี่
โบรชัวร์โปรโมชันทั้งหมดในงาน Thailand Mobile Expo 2013 Showcase (TME 2013)?โดยงานจะมีถึงวันที่ 6 ตุลาคมนี้เท่านั้น