ในงาน Commart Thailand 2013 ครั้งนี้ แวดวงของสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตดูจะไม่มีไฮไลท์เด่นๆ มากนัก เนื่องจากงานนี้สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคอมพิวเตอร์ซะมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ยังมีแท็บเล็ต Android มาเปิดตัวเป็นครั้งแรก พร้อมให้ลองเล่นด้วย นั่นคือ ASUS Fonepad ที่เพิ่งมีการเปิดตัวไปเมื่องาน MWC 2013 ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แน่นอนว่าทาง SpecPhone เราก็ไปจัดการ hands-on มาให้ชมอีกเช่นเคยครับ ไปดูกันเลยดีกว่า
ตัวของ ASUS Fonepad นั้น เป็นผลิตภัณฑ์ในไลน์ของแท็บเล็ต ที่เหนือกว่าแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ ของ ASUS ก็คือความสามารถในการใช้เป็นโทรศัพท์ได้โดยตรงจากการเสียบซิมการ์ดเลย เรียกว่าน่าจะถูกใจหลายๆ ท่านที่อยากพกอุปกรณ์ชิ้นเดียว แต่คิดว่าสมาร์ทโฟนจอเล็กไป แท็บเล็ตปกติก็จอใหญ่ไป เราจึงได้เห็น ASUS Fonepad เข้ามาทำตลาดในส่วนนี้ครับ
สเปกของ ASUS Fonepad นั้นก็จัดว่าน่าสนใจมากทีเดียว โดยเฉพาะชิปประมวลผลที่ใช้เป็น Intel Atom Z2420 (Single-core) ที่มีโค้ดเนมว่า Lexington ซึ่งเป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม x86 จาก Intel ทำงานที่ความเร็ว 1.2 GHz โดยภายในใช้ GPU เป็น PowerVR SGX540 ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปครับ
ส่วนสเปกอื่นๆ ที่น่าสนใจก็ได้แก่
- หน้าจอ IPS ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1280 x800 รองรับการสัมผัสได้สูงสุด 10 นิ้วพร้อมกัน
- RAM 1 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 8 GB รองรับการใช้งาน microSD
- Android 4.1 Jelly Bean
- ใช้ Micro SIM สามารถใช้โทรได้จากในเครื่องเลย
- (น่าจะ) สามารถใช้งาน 3G ได้ทุกเครือข่าย
- กล้องหลัง 3 MP (รุ่นในยุโรปจะไม่มีกล้องหลัง)
- กล้องหน้า 1.2 MP
- มาพร้อมระบบเสียง SonicMaster
- น้ำหนักเครื่อง 340 กรัม
- ราคา 7,900 บาท
- สเปก ASUS Fonepad เต็มๆ
ตัวเครื่องของ ASUS Fonepad นั้น ใช้วัสดุหลักๆ ภายนอก (ด้านหลัง) เป็นอะลูมิเนียมอะโนไดซ์ทำให้มีน้ำหนักที่เบา ด้านหน้าเป็นกระจกทั้งแผ่น ออกแบบมาให้สามารถถือใช้งานด้วยมือเดียวได้สะดวก ขนาดกำลังพอดีมือ (แม้มือผมจะค่อนข้างเล็ก) รวมไปถึงยังสามารถยกขึ้นมาโทรได้อีกด้วย หน้าจอนั้นก็ใช้เป็นพาเนล IPS ที่ให้สีสันสวยงามและมุมมองกว้าง โดยจากเท่าที่ลองใช้งานดู มุมมองก็ค่อนข้างกว้างจริง แต่อาจจะไม่เท่ากับพวกเครื่องที่มีราคาสูงกว่าครับ (พาเนลจอก็มีหลายเกรดนะ) อย่างไรก็ตาม ก็จัดว่าดีกว่าแท็บเล็ตจีนหลายๆ รุ่นอยู่มากเลย
เหนือจอจะเป็นตำแหน่งของลำโพงสนทนา เนื่องด้วย ASUS Fonepad เป็นแท็บเล็ตที่สามารถโทรได้นั่นเอง ใกล้ๆ กันนั้นก็มีกล้องหน้าติดตั้งอยู่ ส่วนด้านล่างมีแต่โลโก้ ASUS เท่านั้น เพราะปุ่มสั่งงานต่างๆ จะเป็นปุ่ม softkey ที่แสดงผลบนจอ โดยมีสี่ปุ่มครบถ้วนสำหรับการใช้งาน ได้แก่ Back, Home, Recent App และปุ่มเรียกแถบ Notification ขึ้นมา
ด้านหลังอย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม โดยพื้นผิวจะเรียบๆ ลื่นมือพอสมควร แต่ก็ให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่ดี งานประกอบแน่นหนาตามสไตล์ ASUS ทั้งนี้ตัว Fonepad จะมีให้เลือกสองสีคือสีเทากับสีทอง โดยรุ่นที่มีให้ลองในงาน Commart จะเป็นตัวสีเทาครับ
ตรงแผ่นอะลูมีเนียมชิ้นบนที่แยกออกไปเป็นส่วนเล็กๆ ที่จริงแล้วมันคือฝาที่สามารถเปิดออกมาได้ ซึ่งภายในจะมีช่องใส่ไมโครซิมและ microSD สำหรับเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องครับ?
?ส่วนด้านขวาของเครื่องจะเรียบๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใดๆ เลย
ด้านล่างก็จะมีพอร์ตแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาตรฐาน ตรงกลางมีช่อง Micro USB สำหรับเสียบสายชาร์จ ทั้งนี้ใกล้ๆ กันก็จะมีช่องลำโพงอยู่ด้วย ซึ่งด้านคุณภาพเสียงนั้น เราจะทำการทดสอบและรีวิวให้ชมกันในภายหลัง
?ด้านบนก็มีเพียงช่องรับเสียงของไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนอยู่เท่านั้น
ระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมาคือ Android 4.1.2 Jelly Bean นั่นเอง และน่าจะได้รับการอัพเดตต่อไปในอนาคต ส่วนเรื่องความรู้สึกในการใช้งานนั้น เท่าที่ลองจับๆ เล่นๆ ดู ก็พบว่าสามารถทำงานได้ดี ส่วนใหญ่จะลื่น ตอบสนองได้ทันใจ จะมีเพียงบางครั้งที่มีกระตุกเล็กน้อย แต่โดยรวมจัดว่าน่าพอใจเลย น่าจะลื่นกว่าแท็บเล็ตจีนที่ราคาใกล้เคียงกันหลายๆ รุ่นด้วยซ้ำ
ลองจับ Nexus 4 (จอ 4.7 นิ้ว) มาเทียบขนาดกับ ASUS Fonepad (จอ 7 นิ้ว) ดูบ้าง
ทั้งนี้ ใครที่อยากลองเล่น ASUS Fonepad ก็สามารถมาได้ที่บูท ASUS ในงาน Commart Thailand 2013 ที่ศูนย์สิริกิติ์ถึงวันที่ 24 มีนาคมนี้นะครับ ส่วนคนที่สนใจจะซื้อ ในขณะนี้ทาง ASUS มีเปิดรับจองอยู่เป็นจำนวนจำกัด ทั้งนี้ถ้าจองในงาน จะต้องมัดจำไว้ก่อน 1,000 บาท จากนั้นจึงค่อยจ่ายส่วนที่เหลือในวันรับสินค้าจริงๆ ที่ห้างฟอร์จูนครับ ซึ่งจะมีการโทรแจ้งอีกครั้งเมื่อสินค้าพร้อม โดยทาง ASUS วางแผนไว้ว่าผู้ที่สั่งจองทุกคนน่าจะเริ่มได้รับของในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเมษายนเป็นอย่างเร็วที่สุด ส่วนการวางจำหน่ายทั่วไปนั้น ก็คาดว่าน่าจะเป็นภายในเดือนเมษายนเช่นกัน
ใครที่สนใจ ASUS Fonepad อยู่ก็อาจต้องรีบหน่อย เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาของเข้ามาน้อยเหมือนที่เคยเกิดกับ Nexus 7 หรือเปล่านะครับ สุดท้าย SpecPhone ก็ขอจบการ Hands-on ASUS Fonepad แต่เพียงเท่านี้ และเตรียมพบกับรีวิว ASUS Fonepad ได้ (เมื่อของมาถึง) จ้า