แม้ว่าในงาน Thailand Mobile Expo 2013 Showcase ที่ผ่านมา ทาง ?Acer ได้เปิดขายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Acer Liquid S1 ไปแล้ว ด้วยจุดเด่นของความเป็นแฟ็บเล็ตที่คุ้มค่าคุ้มราคา เนื่องด้วยความต้องการซื้อสมาร์ทโฟนในปัจจุบันของผู้ใช้งาน ก็มักจะอยากได้เครื่องที่จอใหญ่ๆ ใช้งานได้สะดวก ทำให้สินค้ากลุ่มแฟ็บเล็ตที่เป็นลูกครึ่งระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง Acer ก็เริ่มกระโดดเข้ามาในตลาดนี้ด้วยการใช้ Liquid S1 เป็นรุ่นแรก และก็ได้เสียงตอบรับจากตลาดอยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว แถมในงานยังมีลดราคาพิเศษลงมาเหลือแค่ 11,990 บาทอีกด้วย จากราคาเต็มที่ 13,900 บาท พร้อมของแถมแบบจัดเต็ม ส่วนหลังจากงาน TME 2013 ไปแล้ว ใครที่ซื้อ Acer Liquid S1 ก็ยังได้ของแถมอยู่นะครับ แต่จะได้ไม่เท่าในงาน
ในวันนี้จัดว่าเป็นงานเปิดตัว Acer Liquid S1 อย่างเป็นทางการสำหรับรอบสื่อมวลชนสายหลักครับ หลังจากเปิดตัวรอบย่อยไปแล้วหนึ่งรอบ โดยงานในรอบนี้จัดที่โรงภาพยนตร์ บางกอก แอร์เวย์ บลู ริบบอน สกรีน ณ สยามพารากอน โดยได้รับเกียรติจากคุณนิธิพัทธ์ ประวีณวงค์วุฒิ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และ คุณวิวัฒน์ เต็มสุขถวิล ผู้จัดการฝ่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์โมบิลิตี้ของ Acer ประเทศไทยมาพูดถึงภาพรวมและเจาะที่ผลิตภัณฑ์อย่าง Acer Liquid S1 แบบเป็นทางการ
สเปค Acer Liquid S1
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6589 Quad-core ความเร็ว 1.5 GHz
- แรม 1 GB
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720
- หน้าจอผลิตแบบ Zero Air Gap ทำให้ไม่มีความห่างระหว่างพาเนลจอกับกระจกปิดจอ
- หน่วยความจำภายใน 8 GB รองรับ microSD
- แบตเตอรี่ Li-polymer 2400 mAh
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์แบบ BSI
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- รองรับ 3G ความถี่ 900 และ 2100 MHz
- ใช้งานได้สองซิม
- Android 4.2
- รุ่นฝาหลังสีขาวจะวางจำหน่ายในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
สเปค Acer Liquid S1 เต็มๆ:?https://specphone.com/Acer/Liquid-S1/
โดยในด้านฟีเจอร์ของ Liquid S1 นั้น ก็ถูกออกแบบมาตามลักษณะการใช้งานที่ผู้ใช้นิยมใช้งานบนสมาร์ทโฟนของตนในหลายๆ จุด ฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็ยกตัวอย่างเช่น
Float Apps
อันนี้เราอาจจะคุ้นเคยกันมาบ้างในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่ง Acer เองก็จัดว่าเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำฟีเจอร์นี้มาอยู่บนสมาร์ทโฟนของตน โดยเจ้า Float Apps เหล่านี้ก็คือแอพที่แสดงผลในรูปแบบของหน้าต่างย่อยๆ ลอยอยู่บนหน้าจอ ลักษณะคล้ายกับเวลาเราทำงานบนคอมพิวเตอร์เลยครับ ทำให้เราสามารถเรียกใช้งานแอพย่อยๆ พวกนี้ได้แม้จะใช้งานแอพอื่นอยู่ โดยที่ไม่ต้องสลับหน้าจอเลย ซึ่งแอพกลุ่ม Float Apps นี้ยกตัวอย่างก็เช่น สมุดจด, เครื่องคิดเลข, Google Maps, กล้องถ่ายรูป เป็นต้น จะเห็นได้ว่าล้วนแล้วแต่เป็นแอพที่ได้รับความนิยมการใช้งานบนสมาร์ทโฟนด้วยกันทั้งสิ้น
Auto Profiles
สำหรับใครที่จำเป็นต้องเดินทางไปทำงาน ออกนอกสถานที่ เปลี่ยนสถานที่อยู่บ่อยๆ น่าจะชอบฟีเจอร์นี้ครับ เพราะเราสามารถตั้งค่าบันทึกไว้ได้เลยว่า ถ้าเราอยู่ที่ไหน จะให้เครื่องปรับการตั้งค่าเสียงเรียกเข้า ระบบสั่น ระบบ WiFi/3G/Bluetooth อย่างไรบ้าง ซึ่งเครื่องจะใช้การจับ GPS เพื่อบอกตำแหน่งและปรับ profile ให้โดยอัตโนมัติตามที่เราตั้งค่าไว้ล่วงหน้า
เช่น ถ้าอยู่ในบ้านก็เปิดเสียงริงโทนเบาๆ เปิดระบบสั่น ปิด 3G แล้วเปิด WiFi แทน ส่วนถ้าออกนอกบ้านก็อาจจะเปิดริงโทนดังสุด ปิด WiFi แล้วเปิด 3G เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต เป็นต้น นับว่าน่าจะเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์กับหลายคนอย่างแน่นอน
เลนส์กล้องมุมกว้าง 88 องศา
ช่วยให้เราสามารถเก็บภาพได้กว้างกว่า มากกว่าที่เคย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบถ่ายรูปหมู่
สามารถเชื่อมต่อเพื่อส่งภาพขึ้นจอแบบไร้สายได้ในตัว
ฟีเจอร์นี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องนำเสนองานบ่อยๆ ครับ (แต่ฝั่งของจอหรือโปรเจ็กเตอร์ต้องรองรับด้วย)
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ Live Screen ที่ทำให้เราสามารถแชร์หน้าจอที่กำลังใช้งานอยู่ ไปยังสมาร์ทโฟนของคนอื่นได้ด้วย ซึ่งเครื่องของอีกฝ่ายก็ต้องเป็น Acer รุ่นที่รองรับเทคโนโลยีนี้ด้วยนะครับ
ทั้งนี้ ทางเราจะมีรีวิว Acer Liquid S1 ตามมาให้อ่านในเร็วๆ นี้ รอติดตามชมกันได้ครับ
แต่จุดที่น่าสนใจในงานที่สุดนี้ก็คือการนำ Acer Liquid S2 มาโชว์และให้สัมผัสในงานครับ ซึ่งจัดว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ หลังจากเปิดตัวในต่างประเทศมาแล้วระยะหนึ่ง
สำหรับใครที่คิดว่า “อ้าว เพิ่งขาย S1 ไป จะมี S2 มาอีกแล้วเหรอ” อันนี้ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะว่า Acer Liquid S2 จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องระดับพรีเมียม ผิดจาก Liquid S1 ที่เป็นเครื่องระดับกลางกลุ่มกระแสหลัก (mainstream) โดยสเปคคร่าวๆ ของ Acer Liquid S2 เป็นดังนี้
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 (MSM8974) ความเร็ว 2.2 GHz Quad-core มาพร้อมชิปกราฟิก Adreno 330
- แรม 2 GB
- หน้าจอขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 ?367 PPI กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 3
- หน้าจอผลิตแบบ Zero Air Gap ทำให้ไม่มีความห่างระหว่างพาเนลจอกับกระจกปิดจอ
- หน่วยความจำในตัว 16 GB รองรับ microSD สูงสุด 128 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.2 เซ็นเซอร์ BSI สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K (24fps) ได้ (1080p 60fps) รองรับการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน 4 เท่า และจัดเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่เปิดตัวมาพร้อมความสามารถการถ่ายวิดีโอระดับ 4K
- แฟลชสำหรับกล้องหลังมี 4 จุด (LED Ring Flash)
- กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับ 3G ความถี่ 900 และ 2100 MHz
- รองรับ 4G LTE ความถี่ 800/1800/2600 MHz (ใช้ของ Truemove H 2100 ไม่ได้)
- ใช้งานได้ซิมเดียว
- มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อ WiFi มาตรฐาน 802.11ac
- มี NFC
- มีไมโครโฟนรับเสียงในเครื่องถึง 4 ตัว เพื่อช่วยในการรับเสียงหลักและตัดเสียงรบกวนภายนอก
- มาพร้อมระบบเสียง Dolby Digital Plus
- แบตเตอรี่ Li-polymer ความจุ 3300 mAh
- Android 4.2.2
- ขนาดตัวเครื่อง 166 x 86 x 8.99 มิลลิเมตร
ด้านราคาของ Acer Liquid S2 นั้น จะอยู่ในช่วงสองหมื่นต้นๆ ครับ เป็นไปได้ว่าเราน่าจะได้เห็น Liquid S2 วางตลาดในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ใครกำลังเล็งๆ สมาร์ทโฟนระดับท็อปก็รอดูกันได้
พรีวิวฟีเจอร์และสเปคหลักๆ ครับ หลายจุดนี่เรียกได้ว่าสมความเป็นระดับท็อปจริงๆ
ผู้บริหารทั้งสองท่านจาก Acer พร้อม Liquid S2 (ซ้าย) และ Liquid S1 (ขวา) ครับ
เทียบกันระหว่าง Liquid S2 (ซ้าย) และ Liquid S1 ขวา สังเกตได้ว่าตัวเครื่องขนาดไม่ต่างกันเท่าไรนัก แต่ขอบจอด้านบนของ S2 จะแคบกว่า เนื่องมาจากจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว (S1 จอ 5.7 นิ้ว) ดังนั้นถึงแม้จะจอใหญ่ แต่ก็ไม่ได้พกลำบากไปกว่าสมาร์ทโฟนจอใหญ่ๆ ในปัจจุบันเท่าไรเลยครับ
ด้านหลังก็ยังคงใช้วัสดุเป็นพลาสติกโค้งงอได้เช่นเดียวกัน ผิวสัมผัสเนียนลื่นมือ
ถ้าดูจากมุมนี้ จะเห็นว่า Liquid S2 (ขวา) หนากว่า Liquid S1 (ซ้าย) อยู่นิดหน่อย
คราวนี้มาดูเจาะไปที่ Liquid S2 กันบ้างครับ ด้านหน้าของเครื่องก็เป็นรูปลักษณ์คล้ายๆ กับสมาร์ทโฟนของ Acer หลายๆ รุ่น สังเกตได้ว่าขอบจอด้านบนและด้านล่างแคบลงมาก จนทำให้ปุ่มสั่งงานด้านล่างทั้งสามปุ่มลงไปอยู่แทบจะสุดขอบเครื่องแล้ว ด้านการใช้งานจริงเท่าที่ผมลองเล่นดู การจะเลื่อนแถบ Notification จากด้านบนทำได้ลำบากพอสมควรครับ (ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมือผมเล็กด้วย)
ตรงวงขาวๆ รอบเลนส์กล้องนั้นคือวง LED Ring Flash นะครับ จุดเหลืองนั้นคือไฟ LED Flash ซึ่งมีอยู่สี่ดวง น่าสนใจไม่น้อยเลยว่าจะช่วยในการถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยได้ดีขนาดไหน (ถ้าได้รีวิว จะลองถ่ายมาให้ได้ชมกันครับ) สังเกตตรงมุมขวาบนของกล้อง จะมีจุดรับเสียงของไมโครโฟนอยู่
ด้านล่างมีติดไว้เลยว่ารองรับระบบเสียง Dolby Digital Plus ซึ่งข่วยให้เสียงที่ขับออกมาจาก Acer Liquid S2 ผ่านช่องหูฟังออกมามีพลัง ความคมชัด และคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นจากระบบเสียงปกติ ซึ่ง Acer เองได้ใส่ระบบเสียง Dolby Digital Plus มาแล้วในสมาร์ทโฟนของตนหลายๆ รุ่น แม้แต่ Acer Liquid Z3 ที่เป็นรุ่นราคาประหยัดก็ยังมี ดังนั้นรุ่นใหญ่สุดอย่าง Liquid S2 ก็ต้องมีมาด้วยเช่นกัน
ด้านบนของเครื่องก็จะมีช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ด้านซ้ายครับ (เมื่อหันหน้าจอเข้าตัว)
ด้านล่างมีเพียงช่องรับเสียงของไมโครโฟนสองตัว
ฝั่งขวาของเครื่องจะเป็นศูนย์รวมการเชื่อมต่อต่างๆ ไล่จากซ้ายมาก็เป็นช่อง Micro USB, ช่องใส่ microSD, ช่องใส่ไมโครซิม ปิดท้ายด้วยแถบของปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
ส่วนฝั่งซ้ายจะมีช่องลำโพงครับ (ไม่แน่ใจว่าเป็นลำโพงทั้งสองจุดหรือว่าลำโพงจุดเดียวแล้วอีกช่องหนึ่งเป็นช่องรับเสียงของไมค์หรือเปล่า) ทั้งนี้ Acer Liquid S2 ไม่สามารถแกะฝาหลังออกได้นะครับ
ก็นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมากทีเดียว สำหรับ Acer Liquid S2 ที่จะมาจับตลาดระไฮเอนด์ รวมไปถึง Acer Liquid S1 ที่อยู่ในตลาดเครื่องราคาหมื่นต้นๆ ที่ชิงความได้เปรียบในเรื่องขนาดจอใหญ่ถึง 5.7 นิ้ว ซึ่งยังมีคู่แข่งไม่เยอะมากนัก ใครที่สนใจ Liquid S1 ก็สามารถหาซื้อและลองเล่นได้ตามตัวแทนจำหน่ายของ Acer และร้านขายสมาร์ทโฟนชั้นนำ ส่วน Liquid S2 ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร น่าจะได้เจอกันในช่วงต้นเดือนหน้าครับ