รู้หรือไม่ว่าในหนึ่งวัน คนเราใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 5 นาทีในการค้นหาสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ หรือนาฬิกา และส่วนมากของเหล่านี้มักจะวางอยู่ไม่ไกลตัวเราเท่าไหร่ จากปัญหานี้เอง ทำให้ซัมซุงได้คิดค้นอุปกรณ์ติดตามอัจฉริยะอย่างGalaxy SmartTag (กาแลคซี่ สมาร์ทแท็ค) ที่ช่วยให้เราหาข้าวของต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ปัญหากวนใจของใครหลายๆ คน ด้วยขนาดที่เล็กกว่า 4×4 ซม. และเบาเพียง 13 กรัม จึงสามารถคล้อง SmartTag ไว้กับกุญแจบ้าน กระเป๋าเอกสาร หรือสัมภาระส่วนตัวอื่นๆ ได้สบาย เพิ่มความอุ่นใจ เช็คตำแหน่งได้ทุกที่ทุกเวลาจากสมาร์ทโฟนซัมซุงในมือ
Galaxy SmartTag ถือเป็นดีไวซ์ใหม่ในกาแลคซี่อีโคซิสเต็ม ที่มีวิธีการใช้งานง่ายๆ เริ่มต้นด้วยการเชื่อมต่อ Galaxy SmartTag กับสมาร์ทโฟนซัมซุง[1] ผ่านการเปิดแอปพลิเคชัน SmartThings แล้วกดปุ่มบน SmartTag เพื่อส่งสัญญาน จากนั้นที่หน้าจอสมาร์ทโฟนจะมีหน้าต่าง Pop-up ปรากฏขึ้น เลือก ‘Add now’[2] เมื่อตั้งค่าตามขั้นตอนเสร็จสิ้น ก็สามารถนำ SmartTag ไปคล้องกับสิ่งของที่ต้องการ เพื่อติดตามตำแหน่งใน SmartThings Find ได้เลย
Galaxy SmartTag ถูกดีไซน์มาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชีวิตเราง่ายขึ้น โดยเฉพาะการค้นหาของชิ้นสำคัญที่มักหายไปในเวลาเร่งรีบอย่างกุญแจรถ หลายคนถึงกับต้องเทกระเป๋าออกมาเพราะหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ซึ่งความวุ่นวายนี้จะหมดไปเพียงหยิบสมาร์ทโฟนกาแลคซี่ขึ้นมาแล้วเปิด SmartThings Find จากนั้นกดที่ฟีเจอร์ ‘ส่งเสียง’ เพื่อให้ Galaxy SmartTag ที่เราคล้องไว้กับพวงกุญแจส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้น[3] เพียงเท่านี้เราก็สามารถเดินตามหาได้อย่างง่ายดาย ประหยัดทั้งแรงและเวลา ไม่เสียอารมณ์อีกด้วย
ในทางกลับกัน บางทีเรามักลืมว่าวางสมาร์ทโฟนไว้ที่ไหนของบ้าน จะโทรเข้าก็ดันปิดเสียงเอาไว้อีก ซึ่งตัวช่วยที่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นคือการเชื่อมต่อ SmartTag ไว้กับสมาร์ทโฟน เพราะมีฟีเจอร์ ‘Locate smartphone with Tag’ ที่สามารถกดปุ่มบน SmartTag สองครั้ง เพื่อให้สมาร์ทโฟนเครื่องดังกล่าวส่งเสียง แล้วตามหาเจอในที่สุด
ไม่เฉพาะแค่สิ่งของสัมภาระเท่านั้น แต่เรายังสามารถคล้อง Galaxy SmartTag ไว้ที่ปลอกคอของสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย โดยเฉพาะ “น้องตัวแสบ” ที่สบโอกาสเมื่อไหร่เป็นต้องมุดหนีไปเล่นนอกบ้าน ทำเอาเจ้าของต้องกังวลใจ วิ่งออกตามหากันจ้าละหวั่น ซึ่งถ้ามี SmartTag ติดตัวน้องไว้ ก็จะเพิ่มความอุ่นใจเพราะสามารถระบุตำแหน่งได้ผ่านบลูทูธ (BLE) และถ้าน้องหลงทางไปไกลกว่าขอบเขตของบลูทูธ หรือขาดการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ตัว SmartTag จะส่งสัญญาณไปยังสมาร์ทโฟนกาแลคซี่ที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นดีไวซ์เครื่องดังกล่าวจะส่งข้อมูลไปยัง SmartThings Find เพื่อแจ้งให้เจ้าของทราบตำแหน่ง แล้วออกไปรับกลับมา(ลงโทษ)ได้นั่นเอง
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ SmartTag เป็นรีโมทควบคุมเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า[4] รวมถึงอุปกรณ์ IoT[5] ในบ้านจากที่อื่นได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราออกจากบ้านไปแล้ว แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเปิดทีวีทิ้งไว้ แทนที่จะต้องวกกลับมา ก็สามารถจัดการปิดทีวีได้แค่กดปุ่มบน SmartTag5 เพียงเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชัน SmartThings แล้วตั้งค่าชุดคำสั่งที่ต้องการในเมนู ‘Mode’ ให้เรียบร้อย ก็สามารถควบคุมบ้านสมาร์ทโฮมได้ด้วยปลายนิ้ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
Galaxy SmartTag จากซัมซุง มาในขนาดเล็กกะทัดรัด จะพกพาไปไหนหรือคล้องไว้กับอะไรก็ลงตัว แถมยังใช้งานง่าย และยาวนานถึง 300 วันโดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ถือเป็นโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาของหลายๆ คน ทำให้ชีวิตสมาร์ทยิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นสัมภาระชิ้นจิ๋ว ของมีค่า หรือสัตว์เลี้ยงสุดรัก ก็อยู่ในสายตาได้ตลอดเวลา
ซัมซุงวางจำหน่าย Galaxy SmartTag อย่างเป็นทางการแล้วในตัวเลือก 2 สีคลาสสิก อย่างสีดำ (Black) และสีโอ๊ตมีล (Oatmeal) ในราคาเพียง 890 บาทเท่านั้น ที่ Samsung Experience Store และ samsung.com สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/3php4mv
[1] ใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจากซัมซุง (Android 8.0 ขึ้นไป) อาจรองรับแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและเครือข่าย
[2] หากหน้าต่าง Pop-up ไม่ปรากฏ ให้กดเครื่องหมายบวกที่ด้านขวาบนของแอป SmartThings จากนั้นเลือก Device -> By Brand -> Samsung -> SmartTag
[3] ผ่านสัญญานบลูทูธ ในระยะ 120 เมตร โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
[4] ใช้รวมกับสมาร์ทโฟนซัมซุง (Android 8.0 ขึ้นไป) และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รองรับแอปพลิเคชัน SmartThings เท่านั้น
[5] จำเป็นต้องลงทะเบียนอุปกรณ์ในแอปพลิเคชัน SmartThings ก่อนการใช้งาน