สเปค OPPO Pad Air เครื่องบางเบาหน้าจอ 2K ชิป SND 680 จัดเต็มลำโพง 4 ตัวราคาเบาๆ ก่อนเปิดตัว 25 ส.ค. นี้
หลังจากที่ทาง OPPO ได้เปิดตัว OPPO Pad กันไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาด้วยนั่นก็คือตัว Pad Air ที่เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายไปที่จีนกับอินเดียเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดก็ได้เปิดตัว OPPO Reno8 Series (ดูสเปคเต็ม และพรีวิว OPPO Reno8 Z 5G ที่นี่) อย่างเป็นทางการในประเทศไทยกันไปเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 65 และก็เผยออกมาว่าจะมีการเปิดตัว OPPO Pad Air กับ OPPO Enco Air2 Pro ในวันที่ 25 ส.ค. 65 นี้ด้วย ซึ่งรุ่นใหม่นี้ก็มาพร้อมกับสเปคการใช้งานครบเครื่อง ที่วันนี้ทาง Specphone จะมาแนะนำสเปคของ OPPO Pad Air ที่มีขนาดบางเบา หน้าจอคมชัดแบบ 2K จัดเต็มมาด้วยลำโพงอีก 4 ตัวรอบทิศทาง และยังได้ความแรงจากชิป Snapdragon 680 กับแบตอึดๆ ใช้งานได้อย่างยาวนาน ในราคาที่คาดว่าไม่เกินหมื่นอีกด้วย ก่อนจะมีการเปิดตัวกันในวันที่ 25 ส.ค. 65 ไปดูกันเลยว่ามีสเปคอะไรน่าสนใจบ้าง
- ดีไซน์ตัวเครื่อง
- หน้าจอ
- ชิปประมวลผล และการเชื่อมต่อ
- กล้องหน้า และกล้องหลัง
- แบตเตอรี่ และราคาพร้อมวันเปิดตัว
ตารางเปรียบเทียบสเปค OPPO Pad Air กับ OPPO Pad
ตัวเครื่องบางเบา ถือมือเดียวได้สบาย!
เริ่มต้นกันที่สเปคการดีไซน์ตัวเครื่องของ OPPO Pad Air กันก่อนเลย ที่ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีงามมากๆ โดยตัวเครื่องจะเป็นแบบขอบแบน และมีมุมโค้งมน ส่วนปุ่มโฮมจะอยู่ด้านบน มีลำโพงรอบตัวและมีกล้องหนึ่งตัวที่ด้านหลัง พร้อมกับฝาหลังที่ดีไซน์ออกมาแบบ Sunset Dune 3D ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นทรายช่วงอาทิตย์ตก และยังให้สัมผัสพื้นผิวแบบ OPPO Glow ที่มีความระยิบระยับ จับถือได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีรอบนิ้วมือติด ที่สำคัญก็คือตัวเครื่องมีความบางและเบามาก ด้วยด้วยความหนาเพียง 6.94 มม. กับน้ำหนักเพียง 440 กรัมเท่านั้น ทำให้สามารถพกพาหรือถือนานๆ ได้สบายๆ ไม่เมื่อมือถึงแม้ว่าจะถือมือเดียวก็ตาม ส่วนสีของตัวนี้ของที่จีนจะมีสองสีคือ Grey, Silver แต่ในเวอร์ชัน Global, India จะมีเพียงสี Grey ที่วางขายเท่านั้น
หน้าจอคมชัดระดับ 2K
สิ่งที่น่าสนใจของ OPPO Pad Air รุ่นนี้ก็คือหน้าจอที่มีทั้งความกว้างและคมชัดใช้งานได้อย่างเต็มที่ โดยหน้าจอของตัวนี้จะเป็นแบบ IPS LCD กว้าง 10.36 นิ้วพร้อมอัตรา Refresh Rate 60Hz มีความละเอียด 2000 x 1200 พิกเซลระดับ 2K ให้ภาพที่คมชัดและมีสีสันสดใส อีกทั้งยังมีขอบหน้าที่แคบเพียง 8 มม. ในอัตราส่วนต่อตัวเครื่อง 83.5% เท่านั้น ทำให้สามารถเล่นได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง หรือเอาไว้เรียนก็ตาม นอกจากนี้ยังมี Eye-Care Display ที่ลดการปล่อยแสงสีฟ้าช่วยถนอมสายตาทุกการใช้งาน เพราะว่าสามารถปรับความสว่างอัตโนมัติได้สูงสุด 2048 ระดับตามความสว่างรอบๆ ตัว ไม่ว่าจะมีแสงน้อยหรือมากแค่ไหนก็ตาม ส่วนเรื่องของการใช้ Smart Stylus Pen นั้นทางฝั่งของอินเดียและจีนจะมีการขายเพื่อใช้งานร่วมกันได้ด้วย แต่ว่าของ Global จะไม่ได้มีบอกเอาไว้ ก็ต้องมารอดูกันตอนเปิดตัวที่ฝั่งบ้านเราอีกทีว่าจะมีมาด้วยหรือไม่
ชิปประมวลผลเร็วแรง ประหยัดพลังงาน พร้อมลำโพง 4 ตัว
มาที่สเปคชิปของ OPPO Pad Air กันบ้างที่เป็นชิปสุดฮิตบนหลายๆ มือถือในปัจจุบันนี้นั่นก็คือ Snapdragon 680 ที่สามารถใช้งานทั่วไป เล่นเกมได้ และยังช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้เอามาตัดต่อหรือว่าออกแบบชิ้นงานหนักๆ ก็เอามาใช้งานปกติได้ดีแน่นอน ความจำและความจุของ OPPO รุ่น Pad Air จะมีให้เลือกสองขนาดคือ Ram 4GB/ ROM 64GB, 128GB (ของจีนมี RAM 6GB ด้วย) พร้อมกับมีฟีเจอร์ Extended RAM เพิ่มแรมได้อีก 3GB ส่วนการเชื่อมต่อของรุ่นนี้จะสามารถต่อได้ทั้ง Wi-Fi 5, Wi-Fi Hotspot และ Bluetooth 5.1 ได้ตามปกติ จุดที่น่าสนใจมากๆ เลยก็คือลำโพงที่รุ่นนี้เป็นลำโพงฟูลเรนจ์ 1W ถึง 4 ตัวกระจายเสียงได้รอบทิศทาง และยังรองรับ Dolby Atmos อีกด้วย
กล้องหน้า และกล้องหลัง
สำหรับกล้องหน้าและกล้องหลังของ OPPO รุ่น Pad Air นั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้เน้นมามากเท่าไหร่นัก แต่ถ้าดูจากข้อมูลสเปคแล้วก็ถือว่าสามารถใช้งานเพื่อวิดีโอคอลประชุม เรียน หรือทำงานทั่วไปได้อยู่แล้ว ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 5MP (ƒ/2.2) และกล้องหลังความละเอียด 8MP (ƒ/2.0) ที่ถ่ายรูปทั่วไปพร้อมโหมดต่างๆ ได้ดีพอสมควร หรือจะถ่ายวิดีโอก็ทำได้ปกติ แต่อาจจะยังไม่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ถ่ายรูปเป็นหลัก เพราะรุ่นนี้ก็เน้นการใช้งานในด้านอื่นๆ ได้ดีมากกว่าแล้วด้วยนั่นเอง
แบตอึดใช้งานได้เต็มวัน ราคาเบาๆ ไม่เกินหมื่น
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องแบตเตอรี่ของ OPPO Pad Air ที่มีความจุ 7,100 mAh รองรับ Fast Charge 18W (USB-PD) พอร์ต USB C สามารถเปิดวิดีโอคอลได้ต่อเนื่อง 15 ชม. หรือว่าจะดูหนังอย่างต่อเนื่องก็ทำได้ถึง 12 ชม. เลยทีเดียว ซึ่งจากสเปคชิปและสเปคต่างๆ แล้วรุ่นนี้ก็ไม่ได้กินพลังงานมากเท่าไหร่นักอยู่แล้ว ทำให้เราสามารถใช้งานได้ยาวๆ เต็มวันแน่นอน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจรองรับการใช้งานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สแกนหน้าเพื่อปลดล็อค, Dual Windows สามารถเปิดสองจอเล่นพร้อมกัน, Split Screen แบ่งจอเพื่อเปิดสองแอพพร้อมกัน, การใช้งานแบบ Multitasking และเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วบนระบบ ColorOS 12.1 for Pad อีกด้วย
ส่วนราคาของรุ่นนี้ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีราคาอย่างเป็นทางการจากประเทศไทย แต่ถ้าเทียบจากราคาของจีน และอินเดียแล้วก็คาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ 1,299 หยวน (ประมาณ 6,900 บาท) หรือ 16,999 รูปี (ประมาณ 7,600 บาท) กับรุ่นความจุสูงสุดที่ 1,599 หยวน (ประมาณ 8,500 บาท) หรือ 19,999 รูปี (ประมาณ 9,000 บาท) ใครที่สนใจ OPPO ตัว Pad Air รุ่นนี้ก็รอดูวันเปิดตัวในวันที่ 25 ส.ค. 65 นี้กันได้เลยว่าจะมีราคาเปิดออกมาที่เท่าไหร่กันแน่ แต่ก็คาดว่าไม่เกินหมื่นอย่างแน่นอน
สรุปสเปค OPPO Pad Air
- หน้าจอ: IPS LCD ระดับ 2K กว้าง 10.36 นิ้ว อัตรา Refresh Rate 60Hz
- ชิปประมวลผล: Qualcomm Snapdragon 680 Octa Core
- RAM: 4GB/ 6GB
- ROM: 64GB/ 128GB
- กล้องหลัง 1 ตัวความละเอียด
- 8MP
- กล้องหน้าความละเอียด: 5MP
- ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับ ColorOS 12.1 for Pad
- ลำโพง: Full-range 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ความจุ: 7,100 mAh รองรับ Fast Charge 18W
- ราคา: รุ่นเริ่มต้นประมาณ 6,900 บาท (เทียบจาก 1,299 หยวน) สูงสุดประมาณ 8,500 บาท (เทียบจาก 1,599 หยวน)
ตารางเปรียบเทียบสเปค OPPO Pad Air กับ OPPO Pad
ข้อมูล\ รุ่น | OPPO Pad Air | OPPO Pad |
ขนาด | 245.08 × 154.84 × 6.94 มม. | 252 × 165 × 6.5 มม. |
น้ำหนัก | 440 ก. | 507 ก. |
หน้าจอ | IPS LCD, 60Hz กว้าง 10.36 นิ้ว | LTPS LCD, 120Hz กว้าง 11 นิ้ว |
ชิป | Snapdragon 680 | Snapdragon 870 |
RAM/ ROM | 4-6GB/ 64-128GB | 6GB/ 256GB |
microSD | 512GB | 512GB |
กล้องหน้า | 5MP | 8MP |
กล้องหลัง | 8MP | 13MP |
แบตเตอรี่ | 7,100 mAh, 18W | 8,360 mAh, 33W |
ราคา* | 6,900 บาท | 11,900 บาท |
และทั้งหมดนี้ก็เป็นสเปคของ OPPO Pad Air ทั้งหมดที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ ที่มีสเปคถือว่าน่าสนใจและน่าใช้งานมากเลยทีเดียว ถ้าราคาเปิดตัวออกมาที่บ้านเราไม่เกินหมื่นจริงๆ ถ้าใครกำลังมองหาแท็บเล็ตใช้งานทั่วไป เอาไว้เรียนออนไลน์ ประชุมงาน จดบันทึก หรือเอาไว้ดูหนัง ก็สามารถทำงานได้ดีครบเครื่องอย่างแน่นอน ด้วยหน้าจอที่คมชัด มีชิปที่เร็วแรงพอตัว กับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน ที่สำคัญก็คือเรื่องของการพกพาที่ง่าย ถือได้นานๆ โดยไม่เมื่อยมือ เพราะมีน้ำหนักเบากับตัวเครื่องที่บาง จะถือพกพาหรือใส่กระเป๋าก็ไม่หนักไม่กินพื้นที่แน่นอน ใครสนใจก็รอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 25 ส.ค. 2565 นี้กันได้เลย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพทั้งหมดจาก OPPO Pad Air