มือถือหาย ไม่ต้องตกใจเกินไป เพราะการตามหามือถือในสมัยนี้ เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก แทบไม่จำเป็นต้องโหลดแอปฯ มาช่วยในการตามหาเลยด้วยซ้ำ เพราะในระบบได้ติดตั้งมาให้อยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ทั้งบน Android และ iOS ไม่ว่าจะเป็นมือถือ หรือแท็ปเล็ต ก็สามารถใช้ตามหาได้ทั้งนั้น
มือถือสมาร์ทโฟน เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่ช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากขึ้น เพราะไม่ได้ช่วยแค่เรื่องการสื่อสารกันเท่านั้น แต่สมาร์ทโฟนในตอนนี้ ได้พัฒนาไปไกลจนแทบจะรวมทุกอย่าง ที่ใช้ในการใช้งานไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องของกล้อง แชท เกม และแอปฯ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอีกเยอะ รวมไปถึงข้อมูลอีกหลายอย่าง ที่เก็บไว้ในเครื่อง แน่นอนว่าถ้ามือถือหายขึ้นมา ไม่ว่าเราจะลืมวางไว้ที่ไหน หรือถูกแอบขโมยไป ก็ยิ่งเป็นปัญหาอย่างมาก สำหรับคนที่ทำหาย หรือถูกขโมยไป หลายคนอาจจะตกใจ และคิดว่าไม่น่าจะได้คืนกลับมาแล้ว แต่ถ้าตั้งสติให้ดี และมาลองหาวิธีค้นหามือถือจากบทความนี้ ก็อาจจะช่วยให้หามือถือได้ง่ายขึ้น และได้มือถือคืนมาแน่นอน วันนี้ทาง Specphone เลยจะมาช่วยให้การตามหามือถือ เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะใช้ Android หรือว่า iOS ก็สามารถตามหาได้ทั้งหมด
วิธีตามหามือถือหายของ iOS
สำหรับมือถือที่ใช้งานระบบ iOS นั้น โดยปกติแล้วตัวระบบเอง จะมีแอปฯ ที่สามารถตามหามือถือได้ ตั้งแต่สมัยรุ่นเก่าๆ ที่ใช้แอปฯ Find My iPhone และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้นที่เชื่อมเข้ากับ iCloud ด้วย รวมไปถึงการเชื่อมต่อ เพื่อค้นหาอุปกรณ์ที่ใช้ Apple ID เดียวกันได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, iPod touch หรือ Mac รวมไปถึงการค้นหาเครื่องให้เพื่อน หรือคนในครอบครัว ที่เข้าสู่ระบบเป็นกลุ่มเอาไว้ ก็สามารถตามหาได้เช่นกัน โดยการจะค้นหาได้นั้น ก่อนอื่นสิ่งที่ควรทำเมื่อซื้อเครื่องมาเลยก็คือ การเข้าไปในแอปฯ Find My iPhone และเข้าสู่ระบบทิ้งเอาไว้เลย จะได้ค้นหามือถือได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่ได้เข้าสู่ระบบเอาไว้เลย ก็จะตามหาได้ยากหน่อย แต่ก็ยังพอมีวิธีช่วยอยู่บ้าง แต่ถ้าเข้าสู่ระบบไว้แล้ว และมือถือหาย ก็สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
1. เข้าสู่ระบบผ่านทางเว็บ iCloud.com/find หรือถ้าไม่มีคอมฯ และต้องการหาอย่างเร่งด่วนก็สามารถเข้าแอปฯ ค้นหาของฉัน จากอุปกรณ์ Apple เครื่องอื่นได้เช่นกัน
2. เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการตามหา เช่น iPhone, iPad, iPod touch หรือ Mac ที่ได้เข้าสู่ระบบเอาไว้ ถ้าใช้เครื่องอื่นในการค้นหา ก็สามารถเลือกตามหาให้เพื่อนได้ด้วย
3. เลือกดูตำแหน่งของอุปกรณ์ หรือมือถือที่ต้องการตามหาได้เลย โดยสามารถเลือกเปิดตำแหน่งได้ทันที
4. ถ้าอุปกรณ์อยู่ใกล้ๆ สามารถเปิดเสียงได้ด้วย โดยการเลือกเล่นเสียง เพื่อช่วยให้การตามหาง่ายขึ้น
5. ถ้ารู้สึกว่ามีคนขโมยมือถือไป หรือมีคนเก็บได้ และกลัวว่าข้อมูลในมือถือจะถูกนำไปใช้ เราสามารถใช้ฟีเจอร์ ระบุว่าสูญหาย ได้ด้วย โดยเมื่อกดแล้วระบบจะล็อคอุปกรณ์ให้โดยอัตโนมัติ และยังสามารถสร้างการแสดงข้อความ ที่เราสามารถกำหนดคำเองได้ รวมไปถึงเบอร์ที่ให้โทรกลับมาหาตัวเราได้เลย รวมไปถึงการระงับ Apple Pay ทั้งหมดบนตัวเครื่องได้ด้วยในโหมดสูญหาย
นอกจากนี้ยังสามารถลบข้อมูลอุปกรณ์ที่สูญหายได้ด้วย ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการลบข้อมูลจากระยะไกล และเมื่อลบข้อมูลแล้ว จะไม่สามารถค้นหาอุปกรณ์ได้อีกต่อไป ซึ่งการล็อคเครื่องก็จะถูกปิดลงไปด้วย นั่นก็คือผู้อื่นสามารถเข้าไปใช้งานเครื่องของเราได้เลย ซึ่งการลบข้อมูลนี้จะไม่สามารถยกเลิกได้ด้วย ถ้าไม่จำเป็นและยังอยากตามหาเครื่องอยู่ ก็ไม่ควรลบข้อมูลทิ้ง
จากการตามหาเครืองมือถือโดยวิธีข้างต้นนั้น จะเป็นค้นหาแบบทั่วไป และเร่งด่วน ในกรณีที่มือถือของเรานั้นยังไม่ถูกปิดเครื่อง หรือแบตหมด ซึ่งถ้าถูกปิดเครื่อง หรือแบตหมดจะยังคงตามหาได้ภายใน 24 ชั่วโมงจากตำแหน่งล่าสุด แต่ถ้าเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว หรือหากไม่ได้เข้าสู่ระบบเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้น ก็ยังพอมีวิธีช่วยอยู่บ้าง สามารถทำได้ดังนี้
1. เปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID และบัญชีการเชื่อมต่อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Social Media หรือ Email ทั้งหมด เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลเบื้องต้น
2. แจ้งความกับตำรวจ โดยนำเลข IMEI และ MEID ไปด้วย เพื่อช่วยในการค้นหา ซึ่งเลข IMEI และ MEID สามารถดูได้จากกล่องที่ซื้อมากับตัวเครื่อง และใบเสร็จที่เคยซื้อมาจากศูนย์ แต่ถ้าไม่มีกล่องแล้ว ก็อาจจะลองเข้า Finder หรือ iTunes บนคอมฯ หากเชื่อมต่อเอาไว้ ก็สามารถดูเลขได้เช่นกัน
วิธีเหล่านี้ไม่รับประกันว่าจะสามารถตามหาเครื่องมือถือได้ 100% นะ ซึ่งขึ้นอยู่กับระบบของทางตำรวจด้วย ทางที่ดีให้รีบค้นหาในตอนที่รู้ว่าเครื่องหาย โดยการใช้แอปฯ Find My iPhone ตามวิธีข้างต้นจะดีที่สุด หรือถ้าทำประกันกับ AppleCare+ ไว้ ก็จะสามารถเรียกร้องจากทาง Apple ได้ด้วย เพื่อให้ศูนย์บริการทำการปิดการใช้งานบัญชี เพื่อป้องกันการโทร และการใช้งานข้อมูลทั้งหมด
วิธีตามหามือถือหายของ Samsung
สำหรับมือถือของ Samsung นั้นก็มีแอปฯ ที่ติดตัวเครื่องมาเลยตั้งแต่โรงงาน โดยจะมีแอปฯ ที่ชื่อว่า Find my Mobile ที่สามารถค้นหาได้ตั้งแต่มือถือ, Tablet, Ear Buds และ Smartwatch อุปกรณ์ของ Samsung ทั้งหมด โดยสิ่งแรกที่ต้องทำนั้น ก็คือการเข้าสู่ระบบ เพื่อสมัคร Samsung Account เอาไว้ และอนุญาตให้ส่งตำแหน่งเอาไว้ด้วย ตั้งแต่ซื้อเครื่องมาเลย เผื่อว่าหายไปแล้ว จะได้ตามหามือถือของ Samsung ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ส่วนวิธีตามหา สามารถทำได้ดังนี้
1. เข้าไปยังหน้าเว็บ findmymobile.samsung.com แล้ว Login ด้วย Samsung Account ที่ลงทะเบียนเอาไว้ตั้งแต่แรก
2. เมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว เว็บจะปรากฏชื่ออุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบทั้งหมด ถ้าเครื่องไหนหาย ก็ให้กดที่อุปกรณ์เครื่องนั้น และจะมีเมนูขึ้นมาให้ทางด้านขวาให้เลือก แต่ละฟีเจอร์ก็จะมีการทำงานที่ต่างกันไป ได้แก่
- Ring – ถ้ามือถือที่หายไป อยู่ในระยะใกล้ตามระยะทางที่กำหนดไว้ ก็สามารถกดใช้งานเพื่อให้เครื่องส่งเสียงออกมาได้ โดยเสียงนั้นจะดังนานติดกัน 1 นาที ถึงแม้ว่าจะกดปิดเสียงอยู่ก็ตาม
- Lock – ถึงแม้ว่าเราจะล็อคหน้าจอเอาไว้แล้ว แต่เมื่อกดฟีเจอร์นี้อีก ก็จะเป็นการยกระดับการล็อคเครื่องไปอีกขั้น โดยจะช่วยให้เครื่องล็อคเพื่อป้องกันการปิดเครื่อง หรือแสดงเบอร์ฉุกเฉิน และบอกข้อความขึ้นบนหน้าจอเพื่อให้คนที่เก็บได้โทรกลับมา
- Track Location – ฟีเจอร์นี้จะคอยบอกตำแหน่งของมือถือเรา ว่าอยู่ตรงไหน โดยจะอัพเดททุกๆ 15 นาที
- Erase Data – กดเพื่อลบข้อมูลในเครื่องและ SD Card แบบถาวร และจะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย รวมไปถึงการรีเซ็ตข้อมูลบัญชีที่ผูกไว้กับเครื่องทั้งหมดด้วย (ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งลบทิ้ง เพราะจะไม่สามารถกู้คืนได้)
- Back Up – ฟีเจอร์เพื่อการสำรองข้อมูลตัวเครื่องไปยัง Samsung Cloud โดยผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของตัวเครื่องเอง
- Retrieve Calls / Message – ตรวจเช็คการโทรเข้า – โทรออก เพื่อดูว่ามีคนใช้โทรไปไหนบ้าง จะได้ตามได้ง่ายขึ้น
- Unlock – กดเพื่อปลดล็อคมือถือทั้งหมด ซึ่งถ้ากดไปแล้วการตั้งค่าเพื่อความปลอดภัยจะถูกลบทั้งหมด ใช้ในกรณีที่ลืมการล็อคหน้าจอของตัวเอง
- Extend Battery Life – เมื่อกดแล้วมือถือจะเข้าสู่โหมดการยืดอายุแบตขั้นสูงสุด เพื่อทำให้การค้นหาตำแหน่งของมือถือนั้นยาวนานขึ้น แต่ถ้ากดแล้วจะไม่สามารถสำรองข้อมูลได้
- Set Guardians – ถ้าการค้นหาผ่านเว็บไม่สะดวกพอ ก็สามารถค้นหาเครื่องโดยการส่งข้อมูล ไปยังเครื่องของครอบครัว หรือเพื่อนสนิทเพื่อช่วยให้การค้นหาแบบ Real Time สะดวกยิ่งขึ้น
- ฟีเจอร์อื่นๆ ที่สามารถตามตัวเครื่องหากมีคนเปลี่ยนซิม เว็บก็จะยังอัพเดทเบอร์ใหม่ให้ด้วย หรือการค้นหา Wi-Fi ที่ใกล้กับมือถือเรา เพื่อช่วยให้หาได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงข้อมูลของเลข IMEI ทั้งหมด
3. เลือก Track Location เพื่อดูตำแหน่ง และตามหาตัวมือถือตามตำแหน่งที่ขึ้นมาได้ทันที หรือถ้าต้องการใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ ในกรณีที่อยากลบข้อมูล หรือคิดว่ากลัวคนอื่นจะเข้าถึงข้อมูลได้ ก็สามารถเลือกใช้ฟีเจอร์อื่นๆ ได้เช่นกัน
วิธีการตามหาเครื่องของ Samsung นั้น จะค่อนข้างง่ายหน่อย เพราะมีแอปฯ และฟีเจอร์รองรับออกมาให้ได้ใช้เยอะ ถ้าสมัคร Samsung Account เอาไว้ตั้งแต่แรก ก็ยิ่งช่วยให้การตามหานั้นง่ายขึ้น แต่ถ้าใครไม่ได้สมัครเอาไว้ตั้งแต่แรก ก็ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Google ของการตามหาผ่านระบบ Android ได้ด้วยเหมือนกัน
วิธีตามหามือถือหายของ Android
การตามหามือถือวิธีสุดท้ายของทาง Android ทั่วไปนั้น ถึงแม้ว่าบางยี่ห้อจะไม่ได้ใส่แอปฯ ของตัวเองติดเครื่องมาให้ แต่อย่างน้อยก็ยังมี Google ที่ติดมากับตัวเครื่องเลย และการเข้าเว็บของ Google Chrome รวมไปถึงการโหลดแอปฯ Find My Device ของ Google ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะใช้งานแบบไหน ก็สามารถตามหามือถือผ่านทาง Google ได้ทั้งหมด แต่ถ้าใช้แอปฯ Google Find My Device นั้นจะต้องเข้าสู่ระบบ และอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่งด้วย ส่วนในมือถือปกติ สามารถเข้าไปตั้งค่าผ่าน Setting > Security > Find My Device หรือถ้าหาไม่เจอก็ให้ค้นหาคำที่เกี่ยวกับ Security และเข้าไปเปิดการใช้งานก่อนเสมอ หรือเข้าสู่ระบบใน Google Chrome เอาไว้ก็ได้เช่นกัน ส่วนวิธีค้นหาของ Google สามารถทำได้ดังนี้
1. เข้าไปยังเว็บ Google และพิมพ์คำว่า Find My Device หรือ ตามหามือถือ หรือเข้าไปยังเว็บ www.google.com/android/find เมื่อกดเข้าไปแล้วมือถือที่เชื่อมกับ Account เอาไว้ก็จะขึ้นมาทันที ถ้าไม่ขึ้นก็ Login ที่ใช้อันเดียวกับตัวเครื่องก่อน
2. เมื่อเลือกอุปกรณ์แล้ว จะมีข้อมูลของตัวเครื่องทั้งเลข EMEI, การเชื่อมต่อ, แบตเตอรี่ และตำแหน่งของเครื่องอยู่
3. สามารถใช้ฟีเจอร์อื่นๆ นอกจากการตามหาตำแหน่งได้อีกด้วย มีอยู่ 3 ฟีเจอร์ได้แก่
- PLAY SOUND – กดเพื่อเปิดเสียงให้ตัวเครื่องดังขึ้นเป็นเวลา 5 นาที ถึงแม้ว่าจะปิดเสียงอยู่ก็ตาม
- SECURE DEVICE – กดเพื่อล็อคข้อมูลเพื่อความปลอดภัยอีกขั้น และออกจากระบบของ Google พร้อมกับการแสดงข้อความ หรือเบอร์ขึ้นบนหน้าจอของมือถือ แต่ก็ยังคงตามหาที่อยู่ของเครื่องได้อยู่
- ERASE DEVICE – ฟีเจอร์นี้จะเป็นการลบข้อมูลทิ้งทั้งหมด และจะไม่สามารถติดตามตำแหน่งตัวเครื่องได้อีกเลย
เพียงเท่านี้ก็จะสามารถตามหามือถือของเราได้แล้ว ซึ่งสามารถใช้เครื่องไหนตามหาก็ได้ทั้งนั้น แถมยังสามารถตามหาได้แบบ Real Time เลยด้วย แต่ก็ต้องเปิดการทำงานของ Google เอาไว้ด้วยตั้งแต่ต้น ถึงจะหาได้ นอกจากนี้ยังต้องมีการล็อคเครื่อง เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเปิด GPS เอาไว้ด้วย
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีตามหามือถือ เมื่อมือถือหาย หรือโดนขโมยไปทั้งบนระบบ Android และ iOS ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ก็จะต้องเข้าสู่ระบบ หรือลงทะเบียนกับแอปฯ ที่ติดเครื่องมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว หรือถ้าเป็น Android ก็ต้องเปิดการใช้งานของ Google เอาไว้ก่อน ถึงจะตามหาเครื่องของเราได้ ส่วนถ้าใครที่หมดหนทางที่จะตามหาแล้ว ในกรณีที่มือถือนั้นแบตหมด ก็ควรไปแจ้งความและนำเลข EMEI ไปให้ตำรวจ เพื่อให้ตำรวจนั้นส่งเรื่องไปยังโอเปอร์เรเตอร์ และให้โอเปอร์เรเตอร์ตามหาให้อีกที ซึ่งควรส่งเรื่องไปให้ทุกโอเปอร์เรเตอร์ เพื่อการค้นหาที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น หวังว่าจะช่วยให้ตามหาได้นะครับ แล้วถ้ามีเรื่องราวดีดีอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ