สรุป iOS 17/ iPadOS 17 มีอะไรใหม่ ที่ปรับแต่งใช้งานได้ง่ายเป็นส่วนตัวมากขึ้น รุ่นไหนที่รองรับและได้ไปต่อบ้างในปี 2023
ช่วงนี้ถ้าไม่พูดถึงกระแสของ WWDC 2023 ที่กำลังมาแรงอย่างระบบที่พร้อมให้อัพเดทใหม่ทั้งสองอุปกรณ์นั่นก็คือ iOS 17 สำหรับ iPhone และ iPadOS 17 สำหรับ iPad ที่เพิ่งมีการเปิดตัวกันไปเมื่อคืนวานนี้ ที่มีการเปิดตัวออกมาหลายอย่างทั้ง MacBook Air M2 15″ รุ่นใหม่ล่าสุดที่บางที่สุดในโลก (ดูสเปคเต็มที่นี่) หรือว่าจะเป็น Mac และ OS อุปกรณ์อื่นๆ รวมไปถึงแว่น Vision Pro ที่ถูกพูดถึงกันเยอะมากๆ ในขณะนี้ด้วย แต่ผู้ที่ใช้งานทั่วไปอย่างคนที่ใช้ iPhone และ iPad นั้นก็คงจะต้องเป็นเรื่องของระบบนี่แหละ ว่ามันมีอะไรมาใหม่บ้าง และจะอัพเดทไปเลยหรือว่ารอดูก่อนดี ซึ่งแน่นอนว่ามีบางรุ่นนั้นได้ไปต่อ และก็มีบางรุ่นที่ไม่สามารถอัพเดทต่อไปได้แล้วด้วย เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาสรุปแบบเข้าใจง่ายให้ว่า iOS 17/ iPadOS 17 มีอะไรใหม่บ้าง ที่สามารถปรับแต่งใช้งานได้ง่ายและเป็นส่วนตัวมากขึ้น กับรุ่นไหนที่รองรับและได้ไปต่อบ้างในปี 2023
- iOS 17 มีอะไรใหม่บ้าง
- iPadOS 17 มีอะไรใหม่บ้าง
- iOS 17/ iPadOS 17 รุ่นไหนรองรับและได้ไปต่อ
- iOS 17/ iPadOS 17 อัพเดทได้เมื่อไหร่
iOS 17 มีอะไรใหม่บ้าง
สำหรับการอัพเดทระบบ iOS 17 เวอร์ชั่นใหม่นี้ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งแบบที่เปลี่ยนหน้าตาไปเลย และก็มีบางจุดที่อัพเดทมาให้เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเพิ่มเติมเข้ามาในเรื่องของการปรับแต่ง การช้งานที่ง่ายต่อชีวิตมากขึ้น และที่สำคัญก็คือมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย โดยสามารถแบ่งได้เป็นหลายๆ ส่วนดังนี้
การใช้งานแอพโทรศัพท์ (Phone)
เปิดประสบการณ์ใหม่สำหรับ iPhone บน iOS 17 ที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานอย่างเราสามารถสร้างโปสเตอร์ของรายชื่อใน iPhone ได้ โดยการปรับแต่งนี้เราสามารถใส่รูปภาพของคนในรายชื่อ หรือว่าจะใช้เป็น Memoji ก็ได้ พร้อมกับการใส่ฟอนต์และสีสันเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งการตั้งหน้าในรายชื่อนี้ก็จะปรากฏขึ้นตอนรับสายเรียกเข้านั่นเอง นอกจากนี้ระบบอื่นๆ ก็สามารถใช้งานคุณสมบัติโปสเตอร์ของรายชื่อนี้ได้อีกด้วย
Live Voicemail ถอดเสียงได้แบบเรียลไทม์
ด้วยคุณสมบัติใหม่บน iOS 17 อย่าง Live Voicemail จากประสิทธิภาพของ Neural Engine ที่ช่วยถอดเสียงวอยซ์เมลให้แบบเรียลไทม์ ในขณะที่มีผู้ฝากวอยซ์เมล ทำให้เราตัดสินใจรับสายได้ทันที หรือว่าจะไม่รับก็ได้ ทั้งนี้ก็ไม่รวมกับพวกวอยซ์เมลที่เป็นสแปม เพราะระบบจะทำการตัดสายทิ้งไปเลยทันที ซึ่งระบบนี้ก็จะทำให้ผู้ใช้งานอย่างเรามีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
ฝากข้อความเป็นเสียงและวิดีโอบน FaceTime ได้แล้ว
สำหรับคนที่ใช้งาน Facetime อยู่เป็นประจำอาจจะเจอปัญหาการโทรไปแล้วอีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย ซึ่งการฝากข้อความไว้ ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราต้องการจะบอกอะไร โดยในตอนนี้ผู้ใช้งานสามารถฝากข้อความที่เป็นแบบเสียงและวิดีโอ ไว้ให้อีกฝ่ายที่ยังไม่รับสายเปิดมาดูภายหลังได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถเพิ่ม Reaction ในการสื่อสารเพิ่มได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกโป่ง พลุ แสงเลเซอร์ หัวใจและอื่นๆ ที่สามารถทำง่ายๆ ได้เลยบนหน้าจอ นอกจากนี้ค่ายอื่นๆ ก็ยังใช้แอพการโทรแบบวิดีโอที่ใช้งานเอฟเฟ็กต์เหล่านี้ได้ด้วย ทั้งนี้คนที่ใช้ FaceTime สามารถขยายหน้าจอขึ้นไปสู่ Apple TV 4K เพื่อดูหน้าจอใหญ่ทั้งเปิดจาก iPhone หรือเปิดจาก Apple TV ได้เลยทันทีเช่นกันใน iOS 17 นี้
การเปลี่ยนแปลงของ iMessages ครั้งใหญ่
การอัพเดทที่มีการเปลี่ยนแปลงบน iOS 17 หลักๆ เลยก็คือแอพข้อความหรือ iMessages ที่สามารถใช้งานสติกเกอร์ในรูปแบบใหม่ๆ ได้ทั้งอิโมจิ และการสร้าง Live Sticker ที่แตะรูปจากอัลบัมพร้อมตัดพื้นหลังออกมาเป็นสติกเกอร์ได้เลย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์เข้าไปด้วย Live Sticker ทำให้เคลื่อนไหวได้ด้วย โดยทั้งหมดนี้สามารถจัดเก็บได้เลยบนแอพ iMessages พร้อมใช้งานร่วมกันได้ทั้งระบบ
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่เข้าไป อย่างการขยายที่เข้าถึงง่ายๆ ด้วยการแตะครั้งเดียวในแอพ iMessage เพื่อเปิดดูได้ง่ายขึ้น พร้อมกับการค้นหาข้อความในการสนทนาประวัติแชทจากคียเวิร์ดได้อย่างแม่นยำด้วยตัวกรองการค้นหา อีกทั้งยังมีลูกศรติดตามที่บันทึกจุดล่าสุดที่เราอ่าน เพื่อย้อนกลับไปอ่านข้อความที่ค้างไว้ และตอบกลับได้เลยง่ายๆ หรือถ้าใครแชร์โลเคชั่น ก็จะอัพเดทให้แบบเรียลไทม์ และเมื่อมีการส่งข้อความเสียง ก็จะถอดเสียงให้เลยอัตโนมัติหรือฟังภายหลังได้ด้วย
ที่อัพเดทมาให้อีกอย่างก็คือการเปิดตัว Check In ที่ส่งโลเคชั่นให้กับคนอื่นๆ ได้แล้วผ่าน iMessages และเมื่อเราเริ่มส่งโลเคชั่นไปก็จะมีการแจ้งเตือนให้ทันทีเมื่อถึงจุดหมาย ถ้าหากนานเกินไปหรือไม่มีการอัพเดทว่าถึงจุดหมายแล้ว ระบบจะมีการส่งข้อมูลชั่วคราวไปให้คนที่ติดต่อเช่น ตำแหน่ง เปอร์เซ็นต์แบต สถานะสัญญาณ ที่ส่งให้แบบเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยทั้งหมด
AirDrop และ NameDrop ที่แชร์ได้ง่ายกว่าเดิม
อีกหนึ่งการอัพเดทบน iOS 17 ที่น่าสนใจมากๆ ก็คือการทำ AirDrop ที่สามารถส่งหากันได้อย่างรวดเร็ว และก็ได้เพิ่มวิธีใหม่ในการแชร์ด้วย AirDrop NameDrop ที่ช่วยให้การแชร์ข้อมูลนั้นง่ายขึ้นไปอีกขั้น เพียงแค่นำ iPhone ทั้ง 2 เครื่องมาวางไว้ใกล้กันหรือว่าหันหน้าชนกัน (หรือหันไปหา Apple Watch ได้ด้วย) ก็จะสามารถแชร์ข้อมูลติดต่อกันง่ายๆ ทั้งนี้ก็ยังสามารถแชร์เนื้อหาหรือว่า SharePlay เพื่อฟังเลพง ดูหนังและเล่นเกมจาก iPhone ที่อยู่ใกล้ๆ กันได้ด้วย
ฟีเจอร์ StandBy ใหม่เพื่อดูอะไรระหว่างชาร์จได้
ฟีเจอร์ใหม่บน iOS 17 นี้จะช่วยให้เราสามารถตะแคงหน้าจอขณะชาร์จแบต เพื่อดูข้อมูลต่างๆ ได้แบบเต็มหน้าจอ ไม่ว่าจะวางไว้ที่ไหนก็สามารถปรับแต่งเพื่อดูได้ง่ายๆ ทั้งการเปลี่ยนให้เป็นนาฬิกาที่มีให้เลือกหลายแบบ ใส่รูปภาพเป็นกรอบรูปตั้งโต๊ะ หรือจะใช้วิดเจ็ตต่างๆ ที่เหมาะสมกับช่วง StandBy เพื่อดูได้แบบสด, Siri, คนโทรเข้า และการแจ้งเตือนขนาดใหญ่เพื่อให้เห็นได้ง่ายขึ้น เพื่อการมองเห็นจากระยะไกล โดยการชาร์จผ่าน MagSafe ฟีเจอร์นี้จะจำมุมมองที่เคยตั้งไว้และเปลี่ยนมาให้แบบง่ายดาย สำหรับ iPhone 14 Pro Series ที่มี Always On Display โดยเฉพาะ
Keyboard ที่ปรับปรุงแก้ไขได้ฉลาดกว่าเดิม
การอัพเดทข้อความโดยอัตโนมัติที่มีการอัพเดทใหม่นี้จะมี AI ด้านภาษาที่เรียนรู้ และจะช่วยเดาคำที่พิมพ์ลงไปช่วงหน้า ซึ่งข้อความเหล่านั้นก็จะมีความแม่นยำมากขึ้น ฉลาดมากขึ้น และยังช่วยให้พิมพ์ได้ง่ายขึ้นเมื่อกด Space Bar ก็จะพิมพ์ข้อความล่วงหน้าที่ระบบเดามาให้ได้เลยทันที นอกจากนี้ยังแก้ไขข้อความให้อัตโนมัติ โดยเฉพาะคำที่ผิดไวยากรณ์ได้หลายประเภทมากขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนจากข้อความเสียงที่พูดลงไป เพื่อพิมพ์ออกมาได้แม่นยำมากขึ้นด้วย
Journal แอพใหม่สำหรับบันทึกเรื่องราว
สำหรับแอพใหม่นี้จะเข้ามาให้ใช้กันในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นแอพบันทึกใหม่ ที่ทำให้คนใช้งาน iPhone ได้เก็บข้อมูลและรูปภาพในแต่ละช่วงเวลาได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ ผู้คน สถานที่ การออกกำลังกาย การฟังเพลง และอื่นๆ ได้ พร้อมแนะนำการบันทึกที่ปรับตามผู้ใช้งานเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และยังเปิดแจ้งเตือนเพื่อสร้างการบันทึกในแต่ละวันได้ด้วย ที่สำคัญก็คือจะมีการล็อคแอพเอาไว้แบบ End-to-End Encryption ที่แม้แต่ Apple เองก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเอง
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีการอัพเดทเพิ่มเติม
- Safari: เพิ่มการป้องกันการท่องเว็บต่างๆ ให้เป็นส่วนตัวและแน่นหนากว่าเดิม ทั้งจากตัวติดตามและบราวเซอร์ หรือบุคคลที่อาจเข้าถึงอุปกรณ์ได้ และจากเว็บที่ติดตามสะกดรอยทั้งหมด นอกจากนียังล็อคหน้าต่างที่ไม่ใช้งานแบบส่วนตัวเพื่อเปิดทิ้งไว้ไปทำอย่างอื่น หรือเพิ่ม Profiles ได้ด้วย
- รหัสผ่านและพาสคีย์: สามารถแชร์กับกลุ่มรายชื่อติดต่อที่ถูกเลือกได้ เพื่อให้แชร์ได้ง่ายและปลอกภัยมากขึ้น โดยทุกคนในกลุ่มสามารถเพิ่มและแก้ไขรหัสผ่านได้ พร้อมทั้งการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
- แอปสุขภาพ: มีฟีเจอร์ใหม่ด้านสุขภาพจิต ที่สามารถบันทึกช่วงเวลาหนึ่ง และอารมณ์ประจำวันที่อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจได้ เพื่อเข้าถึงภาวะต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระยะเพื่อลดความเสี่ยงสายตาสั้นในเด็ก และลดความล้าของผู้ใหญ่ด้วยฟีเจอร์ระยะหน้าจอจากกล้องหน้า เพื่อรักษาระยะห่างได้ด้วย
- แผนที่: เพิ่มฟีเจอร์แบบออฟไลน์ สามารถโหลดแผนที่ที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ พร้อมเห็นเวลาที่คาดว่าจะมาถึงในแผนที่ด้วย
- AirTag: สามารถแชร์กับคนอื่นๆ ได้มากสุดถึง 5 คนเพื่อให้ครอบครัวช่วยกันค้นหาได้ด้วย และยังใช้กับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ในเครือข่ายค้นหาของฉันได้ด้วย
- Apple Music: เพิ่มฟีเจอร์ Collaborative Playlist สามารถฟังเพลงร่วมกับเพื่อนๆ ได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการใช้ SharePlay ในรถยนต์ที่ช่วยกันเลือกได้ 3 คนเพื่อควบคุมเพลงที่ง่ายขึ้น
- AirPlay: สามารถแชร์เนื้อหาต่างๆ ได้ง่ายขึ้นจากระบบอัจฉริยะ และยังทำงานร่วมกับ TV รุ่นที่รองรับได้ด้วย โดยมีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นหลัก
- AirPods: มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น Adaptive Audio, Personalized Volume และ Conversation Awareness ที่ทให้การฟังเสียงและการสลัยอุปกรณ์นั้นง่ายมากขึ้น
- Home: เพิ่มประวัติการใช้งานในช่วง 30 วันที่ผ่านมา และยังเลือกใช้การล็อค 2 รายการที่ได้รับความนิยมใน HomeKit เพื่อใช้รหัส PIN กับตัวล็อคใน Matter เพิ่มวิธีการเชื่อมต่อเข้ากับบ้านได้ง่ายขึ้น
- เตือนความจำ: เพิ่มการจัดกลุ่มสินค้าในการซื้อของจ่ายตลาดเพื่อให้เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น สามารถจัดกลุ่มได้ด้วย โดยระบบจะจำการตั้งค่านั้นไว้
- ค้นดูจากภาพ: ฟีเจอร์ที่ช่วยค้นหาจากภาพที่หยุดวิดีโอ เพื่อดูว่าคือร้านอาหาร เครื่องหมาย สัญลักษณ์ต่างๆ และสามารถดึงวัตถุจากรูปภาพและวิดีโอได้ด้วย
- Siri: เปิดใช้งานด้วยคำพูด Siri และสามารถใช้หลายคำสั่งติดต่อกันได้เลย ไม่วต้องเรียกใหม่แล้ว
- Photo: มีการจำแนกบุคคลที่ผู้ใช้ชอบ รวมไปถึงแมว สุนัข และสิ่งของได้ดีขึ้น
ความเป็นส่วนตัวที่มีการอัพเดทและเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อครอบคลุมการใช้งานทั้งหมด รวมไปถึงความปลอดภัยเมื่อให้เด็กๆ ใช้งาน ที่ขยายไปยังเนื้อหาวิดีโอแล้ว พร้อมกับฟีเจอร์การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ต้องการได้ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของการเข้าถึงต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ พร้อมกับการปรับแต่งได้สำหรับผู้บกพร่อง ความสะดวกในการใช้งาน iPhone ด้วยตัวเองมากขึ้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่ Apple
iPadOS 17 มีอะไรใหม่บ้าง
มาดูที่ด้านของ iPad กันบ้างกับ iPadOS 17 เวอร์ชั่นใหม่นี้ที่เพิ่มการปรับแต่งได้ง่ายขึ้น ออกแบบหน้าจอล็อคใหม่พร้อมวิตเจ็ต และฟีเจอร์อื่นๆ เพิ่มเข้ามา รวมไปถึงการอัพเดทต่างๆ เพื่อให้การใช้งานได้ดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการอัพเดทใหม่มากกว่าการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
การปรับแต่งหน้า Lock Screen
สำหรับการอัพเดทในเรื่องของหน้าจอ Lock Screen นี้ เราสามารถปรับแต่งหน้าจอให้มีความเป็นส่วนตัว และความสวยงามไปพร้อมๆ กันได้ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่จากหน้าจอ iPad โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับรูปภาพที่จะใช้ตั้งเป็นรูปบนหน้าจอ และแต่งรูปเพิ่มเติมได้ ทั้งการใช้รูปภาพเป็นชุดและให้หน้าจอสลับรูปภาพไปเองเรื่อยๆ หรือจะใช้เป็น Live Photo ที่เคลื่อนไหวในแบบสโลว์โมชั่นตอนเปิด iPad ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งวันที่ หรือเวลาด้วยการเลือกฟอนต์และสีสันต่างๆ รวมไปถึงการใช้อิโมจิเข้าไปได้อีก ทั้งนี้ก็ยังสามารถติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์จากหน้าจอที่ล็อคอยู่ได้เลย ทั้งกีฬา การเดินทาง หรือไรเดอร์ส่งอาหาร
Widgets ที่ทำงานได้มากขึ้น
สำหรับ Widgets บน iPadOS 17 นั้นจะช่วยให้เราได้ทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่แตะหน้าจอขณะที่ล็อคอยู่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟ เปิดเพลง หรือว่าทำเครื่องหมายตามที่ตั้งไว้ในรายการเตินความจำได้ทันที พร้อมการอัพเดท WidgetKit ที่ให้นักพัฒนาใส่การโต้ตอบเพิ่มเข้าไปได้อีก ซึ่งเราสามารถโต้ตอบได้เลยทั้งตอนล็อค และในหน้าโฮม ช่วยให้ทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ Widgets ต่างๆ จะกลืนเข้ากับพื้นหลังและปรับโทนสีให้เข้ากัน แต่ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนอีกด้วย
ใช้งาน PDF และ Notes ได้ง่ายขึ้น
คนที่ใช้งาน PDF บ่อยๆ สามารถป้อนข้อมูลลงไปบน PDF ได้ง่ายขึ้น จากการเรียนรู้ของระบบที่ค้นหาช่องกรอกข้อมูลให้เลย เพื่อให้เราสามารถใส่ข้อมูลจากรายชื่อ ที่อยู่ หรือว่าอีเมลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ส่วนแอพ Notes นั้นก็มีการทำให้เราสามารถจัดการ อ่าน และใส่คำอธิบายต่างๆ ลงไปบน PDF ได้ พร้อมการพลิกไปยังหน้าอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น โดยการใส่คำประกอบเข้าไปนั้นสามารถเขียน และวาดลงไปได้เลยด้วย Apple Pencil และยังตรวจสอบกับคำอธิบาย และสแกนเอกสารได้เลยผ่านแอพโน้ต ที่มีฟีเจอร์การใช้งานร่วมกันแบบเรียลไทม์เมื่อแชร์กับคนอื่นๆ ได้ด้วย
iMessage ปรับปรุงการทำงานให้ตอบโต้ง่ายขึ้น
สำหรับ iMessage นั้นจะคล้ายๆ กับบน iOS 17 ที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยสามารถใช้แอพ iMessage ด้วยวิธีใหม่ๆ ได้ด้วยการใช้สติกเกอร์แบบอิโมจิ และสามารถสร้าง Live Sticker จากรูปภาพในอัลบัม เพื่อดึงวัตถุที่ต้องการเหล่านั้นมาเป็นสติกเกอร์ พร้อมทั้งตกแต่ง Live Sticker เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้สติกเกอร์ของเราได้ด้วย ทั้งนี้ก็สามารถเก็บไว้ในที่เดียวได้เหมือนใน iPhone ทั้งหมดเพื่อเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ก็ยังขยายข้อความมาดูได้ง่ายๆ แค่การแตะครั้งเดียว พร้อมทั้งการค้นหาที่ละเอียดกว่าเดิม และยังข้ามไปตำแหน่งล่าสุดที่อ่านไว้พร้อมตอบกลับได้ รวมไปถึงข้อความเสียงที่ถอดเสียงให้อัตโนมัติได้ทันที และการแชร์โลเคชั่นแบบเรียลไทม์บนแอพได้แล้ว
ทิ้งข้อความเสียงและวิดีโอบน FaceTime ได้แล้ว
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทำได้เหมือน iOS 17 ก็คือ FaceTime ที่ตอนนี้ก็สามารถทิ้งข้อความเสียงหรือว่าวิดีโอเอาไว้ได้แล้ว ถ้าอีกฝั่งไม่ว่างรับสาย นอกจากนี้ก็ยังเพิ่มการสื่อสารให้มีลูกเล่นด้วย Reaction การใส่เสง พลุ ลูกโป่ง หัวใจและอื่นๆ พร้อมเอฟเฟกต์ได้ง่ายๆ รวมไปถึงระบบอื่นๆ ที่เป็นแอพการโทรวิดีโอก็สามารถใช้งานได้ ซึ่งการ FaceTime ที่ส่งไปยัง Apple TV 4K ก็สามารถเชื่อมต่อเพื่อส่งไปยังหน้าจอใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน พร้อมกับคุณสมบัติที่อยู่ตรงกลางด้วย
Safari ที่ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการท่องเว็บบน Safari นั้นก็ได้มีการปรับปรุงให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์โปรไฟล์ที่ให้เราสามารถแยกหัวข้อต่างๆ ทั้งการทำงานและเรื่องส่วนตัวได้ โดยจะมีการเก็บประวัติอื่นๆ และรายการโปรกแยกออกจากกัน และยังสามารถเปลี่ยนสลับไปมาได้เลยง่ายๆ นอกจากนี้ก็ยังท่องเว็บแบบส่วนตัวที่ช่วยล็อคหน้าต่างใช้งานด้วย Face ID หรือ Touch ID กับการลบตัวติดตามข้ามเว็บ รวมไปถึงการค้นหาที่ดีขึ้นเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย
แอพสุขภาพใน iPad
บน iPadOS 17 อันใหม่นี้ก็มีแอพสุขภาพเข้ามา เพื่อช่วยดูแลสุขภาพอย่างละเอียด พร้อมกับการออกแบบที่ทำให้เหมาะสมกับจอ iPad ทั้งรายการโปรด และการดูข้อมูลเชิงลึกผ่านแนวโน้ม และแผนภูมิต่างๆ แบบครบถ้วน รวมไปถึงการติดตามการกินยา การติดตามรอบเดือน บันทึกอารมณ์ ดูบันทึกสุขภาพและอื่นๆ ที่มีระบบความปลอดภัยและส่วนตัว นอกจากนี้นักพัฒนาก็สามารถใช้ HealthKit บน iPad เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ในแอพอย่างเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีการอัพเดทจาก iPadOS 17
- ตัวจัดการให้อยู่ตรงกลาง: เป็นการเพิ่มความยึดหยุ่นทั้งตำแหน่งและขนาด เราจึงสามารถทำงานได้มากกว่าเดิม และรองรับกล้องทั้งในตัวเครื่อง และจอภาพภายนอกได้ด้วย
- Freeform: มีเครื่องมือใหม่ๆ สำหรับการวาด การยกปลาย การเอียง หรือย้ายไปติดกับรูปอื่น พร้อมกับการเพิ่มเส้นเชื่อมต่อ และรูปร่างอื่นๆ ในวัตถุกับ Follow Along ที่แนะนำการทำงานร่วมกันด้วย
- Spotlight: ช่วยให้การค้นหาและการทำงานต่างๆ เร็วขึ้น โดยมีทางลัดไปสู่ขั้นตอนต่อไป และจะมีการปรับปรุงเรื่องการแสดงผลและการค้นหาวิดีโอด้วย
- ค้นหาจากภาพ: สามารถค้นหาและจำไปสู่อาหาร หน้าร้าน เครื่องหมายต่างๆ ได้ง่ายๆ
- แป้นพิมพ์: ปรับปรุงการแก้ไขอัตโนมัติ ทำให้พิมพ์ได้รวดเร็ว พร้อมกับการคาดเดาข้อความเพื่อให้พิมพ์เร็วขึ้น รวมไปถึงการใส่คำจากเสียงที่แม่นยำขึ้นด้วย
- Siri: ใช้งานคำสั่ง Siri ครั้งเดียว และสั่งหลายคำสั่งติดต่อกันได้เลย ไม่ต้องพูดใหม่อีกครั้ง
- AirPlay: แชร์เนื้อหาต่างๆ ได้ง่ายขึ้นจากระบบอัจฉริยะ และยังทำงานได้กับ TV ที่รองรับการใช้งานเพื่อดูเนื้อหาโปรดได้ง่าย ถึงจะไม่ได้อยู่ที่บ้านก็ตาม
- เตือนความจำ: มีฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างการสร้างรายการจ่ายตลอด ที่ทำให้ซื้อของพร้อมจุดกลุ่มต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และยังมีมุมมองแบบใหม่ที่เรียงแบบแนวนอน
- แผนที่: สามารถโหลดแผนที่มาใช้งานได้แบบออฟไลน์ โดยสามารถเลือกพื้นที่ต่างๆ พร้อมรายละเอียดได้เลยทุกรูปแบบการเดินทาง
นอกจากนี้ก็ยังมีการปรับปรุงความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับเด็กๆ ทีอาจมีเนื้อหาสุ่มเสี่ยง รวมไปถึงการอัพเดทเรื่องสิทธิ์อนุญาตของรูปภาพ และโหมดล็อคดาวน์ที่ช่วยป้องกันสปายแวร์ได้ และก็ยังมีเครื่องมือใหม่ๆ ที่ทำให้ iPad ใช้งานได้ง่ายขึ้น ทั้งหน้าอินเทอร์เฟซที่ปรับปรุงให้กับผู้บกพร่อง ทั้งการใช้เสียงเป็นข้อความ หรือว่าส่วนของแว่นขยายที่ชี้และอ่านออกเสียง สำหรับคนตาบอดให้สามารถใช้งานเครื่องมืออื่นๆ ได้ง่ายขึ้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPadOS 17 ที่นี่
iOS 17/ iPadOS 17 รุ่นไหนรองรับและได้ไปต่อ
iPhone ที่รองรับและอัพเดทได้คือ
- iPhone 14
- iPhone 14 Plus
- iPhone 14 Pro
- iPhone 14 Pro Max
- iPhone 13
- iPhone 13 mini
- iPhone 13 Pro
- iPhone 13 Pro Max
- iPhone 12
- iPhone 12 mini
- iPhone 12 Pro
- iPhone 12 Pro Max
- iPhone 11
- iPhone 11 Pro
- iPhone 11 Pro Max
- iPhone XS
- iPhone XS Max
- iPhone XR
- iPhone SE (Gen 2-3)
iPad ที่รองรับและอัพเดทได้คือ
- iPad Pro (รุ่นที่ 2 ขึ้นไป)
- iPad Air (รุ่นที่ 3 ขึ้นไป)
- iPad (รุ่นที่ 6 ขึ้นไป)
- iPad mini (รุ่นที่ 5 ขึ้นไป)
iOS 17/ iPadOS 17 อัพเดทได้เมื่อไหร่
สำหรับการอัพเดทของ iOS 17/ iPadOS 17 ทั้งสองระบบของ iPhone และ iPad นั้นในตอนนี้เปิดให้นักพัฒนาสามารถใช้งาน iOS 17/ iPadOS 17 รุ่นตัวอย่างได้ที่ developer.apple.com ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ส่วนคนทั่วไปนั้นสามารถใช้งานรุ่นเบต้าได้ในเดือน กรกฎาคม 2023 หรือเดือนหน้านี้ที่ beta.apple.com ส่วนการใช้งานเต็มนั้น จะพร้อมใช้งานภายในปีนี้หรืออาจเป็นช่วงปลายปีที่ iPhone 15 ออกมาก็ได้ ทั้งนี้ฟีเจอร์ทั้งหมดของทั้งสองระบบอาจมีการเปลี่ยนแปลงนอกเหนือจากนี้ได้ด้วย รวมไปถึงบางฟีเจอร์ก็ไม่สามารถใช้งานได้ในบางภูมิภาคด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ apple.com
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเกี่ยวกับ iOS 17/ iPadOS 17 มีอะไรใหม่บ้างที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ โดยหลักๆ แล้วก็จะมีการปรับปรุงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยในหลายๆ ด้านอย่างเช่น iMessage AirDrop และ NameDrop หรืออื่นๆ ที่ทำให้ผู้ใช้งานนั้นทำอะไรได้มากขึ้นกว่าที่เคยมี ซึ่งการอัพเดทแบบเต็มๆ ก็ต้องมารอดูกันอีกทีว่าจะได้ใช้กันตอนไหน หรือถ้าใครรีบอยากเล่นในตัวเบต้าก็รอโหลดกันเดือนหน้าได้เลย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ
ขอบคุณภาพและข้อมูลทั้งหมดจาก Apple TH