Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Editorial»แนะนำแท็บเล็ตอ่านหนังสือ ลงแอปได้ ราคาไม่ถึง 10,000
    Editorial

    แนะนำแท็บเล็ตอ่านหนังสือ ลงแอปได้ ราคาไม่ถึง 10,000

    ZeroSystemBy ZeroSystem11 สิงหาคม 2024
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    แท็บเล็ตอ่านหนังสือ ลงแอปได้ งบ 10000
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    แท็บเล็ตอ่านหนังสือ ลงแอปได้ งบ 10000

    ในการอ่าน ebook อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ถ้าเมื่อก่อนก็มักจะนิยมใช้เป็นเครื่องอ่าน ebook โดยเฉพาะ ซึ่งมักใช้หน้าจอประเภท e-ink ที่สบายตากว่าหน้าจอ LCD/LED ส่วนการจะหา e-book มาอ่านก็ต้องอาศัยการซื้อผ่าน store ที่มากับเครื่องหรือนำเข้าเป็นไฟล์ EPUB ไฟล์ PDF เป็นหลัก แต่ในปัจจุบันเครื่องอ่าน ebook ก็มีการพัฒนามาใช้ Android และหลายรุ่นก็สามารถลงแอปเพิ่มได้ด้วย ในบทความนี้จึงขอเรียกเป็นแท็บเล็ตอ่านหนังสือไปเลย ซึ่งเราก็จะมาแนะนำ 7 รุ่นที่น่าสนใจ ทุกเครื่องล้วนมี Play Store ทำให้ลงแอปเพิ่มได้ และมีราคาไม่ถึง 10,000 บาท เน้นเป็นเครื่องที่มีตัวแทนจำหน่ายไทยเป็นหลัก และมีบริการหลังการขายในกรณีที่เครื่องมีปัญหานะครับ

    1) BOOX Poke5S – จอ E-ink รุ่นเริ่มต้น

    จัดว่าเป็นแท็บเล็ตอ่านหนังสือแบบที่ลงแอปได้ในระดับรุ่นเริ่มต้น เหมาะสำหรับมือใหม่ในการเข้าสู่วงการนี้ก็ว่าได้ กับราคา 4,990 บาท มาพร้อมกับสเปคดังนี้

    • หน้าจอสัมผัส 6″ E-ink Carta ความละเอียด 1024×578 (212 PPI) แสดงผลแบบ grayscale
    • มีไฟปรับระดับความสว่างหน้าจอได้สองโทนอุณหภูมิสี (warm and cold)
    • ชิปประมวลผล quad-core แรม 2GB
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 32GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 512GB
    • Android 11
    • น้ำหนัก 160 กรัม
    • แบตเตอรี่ 1500 mAh ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C รองรับ OTG
    • Wi-Fi 2.4GHz และ 5GHz + Bluetooth 5.0
    • ไฟล์เอกสารที่รองรับ: pdf, epub, mobi, doc, txt, djvu, fb2, html, chm และอื่น ๆ (เปิดไฟล์ภาษาไทยได้)
    • ข้อมูลบนหน้าเว็บ

    BOOX Poke5S เป็นเครื่อง ereader ที่มีจุดเด่นในเรื่องน้ำหนักเบา สเปคก็ให้มาในระดับที่สามารถใช้อ่านหนังสือทั่วไปได้สบาย ๆ ทั้งยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ เช่นใน OneDrive, Google Drive รวมถึง Dropbox เพื่อดึงไฟล์หนังสือมาอ่านแบบออนไลน์ได้ทันที หรือจะโหลดไฟล์ลงเครื่องก็ทำได้เช่นกัน ที่สำคัญคือรองรับ Play Store ด้วย ทำให้สามารถดาวน์โหลดแอปแพลตฟอร์ม ebook เช่น meb หรือรายอื่น ๆ มาใช้ในเครื่องก็ได้เช่นกัน

    ส่วนหน้าจอก็จะเป็นแบบ E-ink ที่ทำให้อ่านหนังสือเป็นเวลานานได้โดยไม่ล้าสายตามากนัก มีไฟช่วยเพิ่มความสะดวกกับการอ่านในที่มีแสงน้อย แต่ก็จะมีข้อสังเกตนิดนึงคือค่า PPI ที่บ่งบอกถึงความหนาแน่นพิกเซลต่อตารางนิ้วที่จะอยู่ที่ 212 PPI เท่านั้น ซึ่งอยู่ในระดับที่ใช้อ่านตัวหนังสือได้ไม่มีปัญหา แต่กับการแสดงภาพอาจจะทำได้ไม่ค่อยคมมากนัก จึงอาจจะเหมาะกับสายชอบอ่านนิยายที่ไม่เน้นภาพประกอบมากนัก เหมาะมากสำหรับการหยิบมานั่งอ่านระหว่างรอเวลา ระหว่างอยู่บนรถไฟฟ้า เพราะมีขนาดแค่ 6″ และมีน้ำหนักเพียง 160 กรัมเท่านั้น ซึ่งเบากว่า iPhone 15 อยู่เล็กน้อย

    2) BOOX Poke5 – จอ E-ink รุ่นเริ่มต้นที่ตีบวก+

    ยังคงอยู่ที่แบรนด์ BOOX เช่นเดิม แต่ขยับมาเป็นรุ่นสูงขึ้นเล็กน้อยนั่นคือ Poke5 รุ่นปี 2024 ที่ขยับสเปคให้สูงขึ้น แต่ก็มีราคาเพิ่มขึ้นมาด้วย อยู่ที่ 6,490 บาท

    • หน้าจอสัมผัส 6″ E-ink Carta 1300 ปิดทับด้วยกระจก AG ความละเอียด 1448×1072 (300 PPI) แสดงผลแบบ grayscale
    • มีไฟปรับระดับความสว่างหน้าจอได้สองโทนอุณหภูมิสี (warm and cold)
    • ชิปประมวลผล quad-core แรม 2GB
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 32GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 512GB
    • Android 11
    • น้ำหนัก 160 กรัม
    • แบตเตอรี่ 1500 mAh ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C รองรับ OTG
    • Wi-Fi 2.4GHz และ 5GHz + Bluetooth 5.0
    • ไฟล์เอกสารที่รองรับ: pdf, epub, mobi, doc, txt, djvu, fb2, html, chm และอื่น ๆ (เปิดไฟล์ภาษาไทยได้)

    BOOX Poke5 จะเป็นแท็บเล็ตอ่านหนังสือที่มีสเปคส่วนใหญ่เหมือนกับ Poke5S เลยก็ว่าได้ แต่ส่วนที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือหน้าจอที่มีความละเอียดสูงขึ้น ส่งผลให้มีค่า PPI สูงขึ้นด้วย ทำให้ตัวหนังสือและภาพที่แสดงบนหน้าจอจะดูสวย เนียนตาขึ้นกว่ารุ่นเล็กพอสมควร ส่วนความสามารถที่สำคัญของบทความนี้ยังการรองรับ Play Store เพื่อให้สามารถลงแอปได้ แท็บเล็ตอ่านหนังสือรุ่นนี้ก็แน่นอนว่าทำได้สบาย ๆ เลย แต่ก็จะมีข้อจำกัดด้วยเรื่องขนาดหน้าจอนิดนึงตรงที่อาจจะใช้อ่านไฟล์ pdf ได้ไม่สะดวกมากนัก เพราะจอมีขนาดเล็กไปหน่อย แต่ถ้าใครเป็นสายอ่าน epub ก็บอกเลยว่าสบาย ใช้อ่านมังงะก็ได้เลยด้วยค่า PPI ของจอที่สูง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่มีการแบ่งช่องเยอะ ๆ มีตัวหนังสืออัดกันตัวเล็ก ๆ อันนี้อาจจะไม่สะดวกมากนัก เนื่องจากหน้าจอมีขนาดเพียง 6″ เท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการเครื่องไว้ใช้งานได้หลากหลายจริง ๆ ระหว่าง Poke5S กับ Poke5 ก็แนะนำว่าซื้อตัวหลังน่าจะคุ้มกว่าครับ จ่ายเพิ่มประมาณ 1,500 บาท แต่ได้จอละเอียดกว่า ดูภาพได้สบายตากว่า แต่ถ้าติดเรื่องงบจริง ๆ Poke5S ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ ในกรณีที่ต้องการแท็บเล็ตอ่านหนังสือที่ลงแอปเพิ่มได้

    3) Meebook M6C – จอ E-ink แสดงสีได้

    ขยับมาที่หน้าจอสีกันบ้าง รุ่นที่น่าสนใจและมีราคาย่อมเยาก็จะเป็น Meebook M6C ที่มีขนาดกะทัดรัดเท่า ๆ กับสองรุ่นในข้างต้น แต่หน้าจอจะพิเศษกว่าตรงที่สามารถแสดงได้สองโหมด คือแบบขาวดำ grayscale และแบบสี ที่สีสันก็อาจจะไม่ถึงระดับแท็บเล็ต Android ทั่วไป แต่จะเน้นเป็นสีโทนนวลตา ติดเฟดนิดหน่อยตามข้อจำกัดของจอ E-ink ส่วนราคาก็อยู่ที่ 6,990 บาท ได้สเปคตามนี้

    • หน้าจอสัมผัส 6″ E-ink Kaleido 3 ความละเอียด 1448×1072
    • รองรับการแสดงภาพทั้งแบบสี (ได้ 150 PPI) และแบบขาวดำ grayscale (ได้ 300 PPI)
    • มีไฟปรับระดับความสว่างหน้าจอได้สองโทนอุณหภูมิสี (warm and cold) ปรับได้ 24 ระดับ
    • ชิปประมวลผล quad-core 1.8GHz แรม 3GB
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 32GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
    • Android 11
    • น้ำหนัก 180 กรัม
    • แบตเตอรี่ 2200 mAh สแตนด์บายได้ประมาณ 5 สัปดาห์ ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C รองรับ OTG
    • Wi-Fi 2.4GHz และ 5GHz + Bluetooth 5.0
    • ไฟล์เอกสารที่รองรับ: pdf, epub, mobi, doc, txt, djvu, fb2, html, chm, azw และอื่น ๆ (เปิดไฟล์ภาษาไทยได้)
    • ข้อมูลบนหน้าเว็บ

    Meebook M6C เป็นแท็บเล็ตอ่านหนังสือที่ลงแอปเพิ่มได้ ซึ่งมาพร้อมหน้าจอที่สามารถแสดงสีสันได้ด้วย จึงทำให้สามารถใช้อ่านหนังสือที่มีภาพประกอบได้ในระดับหนึ่งเลย แต่จากที่ลองดูรีวิวของผู้ใช้งานจริง บางส่วนจะระบุว่าตัวเครื่องอาจมีการตอบสนองช้าบ้างเล็กน้อยตอนเปลี่ยนหน้า แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานทั่วไปได้ ใช้อ่านมังงะก็ไหว แม้หน้าจอจะเล็กไปนิดนึง แต่ถ้าเป็นสายอ่านไลท์โนเวล อ่านนวนิยาย นิยายจีน บอกเลยว่าไซซ์นี้คืออ่านสนุกมาก เพราะพกง่าย น้ำหนักเบา ใส่ในกระเป๋ากางเกงยังพอได้เลย

    4) Meebook P78 Pro – จอ E-ink ในไซซ์ iPad mini

    ส่วนถ้าอยากได้หน้าจอใหญ่ขึ้น เพื่อให้อ่านหนังสือ อ่านมังงะได้เต็มตาและสะดวกกว่าเดิม แต่ยังอยากได้เป็นจอ E-ink และลงแอปเพิ่มผ่าน Play Store ได้ในงบไม่เกินหมื่นอยู่ ก็จะมี Meebook P78 Pro ที่น่าสนใจครับ เพราะตัวเครื่องอย่างเดียวจะมีราคาอยู่ที่ 8,990 บาท โดยหน้าจอจะมีขนาด 7.8″ เทียบขนาดเครื่องแล้วใกล้เคียงกับ iPad mini 6 มาก ๆ และนอกจากจะใช้อ่าน ebook ได้แล้ว ยังสามารถใช้เป็นสมุดจดบันทึกได้ด้วย เพราะหน้าจอรองรับการใช้งานร่วมกับปากกาสไตลัส ซึ่งถ้าซื้อพร้อมเครื่องก็จะราคาเกือบหมื่นพอดี สำหรับสเปคที่ได้ มีดังนี้

    • หน้าจอสัมผัส 7.8″ E-ink Carta ความละเอียด 1404×1872 (300 PPI) แสดงผลแบบ grayscale
    • มีไฟปรับระดับความสว่างหน้าจอได้สองโทนอุณหภูมิสี (warm and cold)
    • ชิปประมวลผล quad-core แรม 3GB
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 32GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
    • Android 11
    • น้ำหนัก 267 กรัม
    • แบตเตอรี่ 3200 mAh ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C รองรับ OTG
    • มีลำโพงในตัว
    • มีปุ่มกดเปลี่ยนหน้าอยู่ข้างจอ
    • Wi-Fi b/g/n + Bluetooth 4.2
    • ไฟล์เอกสารที่รองรับ: pdf, epub, mobi, doc, txt, djvu, fb2, html, chm, azw และอื่น ๆ (เปิดไฟล์ภาษาไทยได้)
    • ข้อมูลบนหน้าเว็บ

    แม้สเปคในบางจุดอาจจะดูไม่เชิงว่าเป็นเวอร์ชันล่าสุดนัก แต่ก็อยู่ในระดับที่สามารถใช้อ่านหนังสือได้สบายมาก โดยข้อที่เป็นจุดเด่นเลยก็อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นคือหน้าจอขนาด 7.8″ ที่หลายท่านยกให้เป็นขนาดที่กำลังพอเหมาะพอเจาะ คือยังพกได้ไม่ลำบากนัก แต่ก็ได้พื้นที่แสดงผลที่ใหญ่เพียงพอสำหรับการอ่านหนังสือได้สบายตา สามารถถืออ่านมือเดียว นอนอ่านหนังสือได้สบาย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มองว่าหน้าจอ 6″ นั้นดูเล็กไป แต่ถ้าเป็นกลุ่มจอ 10″ ขึ้นไปก็ใหญ่เกิน แต่ย้ำอีกครั้งว่ารุ่นนี้แสดงได้เฉพาะขาวดำแบบ grayscale นะครับ

    5) Samsung Galaxy Tab A9 LTE 8/128 – แท็บเล็ต Android แบรนด์ดังต่ำหมื่นตัวคุ้ม

    แท็บเล็ตปกติก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่หลายคนนำมาใช้อ่าน ebook เช่นกัน แต่ถ้าแบ่งอัตราส่วนรูปแบบการใช้งานก็อาจจะมีการนำมาใช้อ่านหนังสือน้อยลงมากว่าพวก ereader ซักหน่อย เช่นอาจจะเอาไว้ใช้เล่นเน็ต เล่นแอป เล่นเกมในเวลาปกติ ส่วนเวลาว่าง ๆ หรือก่อนนอนก็หยิบมาใช้อ่าน ebook บ้าง ซึ่งถ้าไลฟ์สไตล์ของคุณมีแนวโน้มว่าจะซื้อแท็บเล็ตมาใช้ในลักษณะคล้าย ๆ กันนี้ การเลือกแท็บเล็ต Android ซักเครื่องที่มีขนาดพกพาง่ายก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

    ซึ่งถ้าหากต้องการเป็นแท็บเล็ต Android แบรนด์ดัง กะว่าใช้งานได้นานหน่อย ราคาไม่แรงเกิน ช่วงนี้ Samsung Galaxy Tab A9 LTE น่าสนใจมากครับ

    • หน้าจอสัมผัส 8.7″ ความละเอียด 1340×800 (179 PPI)
    • ชิปประมวลผล MediaTek Helio G99
    • แรม 4GB หรือ 8GB
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 64GB หรือ 128GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
    • Android 13
    • น้ำหนัก 333 กรัม
    • แบตเตอรี่ 5100 mAh ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C
    • มีลำโพงในตัว
    • Wi-Fi 5 + Bluetooth 5.3 + 4G LTE
    • กล้องหลัง 8MP กล้องหน้า 2MP
    • ข้อมูลบนหน้าเว็บ Samsung

    สำหรับ Samsung Galaxy Tab A9 จะมีจุดที่น่านำมาใช้เป็นแท็บเล็ตสำหรับอ่าน ebook ก็ตรงที่หน้าจอมีขนาด 8.7″ ที่กำลังพอเหมาะสำหรับใช้อ่านหนังสือ เพราะไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตอบโจทย์ความบันเทิงในด้านอื่น ๆ ได้ด้วยในเครื่องเดียว แต่ตัวหนังสือบนจออาจจะไม่ชัดแบบคมกริบมากนัก เนื่องด้วยค่า PPI ของจอที่อาจไม่ค่อยสูงซักเท่าไหร่ โดยถ้าให้แนะนำก็ควรเลือกเป็นรุ่นแรม 8GB รอม 128GB ไปเลยดีกว่า ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 6 พันกลาง ๆ ถึงเกือบ 7 พันบาท

    6) Xiaomi Redmi Pad SE 6 – แท็บเล็ตจอใหญ่ อ่านได้ ดูหนังก็ดี

    ต่อกันอีกรุ่นกับสายแท็บเล็ต Android ปกติที่นำมาใช้อ่านหนังสือก็ดีอย่าง Xiaomi Redmi Pad SE 6 ที่จะขยับหน้าจอมาเป็น 11″ เอาใจคนอยากได้แท็บเล็ตอ่านหนังสือจอใหญ่ ๆ เพื่อการอ่านได้แบบเต็มตา หรือจะใช้เปิดให้เด็ก ๆ ดูเพื่อประกอบการเรียนรู้ก็ทำได้ง่ายด้วย ส่วนสเปคเครื่องก็ตามนี้

    • หน้าจอสัมผัส 11″ ความละเอียด 1920×1200 (207 PPI) 90Hz
    • ชิปประมวลผล Snapdragon 680 8 คอร์
    • แรม 6GB
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
    • Android 13
    • น้ำหนัก 478 กรัม
    • แบตเตอรี่ 8000 mAh ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C 10W
    • มีลำโพง 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos
    • Wi-Fi 5 + Bluetooth 5.0
    • กล้องหลัง 8MP กล้องหน้า 5MP
    • ข้อมูลบนหน้าเว็บ Mi

    Xiaomi Redmi Pad SE 6 เป็นแท็บเล็ตรุ่นคุ้มราคาอีกตัวที่เหมาะสำหรับมาใช้ในการอ่านหนังสือบนจอใหญ่ ๆ ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ถึง 11″ โดยมีค่าความหนาแน่นพิกเซลต่อตารางนิ้ว 207 PPI ทำให้สามารถแสดงตัวอักษรและรูปภาพได้อย่างคมชัด นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้าและมีโหมดอ่านหนังสือให้เปิดใช้งานได้ จึงทำให้สามารถซื้อมาใช้ในการอ่านหนังสือในยามว่างได้สบาย ๆ แต่ก็จะยังมีข้อจำกัดในเรื่องแสงสะท้อนจากกระจกหน้าจอ และรูปแบบการแสดงผลที่อาจทำให้ใช้อ่านติดต่อกันนาน ๆ ไม่ได้แบบกลุ่มของ ereader ที่ใช้จอ E-ink อยู่บ้าง แต่ก็จะเหมาะกับโจทย์การใช้งานที่คล้าย ๆ กับ Samsung Galaxy Tab A9 ในแง่ที่ต้องการแท็บเล็ตอเนกประสงค์ ใช้อ่านหนังสือได้ ใช้เล่นโซเชียล ใช้ดูหนังฟังเพลงได้ในเครื่องเดียว ส่วนราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาทสำหรับรุ่น 6/128GB และประมาณ 7,000 บาทสำหรับรุ่น 8/256GB

    7) BOOX Palma – จอ E-ink ขนาดเท่ามือถือ

    แต่ถ้าต้องการเครื่องอ่าน ebook ที่พกสะดวกแบบขีดสุดจริง ๆ ก็คงต้องยกให้ BOOX Palma ที่จุดเด่นก็ตามชื่อรุ่นเลยคือมีขนาดกะทัดรัด สามารถถือได้ในมือเดียว เพราะมีขนาดเท่า ๆ กับสมาร์ตโฟนทั่วไปเลย โดยที่ใช้จอเป็นแบบ E-ink และเป็นระบบปฏิบัติการ Android ที่สามารถติดตั้งแอปเพิ่มผ่าน Play Store ได้เช่นกัน สเปคเครื่องมีดังนี้

    • หน้าจอสัมผัส 6.13″ E-ink Carta 1200 จอกระจก ความละเอียด 1648×824 (300 PPI) แสดงผลแบบ grayscale
    • มีไฟปรับระดับความสว่างหน้าจอได้สองโทนอุณหภูมิสี (warm and cold)
    • ชิปประมวลผล Qualcomm แบบ octa-core แรม 6GB
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 512GB
    • Android 11
    • น้ำหนัก 170 กรัม
    • กล้องหลัง 16MP สำหรับใช้สแกนเอกสาร
    • แบตเตอรี่ 3950 mAh ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C รองรับ OTG
    • มีลำโพงในตัว
    • Wi-Fi 2.4 และ 5GHz + Bluetooth 5.0
    • ไฟล์เอกสารที่รองรับ: PDF, DJVU, CBR, CBZ, EPUB, AZW3, MOBI, TXT, DOC, DOCX, FB2, CHM, RTF, HTML, ZIP, PRC, PPT, PPTX (เปิดไฟล์ภาษาไทยได้)
    • ข้อมูลบนหน้าเว็บ

    ด้วยความที่หน้าจอมีขนาดเล็กกว่าแท็บเล็ต ทำให้ค่า PPI ของจอสูงถึง 300 PPI แน่นอนว่าจะช่วยให้ตัวอักษรและภาพที่แสดงบนจอมีความคมชัด ตัดขอบสวยเนียนตาแทบไม่ต่างจากการใช้มือถือปกติเลย และเมื่อประกอบกับความสามารถในการติดตั้งแอปผ่าน Play Store ได้ ทำให้สามารถลงแอปเพื่อใช้งานได้เสมือนเป็นมือถือเครื่องนึงในการไถฟีดโซเชียลเลยก็ยังได้ การทำงานโดยรวมก็จัดว่ารวดเร็วพอตัว ส่วนการรีเฟรชจอ จากที่มีผู้ใช้งานรีวิวไว้ ส่วนใหญ่ระบุว่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับกลุ่มจอ E-ink ด้วยกัน อีกฟังก์ชันที่น่าสนใจก็คือมีกล้องหลังไว้ใช้สำหรับสแกนเอกสารเก็บเป็นไฟล์ในเครื่องได้อีกด้วย ส่วนราคาก็จะสูงหน่อย แต่ยังอยู่ในงบแบบตึง ๆ ซักนิดนึง โดยเริ่มต้นที่ประมาณ 9,900 บาท ถ้ารูปแบบการใช้งานจะต้องเน้นที่พกสะดวก เน้นความคล่องตัวมาก ๆ เช่นยืนอ่านขณะโดยสารรถไฟฟ้า หยิบขึ้นมาอ่านระหว่างนั่งรอ เครื่องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว

     

    สรุป แท็บเล็ตอ่านหนังสือ+ลงแอปได้ เลือกแบบไหนดี

    ในกรณีที่ต้องการแท็บเล็ตอ่านหนังสือมาใช้ซักเครื่อง ความสามารถในการติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มได้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าสนใจ เพราะเท่ากับว่าผู้ใช้จะสามารถติดตั้งแอปร้านหนังสืออื่นนอกเหนือจากระบบที่ติดมากับเครื่องได้ รวมถึงยังสามารถลงแอปอื่นเพื่อใช้งานได้ด้วย อาทิแอปฟังเพลง แอปโซเชียล ซึ่งแท็บเล็ตในกลุ่มนี้ เท่าที่นิยมในปัจจุบันก็จะมีสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือแท็บเล็ตอ่านหนังสือที่ใช้เป็นจอ E-ink ซึ่งจุดเด่นคือหน้าจอจะเหมาะกับการใช้อ่านหนังสือติดต่อกันนาน ๆ ทั้งยังกินแบตต่ำ สามารถสแตนด์บายเครื่องได้เป็นเดือนโดยไม่ต้องชาร์จ แต่อาจจะได้ภาพที่ไม่สวยคม สีสัดมากนัก แม้จะมีรุ่นจอสีก็ตาม อย่างไรก็ตามก็จะมีจุดเด่นอื่นอีก เช่น น้ำหนักที่ค่อนข้างเบา ขนาดกะทัดรัด จึงเหมาะสำหรับการซื้อมาเพื่อใช้อ่านหนังสือเป็นหลัก ส่วนฟังก์ชันการลงแอปได้ก็จะถูกมองว่าเป็นฟังก์ชันรองลงมานิดนึง สำหรับในช่วงราคาไม่เกินหมื่นก็มักจะได้เป็นรุ่นจอ 6″ ที่มีตัวเลือกค่อนข้างหลากหลายหน่อย สำหรับแบรนด์ที่มีตัวแทนจำหน่ายและบริการหลังการขายในไทยอย่างเป็นทางการ

    ส่วนอีกกลุ่มก็คือการซื้อแท็บเล็ต Android ทั่วไปมาใช้ในการอ่านหนังสือไปเลย แน่นอนว่าหน้าจอก็จะมีสีสันสวยงาม การแสดงผลก็ลื่นไหลกว่าจอ E-ink รวมถึงยังมีสเปคที่แรงกว่า ใช้งานได้หลากหลายกว่ามาก กลุ่มนี้มองว่าจะเหมาะสำหรับการนำมาใช้งานอย่างอื่น ใช้เพื่อความบันเทิงเป็นหลัก ส่วนการอ่านหนังสือดูจะเป็นความสำคัญระดับรองลงมามากกว่า สำหรับในงบไม่เกินหมื่น ตัวเลือกในปัจจุบันจะมีหลากหลายมาก ๆ ทั้งจากแบรนด์จีนที่มีหลายระดับ อินเตอร์แบรนด์อย่าง Samsung ก็มีให้เลือก หน้าจอก็จะมีหลากหลายขนาดเช่นกัน ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มที่ 7″ ขึ้นไป

     

    BOOX E-Book ebook ereader MeeBook Samsung Xiaomi แท็บเล็ต
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ZeroSystem

    Related Posts

    วิธียกเลิกบริการเสริม AIS ที่เสียเงิน ยกเลิกข้อความเสียเงินจาก AIS ทำยังไง อัพเดท 2568

    13 พฤษภาคม 2025

    วิธียกเลิกแอพเสียเงิน iOS/ Android ยกเลิกสมัครแอพต่างๆ ทั้งหมดทำยังไงบ้างแบบง่ายๆ ปี 2025

    13 พฤษภาคม 2025

    Samsung Galaxy S25 Edge มาแล้ว เปิดราคา 36,xxx บาง 5.8mm แต่แรงด้วย SD 8 Elite for Galaxy

    13 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    วิธียกเลิกบริการเสริม AIS ที่เสียเงิน ยกเลิกข้อความเสียเงินจาก AIS ทำยังไง อัพเดท 2568

    13 พฤษภาคม 2025

    วิธียกเลิกแอพเสียเงิน iOS/ Android ยกเลิกสมัครแอพต่างๆ ทั้งหมดทำยังไงบ้างแบบง่ายๆ ปี 2025

    13 พฤษภาคม 2025

    Samsung Galaxy S25 Edge มาแล้ว เปิดราคา 36,xxx บาง 5.8mm แต่แรงด้วย SD 8 Elite for Galaxy

    13 พฤษภาคม 2025

    Apple อาจใช้ AI ช่วยประหยัดพลังงาน คาดใส่เข้ามาใน iOS 19

    13 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X